Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กันยายน 2534








 
นิตยสารผู้จัดการ กันยายน 2534
จุดขายเพจจิ้งอยู่ที่เครือข่ายบริการ             
 

 
Charts & Figures

งบโฆษณาวิทยุติดตามตัวยี่ห้อต่างๆ ใน 6 เดือนแรกของปี 2534


   
search resources

ฮัทชิสัน เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ (ประเทศไทย), บจก.
ชินวัตร
แปซิฟิก เทเลซีส (ประเทศไทย)
Telecommunications




ตลาดเพจจิ้งมูลค่า 140,000 เครื่องต่อปีกำลังก้าวไปไกล 3 ค่ายผู้นำเข้าต่างฝ่ายต่างนำเทคโนโลยีที่ล้ำนำหน้าเขตฟาดฟันแข่งขันเป็นจุดขายที่มั่นคง "โฟนลิงค์" ค่ายชินวัตรผู้นำธงสุดโต่งกำลังไปด้วยสวยกับการเป็นผู้นำตลาดที่ครองส่วนแบ่ง 50% ของตลาดเพจจิ้งในปัจจุบัน พร้อมการสร้างภาพลักษณ์ใหม่กับงานระดับชาติหลังได้รับเลือกจากกระทรวงคลังให้เป็นเครื่องมือสื่อสารในงานประชุม "เวิร์ลแบก์"

ในขณะที่ "เพจโฟน" ของค่ายฮัทชิสันกำลังคลานต้วมเตี้ยมชิงส่วนแบ่งตลาดได้แค่ 10% ก็เร่งสร้างสถานีเครือข่ายให้มากที่สุด เพื่อสนองตอบความต้องการของตลาด ในเรื่องของการติดต่อทั่วประเทศที่ยังคงเป็นจุดอ่อนของค่ายฮัทชิสันเอง ส่วน "แพ็คลิงค์" ค่ายแปซิฟิก เทเลซีสผู้ผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่ากับการเชือดเฉือนคู่รักเาไม่ลงจนต้องนั่งนับถอยหลังมานานเริ่มวางแผนโปรโมทเป็นชุด "อัดแหลกแจกไม่อั้น" พร้อมรอคอยจังหวะของการใช้เลขหมาย 3 ตัวในอนาคตเพื่อการรุกตลาดตามเป้าหมายชิงส่วนแบ่ง 1.5 ล้านเครื่องใน 10 ปีข้างหน้า

ตลาดเพจจิ้งมูลค่า 140,000 เครื่องต่อปี นับเป็นตัวเลบขที่มีอัตราก้าวกระโดดหากนับจากการเปิดตลาด เริ่มแรกที่เพจจิ้งเข้าเมืองไทยเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา โดยมีบริษัท แปซิฟิก เทเลซีส ผู้นำแพ็คลิงค์เข้ามาบุกเบิก

ช่วงเวลา 5 ปีแพ็คลิงค์ทำตลาดได้เพียงแค่ 50,000 เครื่องเท่านั้น ในขณะที่โฟนลิงค์ของค่ายชินวัตรเพิ่งเข้าตลาดเมื่อปลายปี 33 ก็สามารถตีตื้นทำตลาดขยายตัวไปได้กว่าเท่าตัวแค่ช่วงเวลาเพียง 1 ปีนับจากการเริ่มต้นเข้าสู่ตลาดเพจจิ้งอีกตัวหนึ่ง

อย่างไรก็ตามในช่วงต้นปี 34 ที่ผ่านมานี้ ค่ายฮัทชิสันก็ได้นำเพจจิ้งเข้าสู่วงการอีกยี่ห้อหนึ่งมีผลทำให้ตลาดเกิดการขยายตัวเพิ่มมากยิ่งขึ้น จนกลายเป็นบทพิสูจน์ที่กล่าวได้ว่า เพราะการเปิดการค้าเสรีจึงมีผลทำให้ตลาดขยายตัวไปได้ไวมากกว่าการได้สัมปทานผูกขาดเหมือนช่วงที่ผ่านมาในระยะเริ่มแรก

