Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มิถุนายน 2534








 
นิตยสารผู้จัดการ มิถุนายน 2534
ธนชาติและเบื้องหลังบริษัทกำจัดหนี้โสมชบา             
โดย ภัชราพร ช้างแก้ว
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัทเงินทุนธนชาติ

   
search resources

ธนชาต, บล.
มาบุญครอง
อมร อัศวานันท์




โสมชบาเป็นบริษัทเพื่อการลงทุนในเครือของบงล.ธนชาติจัดตั้งเมื่อเดือนตุลาคม 2532 ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท มีผู้ถือหุ้น 4 ราย ซึ่งต่างเป็นบริษัทในเครือของบงล.ธนชาติที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเป้าหมายที่คล้ายคลึงกับโสมชบา

โยทะกา สุพรรณิกา การะวาตีและทองกวาว คือ 4 บริษัทที่เป็นผู้ถือหุ้นโสมชบาแห่งละ 25%

เป้าหมายการลงทุนแรกสุดของโสมชบา คือ การเข้าไปซื้อหุ้นบริษัทมาบุญครองไรซมิลล์ บริษัทมาบุญครองเทรดดิ้ง โดยซื้อจากธนาคารไทยพาณิชย์แบบมีส่วนลด

ทั้งนี้ธนาคารไทยพาณิชย์ได้ซื้อบริษัททั้งสี่ไว้ได้จากการจัดการขายทอดตลาดหุ้นของบริษัทเหล่านี้ดดยะนาคารฯ เอง เพราะหุ้นบริษัทเหล่านี้ในส่วนที่บริษัทมาบุญครองอบพืช และไซโลเป็นเจ้าของได้มีการนำหุ้นจำนวนหนึ่งมาทำสัญญาจำนำไว้กับธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อขอรับสินเชื่อ แต่เมื่อมีการผิดนัดชำระหนี้ ธนาคารฯ จึงนำหุ้นทั้งหลายออกขายทอดตลาด และธนาคารฯซื้อไว้ได้ในราคารวมทั้งหมด 93.4 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี บันเทิง ตันติวิท ประธานกรรมการฯ บงล.ธนชาติ เปิดเผยเมื่อเดือนมกราคม 2533 ว่า "บริษัททั้งสี่เป็นเจ้าหนี้มาบุญครองอบพืชและไซโลจำนวน 420 ล้านบาท และเป็นผู้ถือหุ้นในมาบุญครองโฮเต็ลรวม 75% โสมชบาจะไปซื้อหุ้นบริษัททั้งสี่และจะยอซื้อหนี้ของมาบุญครองอบพืชและไซโลจากะนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งมีมูลหนี้รวม 270 ล้านบาทอีกด้วย โดยซื่อแบบมีส่วนลดเช่นกัน"

แนวคิดนี้เป็นจริงในเดือนพฤษภาคมถัดมา โสมชบาไม่เพียงซื้อหุ้นใน 4 บริษัทดังกล่าวและซื้อหนี้จากธนาคารไทยพาณิชย์เท่านั้น แต่จะทำการชำระหนี้ในส่วนที่ไม่มีทรัพย์สินค้ำประกันของบริษัทมาบุญครองอบพืช และไซโลและบริษัทในเครือที่มีปัญหาในครั้งนี้ด้วย

มูลค่าการชำระหนี้ทั้งหมดอยู่ในวงเงินประมาณ 1,200 ล้านบาท

โสมชบาจัดการชำระหนี้ในอัตรา 75% ของหนี้ที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันด้วยเงินสดอีก 25% ที่เหลือถือเป็นค่าธรรมเนียม ค่าความเสี่ยงและบำเหน็จการเหนื่อยยากในการหามาตรการมาแก้ไขปัญหานี้ครั้งนี้ของโสมชบา

อมร อัศวานนท์ กล่าวกับ "ผู้จัดการรายสัปดาห์" ว่า "เราได้จ่ายค่าตอบแทนให้

โสมชบาไป ซึ่งก็เป็นจำนวนที่ค่อนข้างมาก เพราะเขาทำให้เราได้รับการชำระหนี้เต็มมูลค่าในเวลาที่เร็วขึ้น"

