เทรนด์แมกกาซีนออนไลน์มาแรงในหลายประเทศทั่วโลก ส่วนไทยยังอีกไกล นายกสมาคมนิตยสารฯ ย้ำอย่าประมาท ให้ลองทำควบคู่กันไป ส่วนครึ่งปีที่ผ่านมาภาพรวมเม็ดเงินโฆษณาธุรกิจนิตยสารไทยลดลงเล็กน้อย ระบุปีนี้นิตยสารเปิดตัวใหม่แค่ 40 หัวลดลงจากเดิมที่มีถึงเฉลี่ย 80 หัวต่อปี
นายธนาชัย ธีรพัฒนวงศ์ นายกสมาคมนิตยสารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากที่ได้เข้าร่วมประชุม “World Magazine Trends 2007” พบว่าสื่อดิจิตอล พับลิชชิ่ง หรือ แมกกาซีนออนไลน์ กำลังเป็นที่น่าจับตาสูง โดยเฉพาะในประเทศที่ประชาชนมีการเข้าถึงสื่ออินเทอร์เน็ตได้ค่อนข้างมาก ขณะที่ไทยเองยังถือว่าประชาชนมีการเข้าถึงสื่ออินเทอร์เน็ตน้อยอยู่ ดังนั้นสื่อแมกกาซีนออนไลน์ ยังคงมองว่า อีกนานกว่าจะเข้ามามีบทบาทในประเทศไทย หรือมีการดึงเอาเม็ดเงินโฆษณาจากนิตยสารทั่วไป ไปอยู่ในกลุ่มดังกล่าวแทน
“แม้แมกกาซีนออนไลน์ อาจจะยังไม่ค่อยมีบทบาทในไทยนัก แต่ไม่อยากให้ผู้ประกอบการประมาท และอยากให้มองแมกกาซีนออนไลน์เป็น คอนเท้นต์หนึ่งของแมกกาซีน อยากให้ทำควบคู่กันไป เพราะข้อดีของแมกกาซีนออนไลน์ที่นิตยสารทำไม่ได้มีหลายอย่าง เช่น การเพิ่มคอนเท้นต์ด้านวิดีโอ, เกมส์ และอื่นๆให้ผู้อ่านได้รู้สึกได้มากกว่าการอ่านแมกกาซีนทั่วไป ดังนั้นหากทำควบคู่กันไป ก็น่าจะเป็นผลดีต่อธุรกิจนิตยสารไทยต่อไป”
นายวิลักษณ์ โหลทอง เลขาธิการสมาคมนิตยสารแห่งประเทศไทย และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินสไปร์ เอนเตอร์เทนเมนต์ จำกัด เจ้าของนิตยสาร เช่น เอฟเอชเอ็ม, คาร์, เอนเตอร์เทน และอื่นๆ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับธุรกิจนิตยสารไทยในปีนี้คาดว่า จะมีการเปิดตัวนิตยสารหัวใหม่ทั้งไทยและต่างประเทศประมาณ 30-40 หัว จากเดิมในช่วงเวลาปกติจะมีนิตยสารเปิดตัวใหม่ประมาณ 80 หัวต่อปี ถือเป็นอัตราที่ลดลงประมาณ 40% ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวเกิดจากสภาพเศรษฐกิจเป็นสำคัญ
โดย 6 เดือนที่ผ่านมาในแง่เม็ดเงินโฆษณาของธุรกิจนิตยสารลดลงประมาณ 8%เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา อีกทั้งพบว่ามีนิตยสารปิดตัวลงไปแล้วประมาณ 10 หัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหัวไทย ส่วนหัวนอก จะปิดตัวค่อนข้างยากเนื่องจากติดอยู่ในสัญญาต่างๆ เช่น อย่างน้อยต้องเปิดไม่ต่ำกว่า 5 ปีจึงจะสามารถปิดตัวลงได้ ขณะที่จำนวนผู้อ่านหรือจำนวนการขายนั้นยังคงเป็นไปตามปกติ อีกทั้งบางเซกเม้นต์ยังพบว่ามีอัตราการเติบโตอยู่
