Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน24 กรกฎาคม 2550
ตลาดหุ้นไทยพุ่ง12จุดเย้ย"ม็อบแม้ว"             
 


   
search resources

Stock Exchange




นักลงทุนต่างชาติไล่เก็บหุ้นแบงก์-พลังงานไม่หยุด เย้ย"ม็อบไข่แม้ว" ทำสุดเถื่อนใช้กำลังปะทะตำรวจ ดัชนีหุ้นพุ่ง 12 จุดทะลุ 860 จุดเป็นครั้งแรกแม้ช่วงเช้าเปิดตลาดจะวูบกว่า 10 จุด โบรกฯแนะจับตามาตรการสกัดค่าเงินบาทแข็งที่จะเข้าที่ประชุมครม.วันนี้ หากไม่มีอะไรพลิกแพลงหุ้นน่าจะขึ้นได้ต่อ เชื่อการประท้วงที่รุนแรงไม่กระทบความมั่นใจของนักลงทุน

ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วานนี้ (23 ก.ค.) ในช่วงเช้าดัชนีปรับตัวลดลงกว่า 10 จุดหลังนักลงทุนกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศที่รุนแรงขึ้นช่วงคืนวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา ก่อนที่นักลงทุนต่างชาติจะเข้ามาไล่เก็บหุ้นขนาดใหญ่ทั้งกลุ่มพลังงาน -ธนาคารอีกครั้งจนส่งผลทำให้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 862.62 จุด เพิ่มขึ้น 12.08 จุด หรือ 1.42% ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของวัน ขณะที่จุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 840.33 จุด มูลค่าการซื้อขาย 24,194.50 ล้านบาท

นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,159.16 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 422.51 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 1,736.65 ล้านบาท โดยยอดซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติตั้งแต่ต้นปีปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.29 แสนล้านบาท

แหล่งข่าวผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า แม้ว่าวานนี้ตลาดหุ้นไทยจะเผชิญปัจจัยลบหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นปัจจัยในประเทศการใช้ความรุนแรงประท้วงของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปัตย์ขับไล่เผด็จการ หรือ นปก.ที่เคลื่อนขบวนไปชุมนุมหน้าบ้านประธานองคมนตรีจนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้กำลังสลายการชุมนุม รวมถึงหรือปัจจัยจากต่างประเทศหลังตลาดหุ้นดาวโจนส์ปรับตัวลดลงเกือบ 150 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นนิเกอิที่ญี่ปุ่นปรับตัวลดลงเกือบ 200 จุด แต่นักลงทุนต่างชาติซึ่งลงทุนระยะยาวยังไม่กังวลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมากนัก

ทั้งนี้ มีความเป็นได้ว่าน้ำหนักของประเด็นที่อาจจะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อนักลงทุนต่างชาติ คือ ผลการประชุมของคณะมนตรีในวันนี้ถึงมาตรการที่จะใช้เพื่อบรรเทาการแข็งค่าขึ้นของค่าเงินบาทซึ่งจะมีการประชุมเพื่อสรุปเป็นมติคณะรัฐมนตรีในวันนี้ โดยหากมีการเปลี่ยนแปลงไปจากที่มีข่าวปรากฎในสื่ออาจจะเป็นประเด็นในเชิงลบต่อตลาดหุ้นไทยในสายตาของนักลงทุนต่างชาติ

"นักลงทุนกลุ่มหนึ่งคงกังวลต่อสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาโดยเฉพาะนักลงทุนในประเทศ แต่นักลงทุนต่างชาติซึ่งอยู่ไกลข้อมูลกว่าไม่กังวลต่อเรื่องดังกล่าวมากนักเพราะยังมีความเชื่อในระดับยาวว่าตลาดหุ้นไทยนยังมีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีก"แหล่งข่าวกล่าว

นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศ รวมถึงปัจจัยลบจากต่างประเทศในช่วงนี้ถือว่าเป็นปัจจัยลบเพียงระยะสั้นเท่านั้นไม่ว่าจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารจีน มาตรการชะลอการแข็งค่าของเงินบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย และปัญหาการชุมนุมต่างๆ ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นมากนัก

ทั้งนี้ในระยะยาวนักลงทุนต่างชาติยังมีมุมมองในเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย โดยมีการคาดการณ์ว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีหน้าอาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงระดับ 900-1,000 จุด เนื่องจากการการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

“ปัจจัยลบในระยะสั้นนี้ไม่สามารถที่จะลบล้างปัจจัยบวกในระยะยาวได้ โดยแม้ว่าจะมีการประท้วงรุนแรงเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาแต่ตำรวจก็สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ซึ่งประเด็นดังกล่าวน่าจะทำให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิในการลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญเพื่อเข้าสู่การเลือกตั้งให้เกิดขึ้นภายในปลายปีนี้”นายกวีกล่าว

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นในวันนี้คาดว่าดัชนีจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อได้ เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยในระยะยาวยังมีผลต่อจิตวิทยาการลงทุนโดยประเมินแนวต้านที่ 865 จุด และแนวรับที่ 840 จุด

นายฉัตรชัย กิจธิคุณ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.สินเอเซีย กล่าวว่า มุมมองดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้ดัชนีมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบแนวต้านทางจิตวิทยาที่ระดับ 870 จุด เนื่องจากหุ้นกลุ่มขนาดใหญ่ยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อได้ เช่นหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีจากกรณีการควบรวมระหว่าง RRC และ ATC ซึ่งจะทำให้มีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่วนแนวรับประเมินไว้ที่ระดับ 855 จุด

นางสาวอาภาพร แสวงพรรค ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นในกลุ่มพลังงานโดยเฉพาะบริษัท โรงกลั่นนำมันระยอง จำกัด (มหาชน) หรือ RRC และบริษัท อะโรเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ATC ที่มีการประกาศควบรวมกิจการ ทำให้มีความชัดเจนมากขึ้นและแนวโน้มระยะยาวก็น่าจะเกิดต่อทางธุรกิจ

"วันนี้พลังงานตัวนำตลาดขึ้น ส่วนเรื่องมาตรการของแบงก์ชาติ 6 มาตรการที่นายกเห็นชอบที่จะเอาเข้าพิจารณาครม.วันนี้ คงไม่สร้างความวิตกให้ตลาดเพราะทั้งหมดนี้ได้มีการพูดถึงมาก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งนี้คาดว่าในระยะสั้นแนวโน้มดัชนีน่าจะยังแกว่งตัวเพราะนักลงทุนอาจจะรอเรื่องของมาตรการให้ชัดเจน ส่วนแนวโน้มตลอดสัปดาห์ยังน่าจะเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง " นางสาวอาภาพรกล่าว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us