นอกจากนี้การแข่งขันเสรีในตลาดได้ก่อให้เกิดผลตามมาเป็นระลอกคือการพัฒนาสินค้าให้มีเทคโนโลยีที่สูงขึ้นอีกระดับหนึ่ง ผลดังกล่าวนี้ได้กลายมาเป็นจุดขายที่สำคัญของค่าย ที่มีความแข็งในเรื่องนี้ โดยเฉพาะ ซึ่งความได้เปรียบเสียเปรียบในเชิงเทคโนโลยีนี้แต่ละค่ายมักจะคุยทับกันเองว่า มีความเหนือชั้นกว่า จนผู้ใช้บริการหรือผู้ที่กำลังจะเป็นกลุ่มเป้าหมายใหม่ของค่ายใดค่ายหนึ่งเกิดความสับสนในข่าวที่ทุกค่ายวางหมากกลล่อให้ตกหลุ่มพรางนั้น ๆ

ยกตัวอย่างเช่น ค่ายโฟนลิงค์ให้ข่าวว่ามีการบริการสื่อสารติดต่อทั่วไทยโดยใช้ดาวเทียมปาลาป้า B2P ของามารถเทลคอมในขณะที่ค่ายแพ็คลิงค์ก็ออกข่าวโปรโมทเช่นกันว่าตนเองใช้ดาวเทียมปาลาป้าเป็นเจ้าแรก ส่วนค่ายฮัทชิสันว่ากันเพจโฟนเพิ่ม จะได้อนุมัติใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมเอเซียแซท และประมาณการณ์ว่าจะใช้ได้ประมาณปลายเดือนกันยายนนี้ แต่ก็โฆษณามาเป็นแรมเดือนว่ามีใช้ดาวเทียมกับเขาด้วยเหมือนกันเพื่อมิให้น้อยหน้าซึ่งกันและกัน

อย่างไรก็ตามข่าวคราวเหล่านี้มิได้สร้างปัญหาให้กับผู้ใช้บริการหรือกลุ่มเป้าหมายของค่ายใดค่ายหนึ่ง แต่กลับเป็นตัวเสริมทำให้ตลาดขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปี

จน ณ วันนี้ทั้งโฟนลิงค์, แพ็คลิงค์ และเพจโฟนสามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้ 50%, 40% และ 10% ตามลำดับ สัดส่วนการครองตลาดเพจจิ้งนี้ขยายตัวตามตลาดที่เพิ่มขึ้นทุกปีภาคพจน์ วงศ์เชาวนาถ ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์บริษัท ดิจิตอล เพจจิ้ง เซอร์วิส จำกัด คุยให้ฟังว่าอัตราการเติบโตของโฟนลิงค์ขยายตัวได้ 100% เลยทีเดียวจากเป้าหมายที่วางไว้ประมาณ 50,000 เครื่องใน 1 ปีแต่เมื่อผ่านมาได้เพียง 6 เดือนโฟนลิงค์คุยว่าสามารถทำยอดได้เกือบ 100,000 เครื่องเข้าไปแล้ว

แต่ก็มีการกล่าวกันว่าในวงการว่า ในอนาคตหากแพ็คลิงค์ยังคงมีอุปสรรคเกี่ยวกับเลขหมายที่คู่แข่งใช้เป็นจุดขายได้ คือ 151, 152 ของโฟนลิงค์ และ 161, 162 ของเพจโฟนก็อาจทำให้เสียสัดส่วนครองตลาดลงไปได้ทุกทีเช่นกัน

ดร.วรศักดิ์ วรภมร ประธานกรรมการบริษัท แปซิฟิกเทเลซีส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวด้วยความคับแค้นใจว่าเพราะเลขหมาย 3 ตัวที่ทางแปซิฟิคกำลังรอคอยความหวังจากการอนุมัติขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ทศท.) อยู่นี้ทำให้เป้าหมายที่เราคิดว่าจะทำได้ถึง 50,000 เครื่องภายในสิ้นปีนี้เรากลับขายได้เพียงแค่ 15,000 เครื่องเท่านั้น

