กมลประกันภัยประกาศปรับภาพลักษณ์องค์กรใหม่ขานรับการเปิดเสรีธุรกิจประกัน เน้นประกันภัยเพื่อสังคม ส่ง “กมลตากาฟูล” นำร่องสำหรับชาวมุสลิม เน้นเจาะจังหวัดชายแดนภาคใต้หวังดึงลูกค้าคืนจากมาเลเซีย สิ้นปีนี้ผลิตเบี้ยรับรวม 1,000 ล้าน 3 ปีติดอันดับ 1 ใน 10 ของธุรกิจประกันวินาศภัย
บริษัท กมลประกันภัย จำกัด (มหาชน) ประกาศปรับภาพลักษณ์องค์กรใหม่สร้างสรรค์นวัตกรรมการประกันภัยเพื่อสังคม พร้อมพัฒนาระบบบริหารจัดการรองรับ ด้าน Call Center, ระบบเคลมด่วนภายใน 15–30 นาที, โครงการอู่พันธมิตร เป็นอู่เครือข่ายที่กมลประกันภัยได้ร่วมกับสถาบัน EQA : European Quality Assurance ดำเนินการตรวจสอบประสิทธิภาพและการบริการให้ได้มาตรฐาน เพื่อให้ลูกค้าของบริษัทได้รับประโยชน์สูงสุด ปัจจุบันมีเครือข่ายอู่ประมาณ 15 จังหวัด, โครงการทนายพันธมิตร เป็นเครือข่ายนักกฎหมายที่ให้คำปรึกษาตามกฎหมายและคดีความแก่ผู้เอาประกัน
"ปัจจุบันเป็นบริษัทประกันวินาศภัยอันดับที่ 32 มีสัดส่วนลูกค้าที่ซื้อกรมธรรม์ 80% เป็นกลุ่มประกันภัยรถยนต์ และอีก 20% เป็นกลุ่ม Non-Motor อาทิ ประกันภัยอุบัติเหตุ, ประกันอัคคีภัย, ประกันภัยการขนส่ง เป็นต้น และมีเป้าหมายที่จะติดอันดับ 1 ใน 10 ของธุรกิจประกันวินาศภัยภายใน 3 ปี สำหรับปีนี้ได้วางเป้าหมายเบี้ยรับไว้ที่ 1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มียอดเบี้ยรับรวม 700 ล้านบาท โดยผลประกอบการครึ่งปีแรกของปีนี้มียอดเบี้ยรับ 411 ล้านบาท เทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน ของปี 2549 ที่มีเบี้ยรับรวม 321 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 27.72%"
สำหรับเบี้ยรับรวมของปีนี้ที่ตั้งเป้าหมายเพิ่มขึ้นราว 40% คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมาย โดยการริเริ่มสร้างสรรค์สินค้าและบริการใหม่ๆ ที่ไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะการออกกรมธรรม์เพื่อสังคม อาทิ กมลตากาฟูล, My Way, My Plan และแผนฌาปนกิจสงเคราะห์ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญให้ฉีกแนวการแข่งขันในธุรกิจประกันวินาศภัย
นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานกรรมการ บริษัท กมลประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในยุคของการค้าเสรี บริษัทประกันภัยต่างชาติจะหลั่งไหลเข้ามาลงทุนในประเทศไทย กมลประกันภัย ได้ตื่นตัวรับกับการเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด ทั้งในด้านของการปรับโครงสร้าง การบริหารจัดการ การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการทำงานมากขึ้น สำหรับการออกกรมธรรม์จะเน้นเพื่อสังคมเป็นหลัก เช่น กรมธรรม์กมลตากาฟูล ถือเป็นกรมธรรม์ ที่ได้รับอนุมัติให้คุ้มครองชาวไทยมุสลิม โดยมีทั้งประกันวินาศภัย และประกันภัยอุบัติเหตุ และ ถือเป็นการให้ความสำคัญกับคนไทย ทุกศาสนาอย่างเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะในยามที่ประเทศต้องการความสมานฉันท์จากทุกฝ่าย แม้อาจดูเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อย แต่ทว่าอาจเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในใจของชาวไทยมุสลิม ทั่วประเทศ
นายมนัส บินมะฮมุด ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กมลประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เราตั้งเป้าหมายว่าจะก้าวขึ้นสู่อันดับ 1 ใน 10 ภายใน 3 ปี โดยเตรียมเพิ่มสัดส่วนกลุ่มสินค้าและบริการที่ไม่ใช่รถยนต์ (Non Motor)ให้มากขึ้น และสร้างสรรค์กรมธรรม์ที่มีความแตกต่างและสามารถตอบสนองความต้องการของคนไทยในปัจจุบัน เป็นเครื่องมือสำคัญในการรุกตลาดและดำเนินการสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ สำหรับเป้าเบี้ยรับรวมในปีนี้วางไว้ที่ 1,000 ล้านบาท จากผลประกอบกา รปีที่ผ่านมา 700 ล้านบาท เชื่อว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าจากกรมธรรม์ใหม่ที่แนะนำในครั้งนี้ โดยกรมธรรม์กมลตากาฟูลจะมีบทบาทสำคัญในการเจาะตลาดกลุ่มชาวมุสลิมทั่วประเทศ และทำให้พี่น้องมุสลิมในภาคใต้ที่ไปทำประกันในมาเลเซียให้กลับมาใช้บริการของเรา ซึ่งเป็นการดึงเงินตรากลับเข้าประเทศด้วย“
นายเด่น โต๊ะมีนา ประธานคณะกรรมการซารีอะฮ์ กมลตากาฟูล กล่าวว่า “กรมธรรม์กมลตากาฟูล มีการดำเนินงานและการบริหารจัดการทั้งระบบที่ถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลามอย่างเคร่งครัดซึ่งเชื่อถือได้ การจัดการด้านการเงินก็แยกไปฝากกับธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ผู้บริหารของบริษัท กมลประกันภัย จำกัด (มหาชน) ก็เป็นมุสลิม และมีคณะกรรมการซารีอะฮ์ผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่ผมช่วยคัดสรรอย่างพิถีพิถัน องค์ประกอบทั้งหมดที่ไม่ขัด กับหลักศาสนาอิสลามนี้ จะช่วยขจัดปัญหาความเคลือบแคลงหรือข้อขัดแย้งต่างๆ ในการทำประกันภัยของพี่น้องมุสลิมได้อย่างดีที่สุด"
|