ทั้งนี้โสมชบากู้เงินมาจากบงล.ธนชาติอีกทอดหนึ่งเพื่อเอามาซื้อหนี้ของมาบุญครองหรือชำระหนี้แทนมาบุญครองฯ ซึ่งจะทำให้โสมชบากลายเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของมาบุญครองไปโดยปริยาย

ในวันที่มีการซื่อหนี้กันนั้น มาบุญครองอบพืชและไซโลได้ทำการเพิ่มทุนอีกเท่าตัวคือ 733.5 ล้านบาท โสมชบาได้มาซื้อหุ้นเพิ่มทุนไปจำนวนหนึ่งประมาณ 4 ล้านหุ้นในราคาพาร์หุ้นละ 100 บาท เป็นมูลค่า 400 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 333.5 ล้านบาท นั้นมีผู้ถือหุ้นเก่ารายอื่นๆซื้อไป

เงินตัวนี้หมุนกลับมาที่ดสมชบาอีกครั้งในฐานะเจ้าหนี้รายใหญ่ของมาบุญครองฯ

การซื้อหนี้ชำระหนี้และซื้อหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้กระทำกันระวห่างวันที่ 17 ถึงก่อนเวลา 10.00 น. ของวันที่ 18 พฤษภาคม 2533 เพื่อให้การเคลียริ่งเช็คไม่มีปัญหา

การไหลเวียนของเงินทั้งหมดจึงเกิดขึ้นเพียงในกระดาษเช็คเท่านั้น!!

อมร ซึ่งในเวลานั้นดำรงตำแหน่งผุ้จัดการสินเชื่ออุตสาหกรรมธนาคารไทยพาณิชย์เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายสัปดาห์" ว่า "ธนาคารฯได้รับการชำระหนี้คืนแล้วเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม การที่โสมชบาเข้ามาเป็นตัวกลางในการเจรจาครั้งนี้เป็นผลดีแก่เราในแง่ที่ว่าเราได้รับเงินเร็วขึ้น และในด้านบัญชีเราได้รับเงินทุกบาททุกสตางค์ ต้องเต็มจำนวยเพราะไม่เช่นนั้นผมไม่สามารถตัดหนี้สูญได้"

นอกจากนี้การมีโสมชบายังมีส่วนดีในแง่ที่สามารถเจรจาให้มาบุญครองทำการเพิ่มทุนได้เร็วขึ้นด้วย

หนี้ที่อมรกล่าวถึงว่าได้รับการชำระแล้วเป็นหนี้ที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน

มาบุญครองฯยิ่งมีหนี้สินที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันกับะนาคารไทยพาณิชย์อีกประมาณ 200 กว่าล้านบาท ทั้งนี้อมรกล่าวว่า "ถึงตอนนี้เราไม่กลัวเลย เพราะมีที่ดินที่ปทุมธานีและศรีราชามาเป็นจำนองอยู่เรายังไม่ได้กำหนดว่าส่วนที่เหลือนี่จะจ่ายเมื่อไหร่ แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรเพราะเราก็กินดอกเบี้ยกันไป"

ประเด็นเรื่องหนี้สินที่แท้จริงของ ศิริชัย บูลกุล ที่ทำให้บรรดาเจ้าหนี้ต้องลุกขึ้นมาฟ้องร้องประมาณ 19 รายนั้น เป็นเรื่องยากที่จะค้นหาตัวเลขที่แน่นอนออกมาได้

ธนาคารไทยพาณิชย์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดมีหนี้ 3 รายการ ซึ่งแถลงฟ้องไว้ที่ศาลแพ่งเมื่อเดินพฤศจิกายน 2532 คิดเป็นมูลค่ารวม 594,718,036.91 บาท

หนี้เหล่านี้มีที่ดินของบริษัทมาบุญครองอบพืชและไซโล และบริษัทมาบุญครองการอุตสาหกรรม 2 รายการมาค้ำประกัน ในวงเงินรวมกัน 190 ล้านบาท