หลังจากที่ค่ายต่าง ๆ ได้ใช้กลยุทธเด็ดในการ CAMPAIGN สินค้าโดยนำความได้เปรียบในเชิงเทคโนโลยีที่เหนือกว่าเจ้าเก่าในตลาด ไม่ว่าจะเป็นเลขหมาย 3 หลัก หรือข้อความบนหน้าปัด รวมทั้งการบริการอื่น ๆ ที่ตามมาภายหลังจากการวางสินค้า

ขณะเดียวกันการทุ่มงบโฆษณาในสื่อต่าง ๆ พร้อมการประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้รู้จักชื่อ และเข้าใจในอุปกรณ์การสื่อสารที่เข้ามาใหม่ได้ชัดเจนกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ตลาด ซึ่งยังมีช่องว่างอยู่มากกลับเต็มไปด้วยยี่ห้อใหม่เข้ามากวาดตลาดอย่างมีชัยไปกว่าครึ่ง

"ความจริงเทคโนโลยีที่ตามได้ทั่วประเทศไม่ใช่จุดแข่งขันที่แท้จริง หากแต่เป็นเครือข่ายที่มีมากกว่ากันเป็นจุดได้เปรียบเสียเปรียบกันต่างหาก" ภาคพจน์กล่าว

โฟนลิงค์มีเครือข่ายทั่วประเทศ 60 สถานี เปิดบริการได้แล้วประมาณ 30 สถานี ในขณะที่แพ็คลิงค์มีเครือข่าย 38 สถานีเปิดบริการแล้ว 28 สถานี และเพจโฟนมีเครือข่าย 54 สถานีและเปิดบริการแล้ว 37 สถานีทั่วประเทศ

"ตอนนี้เราถือว่า ฮัทชิสันมีเครือข่ายให้บริการมากที่สุดในกลุ่มผู้ให้บริการเพจจิ้งด้วยกัน 3 ราย ซึ่งคาดว่าในเฟสที่ 3 ซึ่งเป็นเฟสสุดท้ายได้เริ่มทำการติดตั้งแล้วและใช้งานได้บางส่วนซึ่งทั้งหมดจะติดตั้งเสร็จเรียบร้อยภายในปลายปีนี้ รวมทั้งสิ้น 54 สถานีจากเดิมที่กำหนดไว้ว่าจะติดตั้งเสร็จภายในกลางปี 2535" พัลลภ นาคพิทักษ์ ผู้จัดการทั่วไปบริษัท ฮัทชิสัน เทเลคอม มิวนิเคชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัดกล่าว

ในเรื่องของการประชาสัมพันธ์ทั้ง 3 ค่ายโดยส่วนใหญ่จะทุ่มงบโฆษณาประชาสัมพันธ์กันเป็นว่าเล่น ค่ายโฟนลิงค์ใช้บริษัทเอชดีเอ็มเป็นผู้ทำโฆษณาและซื้อสื่อต่าง ๆ ให้เท่านั้นในขณะที่แพ็คลิงค์ได้ใช้ บริษัท โอกลีวี่ เอเยนต์ซี่ชื่อดังในการทำประชาสัมพันธ์และผลิตหนังโฆษณาในลักษณะ TEASERADS ออกอากาศกลายเป็นตัวเร่งเร้าความสนใจของตลาดได้เป็นอย่างดี ส่วนเพจโฟนให้บริษัท ซาทชิฯ และบริษัท 124 คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด ทำประชาสัมพันธ์

ดร.วรศักดิ์ ค่ายแพ็คลิงค์กล่าวว่า การทำกลยุทธการตลาดโดยใช้กลวิธีเดียวกับการทำสินค้า CONSUMER คือการลดแลกแจกแถม ทำประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องและรวมไปถึงการทำ DIRECT MARKETING ซึ่งดร.วรศักดิ์ลงความเห็นว่าวิธีนี้จะสามารถสยบคู่แข่งในแง่ของการทำวิทยายุทธสู้รบด้านการตลาด แต่กลับทำให้เขาโดนโจมตีจากคู่แข่งว่า สินค้านี้เป็นสินค้าไฮเทคไม่น่าจะนำยุทธวิธีนี้มาใช้เหมือนของแบกกะดิน