อย่างไรก็ตามเชื่อมั่นว่า ธุรกิจนิตยสารในประเทศไทย ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เพราะมีนิตยสารอยู่ประมาณ 1,000 หัวที่มีการแอกทีฟอยู่ในตลาด เมื่อเทียบกับบางประเทศที่เป็นตลาดใหญ่ของนิตยสารอย่าง อเมริกา และญี่ปุ่น ยังถือว่า ไทยมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก
นายวิลักษณ์ กล่าวถึง อินสไปร์ฯ ด้วยว่า เดิมครึ่งปีนี้ ทางบริษัทฯตั้งเป้ารายได้จากโฆษณาเติบโตขึ้น 10% จากจำนวนนิตยสารกว่า 11 หัว แต่ปรากฏว่า สามารถทำได้ต่ำกว่าเป้าเล็กน้อย หรือใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ทั้งนี้มาจากผลของการลงโฆษณาของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เมื่อต้นปีที่ผ่านมา บวกกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ส่วนครึ่งปีหลังนี้ในไตรมาสที่ 4 ทางบริษัทฯจะเปิดตัวหนังสือหัวนอกอีก 1 หัว เป็นนิตยสารสำหรับผู้ชาย จึงมองว่าครึ่งปีหลังน่าจะมีรายได้จากโฆษณาดีขึ้นจากครึ่งปีแรก
ด้านนางสาวระริน อุทกะพันธุ์ เหรัญญิกสมาคมนิตยสารแห่งประเทศไทย และกรรมการผู้จัดการสายธุรกิจสำนักพิมพ์ บริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวด้วยว่า สำหรับบริษัทฯเองครึ่งปีที่ผ่านมาในส่วนนิตยสารมีรายได้จากโฆษณาทรงตัวเท่าปีที่ผ่านมา จากเป้าที่วางไว้ 5-7 % โดยนิตยสารที่ยังโตอยู่ได้แก่ ด้านสุขภาพ เช่น ชีวจิต,เฮลท์ และนิตยสารประเภทที่อยู่อาศัย คือ รูม, บ้านและสวน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มียอดขายและยอดโฆษณาโตกว่าเป้าที่วางไว้ ส่วนกลุ่มที่มีรายได้ต่ำกว่าเป้า จะเป็นในกลุ่ม นิตยสารสำหรับผู้หญิง เนื่องจากในตลาดมีนิตยสารประเภทนี้ค่อนข้างเยอะ การแข่งขันจึงค่อนข้างสูง
ทั้งนี้ในช่วงครึ่งปีหลัง ทางบริษัทฯมีการดำเนินงานวางแผนในลักษณะเดือนต่อเดือน โดยเดือนก.ค.นี้มองว่าสถานการณ์ลดลงเล็กน้อย ส่วนเดือนหน้าค่อนข้างดี ทั้งนี้เนื่องจากลูกค้ากำลังมีการใช้เงินโฆษณาในรูปแบบระยะสั้นมากกว่าระยะยาว จึงทำให้ยอดรายได้ในแต่ละเดือนไม่คงที่ ดังนั้นทางบริษัทฯจึงต้องมีการวางแผนการขายโฆษณาเพิ่มขึ้น ในลักษณะขายเป็นแพ็กเก็จ มีการจัดกิจกรรมให้กับลูกค้าควบคู่ไปด้วย ซึ่งน่าจะช่วยให้รายได้ในส่วนโฆษณาดีขึ้นจากครึ่งปีแรก
อย่างไรก็ตามในปีนี้ บริษัทฯได้เปิดตัวนิตยสารใหม่ไป 1 หัว เมื่อช่วงเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา คือ อินสไตล์ ถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี แต่อาจต้องมีการปรับตัวหนังสือและการขายโฆษณาบ้างเล็กน้อย แต่ไม่น่าเป็นห่วงแต่อย่างไร
สำหรับรายได้ในปีนี้ บริษัทฯยังต้งเป้ารายได้รวมเติบโตจากปีที่ผ่านมา 10 % โดยมาจาก งานพิมพ์, นิตยสาร, หนังสือเล่ม, กลุ่มธุรกิจใหม่ คือ ทัวร์ เทรนนิ่ง และการจัดงาน คาดว่าน่าจะมีรายได้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้
|