|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ก.ล.ต. สนองรัฐแก้ปัญหาค่าเงินบาทแข็ง ถกร่วมตัวแทน"ตลท.-ธปท.สศค.-สมาคมบล.-สมาคมบลจ." หาแนวทางหนุนนักลงทุนไทยลุยต่างประเทศ เล็งขอแบงก์ชาติเพิ่มวงเงินลงทุนตปท.จาก 6.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเป็น 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1 แสนล้านบาท พร้อมดึงสินค้าตราสารในตปท.มาซื้อขายในประเทศคาดประชุมสรุปอีกครั้งภายใน 2 สัปดาห์ ขณะที่เสนอปรับหลักเกณฑ์ออกบาทบอนด์ให้คล่องตัวมากขึ้น ด้าน“พาณิชย์”ไฟเขียวธุรกิจประกันชีวิตเพิ่มสัดส่วนเงินลงทุนต่างประเทศเป็น 8.5% ของทรัพย์สิน มั่นใจช่วยให้ค่าเงินบาทมีเสถียรภาพขึ้นแน่
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ระบุว่าวานนี้ (23 ก.ค.) ก.ล.ต. ได้ประชุมร่วมกับผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) และสมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) เพื่อร่วมหารือแนวทางส่งเสริมการลงทุนของผู้ลงทุนไทยไปต่างประเทศ โดยที่ประชุมเห็นร่วมกันว่าระเบียบต่างๆ สามารถปรับให้ยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อสนับสนุนให้ผู้สนใจไปลงทุนหลักทรัพย์ในต่างประเทศเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ก.ล.ต.จะขอให้ ธปท.เพิ่มวงเงินลงทุนในต่างประเทศจากเดิม 6,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 3,200 ล้านบาท หรือประมาณ 1 แสนล้านบาท (เทียบอัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์เท่ากับ 34 บาท) เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการที่จะเกิดขึ้น ขณะที่ที่ประชุมขอให้ก.ล.ต.มีความยืดหยุ่นในการใช้วงเงิน เพื่อให้มีการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศอย่างจริงจัง โดยวงเงินดังกล่าวจะใช้เพื่อสนับสนุนการนำตราสารทางการเงินใหม่ ๆ ที่อ้างอิงหลักทรัพย์ต่างประเทศมาซื้อขายใน ตลท. เช่น ใบรับฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศที่เปลี่ยนมือได้ (Transferable Custody Rrcipt : TCR) และ ETF ต่างประเทศ (Exchange Traded Fund) โดยในเรื่องดังกล่าวก.ล.ต.จะพิจารณาความเหมาะสมและเสนอที่ประชุมพิจารณาอีกครั้งภายใน 2 สัปดาห์
นอกจากนี้ ก.ล.ต.จะขอพิจาณาจัดสรรวงเงินที่ได้รับจากธปท. ให้ผู้ลงทุนในขอบเขตที่กว้างขึ้น โดยให้ครอบคลุมถึงผู้ลงทุนประเภทผู้ลงทุนประเภทกองทุนส่วนบุคคลและมูลนิธิต่างๆ ที่สนใจที่ไปลงทุนในต่างประเทศ
สำหรับการอนุญาตให้ต่างประเทศออกตราสารหนี้สกุลเงินบาท (Bath Bond) ในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันทำได้พอสมควรอยู่แล้ว ที่ประชุมเห็นว่า ควรเสนอสำนักบริหารหนี้สาธารณะพิจารณาแนวทางที่อาจจะปรับปรุงหลักเกณฑ์การอนุญาตให้มีความคล่องตัวมากขึ้นต่อไป
ขณะที่ในส่วนของตลท.ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณานำตราสารประเภท ETF ที่อ้างอิง SET 50 ซื้อขายในตลาด โดยมีเป้าหมายที่จะนำตราสารดังกล่าวไปจดทะเบียนในตลาดต่างประเทศ (Cross listing) และจะนำเรื่องนี้มาหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อลดปัญหาและอุปสรรคที่มีอยู่ โดยมีเป้าหมายที่จะนำตราสารประเภทนี้ออกซื้อขายในตลาดภายในปี 2550
ประกันไฟเขียวลุยตปท.เพิ่ม
นางจันทรา บูรณฤกษ์ อธิบดีกรมการประกันภัย กล่าวว่า กรมการประกันภัยได้หารือกับกระทรวงพาณิชย์แล้ว เห็นควรสนับสนุนให้ภาคธุรกิจประกันชีวิตสามารถเพิ่มวงเงินสำรองประกันภัยออกไปลงทุนในต่างประเทศได้เพิ่มขึ้นจาก 7% เป็น 8.5% ของทรัพย์สินของแต่ละบริษัท ซึ่งจะทำให้มีผลต่อการทำค่าเงินบาทให้เสถียรมากขึ้น
ทั้งนี้ การสนับสนุนให้ลงทุนในต่างประเทศดังกล่าวมี 2 ลักษณะ คือ การเพิ่มชนิดตราสารการลงทุนจากเดิมอนุญาตเฉพาะตราสารประเภทพันธบัตรและหุ้นกู้ ขณะนี้จะขยายขอบเขตให้รวมถึงกองทุนรวมและหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศที่มีสภาพคล่องดีและมีขนาดใหญ่ ลักษณะที่สอง คือ การเพิ่มวงเงินการอนุญาต โดยกรมการประกันภัยจะเพิ่มวงเงินให้แก่บริษัทประกันชีวิตที่มีความพร้อมที่จะลงทุนในต่างประเทศได้เพิ่มวงเงินมากขึ้น ในส่วนของบริษัทที่ไม่มีความชำนาญในการออกไปลงทุนในต่างประเทศด้วยตนเอง อาจเลือกใช้บริการบริษัทจัดการลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดการเงินลงทุนให้
ขณะนี้กรมการประกันภัยกำลังเปิดรับคำขออนุญาตในการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มเติม คาดว่า ที่สุดแล้วจะอนุญาตให้บริษัทลงทุนเพิ่มได้อีก 12,000 ล้านบาท รวมเป็นยอดเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 56,000 ล้านบาท
|
|
|
|
|