อย่างไรก็ตามในแง่ของรุกตลาดเอง ทั้ง 3 ต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นผู้วางแผนรุกตลาดเอง โดยมีบริษัทเอเยนซี่เป็นเพียงแค่เสริมงานประชาสัมพันธ์ให้บางส่วนเท่านั้น

แม้ว่าการสู้รบของตลาดเพจจิ้งในเขตส่วนกลางที่ถือว่าเป็นตลาดใหญ่ครองสัดส่วนอยู่ถึง 70% ของตลาดทั่วประเทศจะมีความดุเดือดและเมามันมากเท่าใดก็ตาม แต่ในเขตต่างจังหวัดการต่อสู้เพื่อครอบครองพื้นที่ของทั้ง 3 ค่ายก็เข้มข้นไม่แพ้ในส่วนกลาง ทั้งนี้เพราะปัจจัยบ่งชี้ความเป็นหนึ่งในสนามภูธรของแต่ละค่ายจะขึ้นอยู่กับปัจจัย 4 ประการคือ

1. ระบบและเทคโนโลยี

2. เครือข่ายและเขี้ยวเล็บทางการตลาด

3. ระบบการจัดการ และ

4. ความโดดเด่นในตัวผลิตภัณฑ์

ทั้งโฟนลิงค์และเพจโฟนต่างก็มีข้อได้เปรียบในแง่ของเครือข่ายที่มีอยู่ครอบคลุมกว่าแพ็
คลิงค์ แต่แพ็คลิงค์กลับไม่โต้ตอบในเชิงยุทธนี้ได้แต่กล่าวว่า ของเราใช้ดาวเทียมในขณะที่คนอื่นบอกว่าใช้แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้วใช้หรือเปล่าก็ไม่รู้

อย่างไรก็ตามในเรื่องของระบบและเทคโนโลยีไม่อาจชี้ขาดหรือตัดสินความพ่ายแพ้กันได้ในระยะสั้น หากแต่ว่าในระยะยาวทุกค่ายต่างเรียนรู้เท่ากันหมด เพราะล้วนแล้วแต่มีการซื้อมาจากต่างประเทศทั้งสิ้น

ในขณะที่การบริการถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำตลาดโฟนลิงค์มีศูนย์บริการทั่วประเทศ 12 แห่ง แพ็คลิงค์มีศูนย์บริการ 4 แห่ง และเพจโฟนมี 12 แห่ง ศูนย์บริการจะเป็นตัวเสริมที่ทำให้งานเครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศเป็นจุดแข็งของการแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดที่มีประสิทธิภาพ
แม้ศูนย์บริการของค่ายโฟนลิงค์จะพบปัญหาและอุปสรรคในความด้อยประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่ ขณะที่เพจโฟนจะถูกตำหนิจากลูกค้าในเรื่องของการได้รับเครื่องช้า

แต่โฟนลิงค์ก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำเชิงรุกที่กระจายสินค้าของตนให้มากที่สุด ทั้งการดำเนินการด้วยตนเองและการสร้างพันธมิตรด้วยการจัดตั้งดีลเลอร์ ซึ่งยุทธวิธีการจัดตั้งดีลเลอร์นี้ในอนาคตจะกลายเป็นจุดการแข่งขันที่เผ็ดมันต่อไปในอนาคตของตลาดภูธรที่ คาดว่าปี 35 จะเป็นปีของการแข่งขันอย่างรุนแรงที่สุด

การต่อสู้ของตลาดเพจจิ้งยังไม่หยุดอยู่ที่การแข่งขันทางเทคโนโลยีเท่านั้น แนวโน้มของการต่อสู้ขึ้นอยู่กับ

1. การสร้างชื่อให้เป็นที่รู้จักและทำให้เกิด BRAND LOYALTY ได้มากน้อยแค่ไหน

2. ใครจะขยายเครือข่ายซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการแข่งขันได้มากกว่ากัน

3. การนำเทคโนโลยีที่เหนือชั้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันมาใช้ก่อนกัน เช่น สกายเพจจิ้ง และ

4. การบริการที่มีประสิทธิภาพด้านข้อมูลข่าวสารได้ทั่วประเทศจริง ๆ

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us