|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"อนุพงษ์ อัศวโภคิน "ยันบ้านแนวราบยังขายได้ แต่รายใหญ่ครองตลาด ล่าสุดซื้อที่ดิน 22 ไร่ย่านถนนตากสินเตรียมผุดทาวเฮาน์ราคา 4 ล้านบาท พร้อมเปิดแผนปีหน้าซื้อที่ดินพัฒนาทาวน์เฮาส์แล้ว 4 โครงการ ส่วนคอนโดฯ อย่างน้อย 2 โครงการ คงสัดส่วนพัฒนาทาวน์เฮาส์ 60% คอนโดฯ 40% ระบุต้องการรักษาแชมป์ผู้นำทาวน์เฮาส์กลางเมือง พร้อมยกเครื่องทาวน์เฮาส์ใหม่ ปรับแบบสไตล์โมเดิร์นแทนสไตล์ยุโรป ส่งอวดโฉมโครงการแรกที่ “บ้านกลางเมือง กรุงเทพกรีฑา”
นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ AP เปิดเผยว่า แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบหลายประการ จนเกิดกระแสข่าวโครงการที่อยู่อาศัยในแนวราบของผู้ประกอบการชะลอตัวอย่างน่าตกใจ ซึ่งในส่วนนี้เชื่อว่าไม่เกิดกับทุกบริษัท เพราะพิจารณาได้จากการขายบ้านของบริษัทฯและผู้ประกอบการรายใหญ่อีกหลายราย ยังมีอัตราการขายเป็นปกติ ซึ่งครึ่งปีแรกบริษัทฯขายโครงการในแนวราบได้ประมาณ 2,400 ล้านบาท ส่วนผู้ประกอบการรายใหญ่อีกหลายรายถือว่ายังมีผลประกอบการที่ดี แม้ว่าจะไม่ดีเท่ากับช่วงที่เศรษฐกิจดีก็ตาม ส่วนที่ชะลอตัวเชื่อว่าจะเกิดกับผู้ประกอบการรายกลาง-เล็ก หรือในรายที่มีสินค้าไม่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค
เชื่อว่านับต่อจากไปตลาดอสังหาฯ จะเป็นของรายใหญ่และรายเล็ก เนื่องจากการทำตลาดในธุรกิจอสังหาฯ จะใช้วิธีขายแบบชอปปิงมอลล์ ทำการตลาดในคราวเดียว ซึ่งต้องมีสินค้าที่หลากหลาย ต้องมีพันธมิตรธุรกิจ อาทิเช่น ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และสถานบันการเงิน ร่วมกันเป็นแพ็คเกจ ในส่วนนี้จะทำให้รายกลางเสียเปรียบ เพราะไม่มีสินค้าที่หลากหลายเท่า อีกทั้งลูกค้ายังให้ความเชื่อมั่นในผู้ประกอบการรายใหญ่มากกว่า ส่วนรายเล็กจะไม่ได้รับผลกระทบมาก เพราะทำการตลาดเฉพาะในย่านที่สินค้าตั้งอยู่เท่านั้น
“ตลาดต่อจากนี้เป็นตลาดเป็นของรายใหญ่ที่แข่งขันกันในตลาด ผลดีจะตกแก่ผู้บริโภค เพราะทุกคนต่างต้องการขึ้นเป็นผู้นำตลาด ไม่มีใครจับมือกันเพื่อฮั้วราคากันแน่นอน เพราะฉะนั้นจะไม่มีใครกล้าที่จะสร้างสินค้าที่มีราคาสูงต่างจากคู่แข่ง แถมยังต้องมาแข่กันที่คุณภาพ บริการหลังการขายอีก”
ด้านนายภูมิพัฒน์ สินาเจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชี่ยนพร็อพเพอร์ตี้ฯ กล่าวว่า บริษัทยังคงสัดส่วนการพัฒนาโครงการในแนวราบไว้ที่ 60% และแนวสูง 40% เนื่องจากต้องสร้างสินค้าขึ้นมาทดแทนสินค้าเก่าที่ขายหมดไป อีกทั้งโครงการในแนวราบยังสามารถรับรู้รายได้เร็ว ทำให้มีรายได้เข้ามาบริษัทอย่างต่อเนื่อง ต่างจากโครงการในแนวสูง ที่จะสามารถรับรู้รายได้ในอีก 1-2 ปี หลังจากขายเสร็จ นอกจากนี้ยังต้องการรักษาความเป็นผู้นำตลาดทาวน์เฮาส์กลางเมืองไว้ด้วย
โดยในปีนี้ เอพีจะปิดการขายโครงการทาวน์เฮาส์ 4 โครงการ ในช่วงครึ่งปีหลังมีแผนเปิดโครงการใหม่ 4 โครงการ เป็นทาวน์เฮาส์ 2 โครงการ และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ และในปีหน้ามีแผนที่จะเปิดโครงการอย่างร้อย 6 โครงการ ปัจจุบันได้ซื้อที่ดินเข้ามาแล้ว 6 แปลง เป็นทาวน์เฮาส์ 4 โครงการ และคอนโดฯอย่างน้อย 2 โครงการ ล่าสุดได้ซื้อที่ดินย่านตากสิน ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าตากสินเพียง 300 เมตร จำนวน 22 ไร่ ในราคา 38,000 บาท/ตร.ว. เพื่อพัฒนาเป็นทาวน์เฮาส์ ราคาเริ่มต้นที่ 4 ล้านบาท จำนวน 211 ยูนิต มูลค่า 850 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดขายในไตรมาส 3 / 2551
นายภูมิพัฒน์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้เอพีอยู่ระหว่างออกแบบทาวน์เฮาส์สไตล์ใหม่ หลังจากที่นำรูปแบบของยุโรปมาใช้ทำตลาดหลายปี โดยทาวน์เฮาส์รูปแบบใหม่นี้จะเป็นสไตล์โมเดิร์นมากขึ้น เพื่อให้เข้ากับยุคสมัย ปัจจุบันยังไม่ได้ตั้งชื่อ โดยจะใส่ชื่อเข้าไปหลังชื่อ “บ้านกลางเมือง” และ “บ้านกลางกรุง” ทาวน์เฮาส์รูปแบบใหม่นี้จะเริ่มนำมาทำตลาดในโครงการบ้านกลางเมือง กรุงเทพกรีฑา ซึ่งจะเปิดขายในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้
|
|
|
|
|