ปัจจุบันที่ดินทั้งสองรายการ คือที่ดินที่ศรีราชา 12 แปลง อยู่ในความครอบครองของบริษัท ปทุมไรซมิชช์ แอนด์ แกรนารี่ จำกัด และที่ดินบางกระดี่ ปทุมธานี 107 แปลง อยู่ในความครอบครองอุตสาหกรรมซึ่งได้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท เอ็ม บี เค การอุตสาหกรรม เรียบร้อยแล้ว

นอกจากนี้บริษัทมาบุญครองไรซมิลล์ยังค้างชำระหนี้แก่ธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นจำนวน 158.058 ล้านบาทตามคำพิพากษาของศาลแพ่งเมื่อ 19 กันยายน 2532 ด้วย

ส่วนธนาคารกสิกรไทยนั้น บริษัทมาบุญครองอบพืชและไซโลมีหนี้อยู่จำนวน 292,831,448.97 บาท ตามการพิพากษาของศาลอุทธรณ์เมื่อเดือนสิงหาคม 2532

มูลหนี้ของเจ้าหนี้ทั้งสองรายเท่ากับ 887.549 ล้านบาท นอกจากนี้มีส่วนที่เป็นของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ในประเทศรายเล็กลงมาอีกเช่น บงล.ธนสยาม 40 ล้านบาท

บงล.เอ็มซีซี 5.15 ล้านบาท บงล.ไทยเม็กซ์ 10.24 ล้านบาท บงล. พัฒนสิน 5.27 ล้านบาท บง.ยิบอินซอย 0.56 ล้านบาท บริษัทคาซ่า 10.06 ล้านบาท

ส่วนหนี้ที่เหลือนั้น อมรกล่าวว่าเป็นของธนาคารและสถาบันการเงินต่างประเทศ

ธนาคารเชสแมนอัตตัน มีสำนักงานที่ปรึกษากฎหมายของ ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน เป็นทนายความดำเนินการฟ้องร้องมาบุญครอง 4 สำนวน มูลหนี้ 232.91 ล้านบาท

ธนาคารโนวาสโกเทีย เอเชีย มอบหมายให้สำนักงานที่ปรึกษากฎหมายและทนายเบเครอ์ แอนด์ แม็คเค็นซี่เป็นทนายฟ้องมาบุญครองมูลหนี้ประมาณ 88.68 ล้านบาท

ธนาคารปารีบาส์แห่งฝรั่งเศส มอบให้สำนักงานที่ปรึกษากฎหมายเบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ฟ้องมาบุญครองเช่นกัน มูลหนี้ 77 ล้านบาท

ธนาคารลองเทอม เครดิตแบงก์ 124.97 ล้านบาท

ทั้งนี้แหล่งข่าวจากศาลแพ่งเปิดเผยว่าในระหว่างปี 2529-2531 มีเจ้าหนี้ยื่นฟ้องบริษัทมาบุญครองอบพืชและไซโลและบริษัทในเครือรวมแล้ว 19 คดี คิดเป็นมูลหนี้ทั้งสิ้น 1,535.87 ล้านบาท

ในจำนวนนี้โสมชบาได้จัดการซื้อหนี้มาหมดแล้วและโสมชบาก็ทำการแปลงหนี้บางส่วนที่มีอยู่กับเอ็ม บี เคฯ เป็นทุน จนกลายเป็นผุ้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 2

อย่างไรก็ดี "ผู้จัดการ" เข้าใจว่าน่าจะมีเจ้าหนี้บางรายที่แปลงหนี้เป็นทุนบางส่วนเช่นกัน คือ ธนาคารเชสแมนฮัตตันและแบงก์เกอร์ทรัสต์

ทั้งหมดนี้เป็นกรรมวิธีที่ดูง่ายๆในห้องเรียน แต่เป็นเรื่องที่พิสดารและยุ่งยากไม่น้อยเมื่อมีการปฏิบัติจริง

อย่างนี้แหละที่เรียกว่าฝีมือ!!

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us