รสาฯเตรียมเปิดโครงการใหม่บนถนนสาทร-ตากสิน ในรูปแบบบูติคคอนโดฯผสมค้าปลีกแห่งแรกบนในย่านนี้ ด้วยมูลค่าโครงการประมาณ 1,200 ล้านบาท ระบุอยู่ใกล้แนวรถไฟฟ้า หวังเป็นโครงการหนุนรายได้ในระยะข้างหน้า

นางสาวอัจฉราพร ศิริไพรวัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท รสา พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ RASA เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการเข้าร่วมทุนกับบุคคลเกี่ยวโยง คือ นายธนพัฒน์ สุวรรณสรางค์ (คู่สมรสของบุตรีของ ร.ศ.มานพ พงศทัต ประธานกรรมการบริษัท) ในการพัฒนาโครงการอาคารชุดพักอาศัยและพื้นที่พาณิชยกรรม บนถนนสาทร-ตากสิน ว่า เป็นโครงการที่ใกล้เส้นทางรถไฟฟ้าสายใหม่ อยู่ตรงกันข้ามกับโครงการเดอร์ ริเวอร์ไซต์ ซึ่งโครงการของบริษัทจะมีพื้นที่ใช้สอยของอาคารชุดต่อพื้นที่พาณิชยกรรมจะมีสัดส่วน 84% ต่อ 16% ซึ่งห้องชุดจะมีขนาดตั้งแต่ 35 ตร.ม.ขึ้นไป และพื้นที่พาณิชย์กรรมหลัก โดยโครงการร่วมลงทุนจะพัฒนาขึ้นในนามของบริษัท ภายใต้สัญญาร่วมทุนระหว่างบริษัทฯและผู้ร่วมทุน

" ทางกลุ่มสุวรรณสรางค์ คาดว่าโครงการดังกล่าว จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อบริษัท และผู้ถือหุ้นของบริษัทเป็นอย่างดี ทั้งในด้านการสร้างความสมดุลของผลิตภัณฑ์ทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโดฯ และการสร้างความต่อเนื่องของรายได้ ขณะเดียวกัน ในลักษณะโครงการร่วมทุน ทำให้บริษัทสามารถลดเงินทุนในโครงการนี้ และสามารถไปลงทุนในโครงการอื่นๆ ได้เพิ่มเติม และยังเป็นโอกาสที่จะทำให้บริษัทขยายธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ ไปในรูปแบบของพื้นที่พาณิชยกรรม " นางสาวอัจฉราพร กล่าว

อนึ่ง ที่ตั้งของโครงการดังกล่าว เป็นที่ดินที่ซื้อมาจากบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย(บสท.)เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา เนื้อที่ 2 ไร่ 3 งาน 62 ตารางวา ราคาซื้อขายประมาณ 154 ล้านบาท (เป็นส่วนของบริษัทฯจำนวน 107.8 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 70% และ ผู้ร่วมทุนจำนวน 46.2 ล้านบาท สัดส่วน 30% ) จะเริ่มก่อสร้างโครงการในปีนี้ และเริ่มรับรู้รายได้ในปี 2551 ต่อเนื่องเป็นเวลา 2-3 ปี

กรรมการผู้จัดการบริษัทรสาฯ กล่าวว่า บริษัทและผู้ร่วมทุนได้มีการปรับปรุงสาระสำคัญของสัญญาร่วมลงทุน เพิ่มเติมจากที่ได้เปิดเผยสารสนเทศ ไปเมื่อวันที่ 11 และ18 พ.ค.ที่ผ่านมา และได้รับอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กล่าวคือ ได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้ร่วมทุนจาก นายธนพัฒน์ สุวรรณสรางค์ และนายนรินทร์ สุวรรณสรางค์ เป็น บริษัท สยามไพรม์เอสเตท จำกัด โดยยังคงสัดส่วนในการลงทุนเช่นเดิม คือ บริษัท 70 % และบริษัท สยามไพรม์เอสเตท จำกัด สัดส่วน 30 % รูปแบบการบริหารงาน จะร่วมกันจัดตั้งคณะผู้ติดตาม เพื่อร่วมบริหารงานในโครงการร่วมลงทุน โดยบริษัทจะรับผิดชอบในเรื่อง การปรับหน้าดิน การดูแลและบำรุงรักษาอาคารชุดและ/หรือพื้นที่พาณิชยกรรมที่ให้เช่า การติดตามและเรียกให้ลูกค้าชำระค่าซื้อและค่าเช่าอาคารชุด รวมถึงข้อกฎหมายต่างๆ เป็นต้น

ก่อนหน้านี้ ทางผู้บริหารรสาฯระบุว่า นอกจากโครงการคอนโดฯบนถนนสาทร-ตากสินแล้ว ยังมีแผนที่จะจัดหาที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการคอนโดฯอีกแห่ง มูลค่าโครงการประมาณ 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้ มีแผนเปิดโครงการบ้านเดี่ยวอีก 2 โครงการในไตรมาสที่ 3 คือ โครงการที่วัชรพล มูลค่าประมาณ 600 ล้านบาท และโครงการแถบเกษตร-นวมินทร์อีก 1 โครงการ ส่งผลให้บริษัทมีโครงการบ้านเดี่ยวที่จะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้จำนวน 5 โครงการ เป็นโครงการเก่า 3 โครงการ และใหม่ 2 โครงการ