|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เศรษฐกิจซบจัดสรรบ้านระดับกลางบนกระอักยอดขายวูบ ธารารมณ์ รับ 6 เดือนแรกขายได้แค่ 350 ล้านบาท จากปี 49 ทั้งปีขายได้ 1,000 ล้านบาท ลด 30% งัดกลยุทธ์จัดประมูลบ้านโครงการเนเบอร์โอม วัชรพล รับบ้านในสต๊อก 120 หลัง มูลค่าเกือบ 480 ล้านบาท พร้อมเปิดเฟสใหม่กระตุ้นยอดขาย ปลายปีเตรียมออกแบบบ้านใหม่ขนาดเล็กลง
นายวสันต์ เคียงศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวยอมรับว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ภาวการณ์ขายชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากปัจจัยลบหลายประการ ทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อบ้านถึง 80% จากจำนวนลูกค้าที่เข้าเยี่ยมชมโครงการ ทำให้ยอดขายในช่วง 6 เดือนแรกของบริษัททำได้เพียง 350 ล้านบาท จากที่ปี 2549 ทั้งปีมียอดขาย 1,000 ล้านบาท
“ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้มีปัจจัยลบมาก ทั้งยังมีข่าวร้ายเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อ โดยเฉพาะผู้ซื้อที่อยู่ในธุรกิจส่งออก ซึ่งโครงการของบริษัทย่านพระราม 2 ได้รับผลกระทบด้วยเพราะมีลุกค้าทำธุรกิจส่งออกถึง 30% ซึ่งไม่เกิดขึ้นเฉพาะธารารมณ์เท่านั้น แต่ผู้ประกอบการที่ทำบ้านระดับกลาง-บน กระทบเหมือนกันหมด”
ปัจจุบันบริษัทมีสต๊อกบ้านที่อยู่ระหว่างสร้างและสร้างแล้วเสร็จใน 4 โครงการจำนวน 120 ยูนิต มูลค่าประมาณ 480 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นสต๊อกปกติของบริษัท แต่เนื่องมีการขายช้า บริษัทจึงเตรียมที่จะนำการประมูลเข้ามาใช้ โดยเตรียมจัดประมูลบ้านในโครงการเนเบอร์โฮม วัชรพล เนื่องจากเป็นโครงการที่สาธารณูปโภคแล้วเสร็จ ซึ่งบ้านเดี่ยวที่นำมาประมูลนี้ มีตั้งแต่ขนาด 50- 91 ตารางวา จำนวน 49 หลัง ไม่กำหนดราคาขั้นต่ำ จำนวน 29 หลัง จากราคาที่ขายอยู่ปกติ 3-6 ล้านบาท โดยการขายแบบประมูลนี้ จะจัดขึ้นวันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม 2550 ที่ห้องแพลตินัม 1 โรงแรมอินเตอร์คอนติเนลตัน โดยบริษัท ฮาริสัน จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินการจัดการขายแบบประมูล
นายวสันต์กล่าวต่อว่า หากการประมูลครั้งนี้ประสบความสำเร็จก็จะมีการดำเนินการในโครงการต่อไป แต่จะเป็นการนำยูนิตที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีที่สุดของโครงการ หรือเป็นยูนิตที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ เพื่อเป็นการตรวจสอบราคาตลาดไปในตัว สำหรับสินค้าที่อยู่ในสต๊อก 120 ยูนิตนั้น เชื่อว่าจะสามารถระบายออกไปได้ประมาณ 80% ภายในปีนี้
“ การทำประมูลเป็นเพียงกิจกรรมการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขาย เนื่องจากการลดราคาหรือมีของแถมบางครั้งไม่ได้ช่วยสร้างยอดขาย เพราะลูกค้ายังคงต่อรองราคาลงไปอีก แต่ถ้าประมูลจะทำให้ลูกค้าเร่งการตัดสินใจซื้อเร็วขึ้นเพราะมีคู่แข่ง และยังขายบ้านได้ในราคาที่ลูกค้าต้องการอีกด้วย”
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะปรับแบบบ้านให้มีราคาถูกลง เพื่อให้เหมาะสมกับภาวะตลาดในปัจจุบัน โดยการปรับขนาดบ้านเล็กลง แต่ประโยชน์การใช้สอย(ฟังก์ชั่น)ครบถ้วน และที่สำคัญคุณภาพเท่าเดิม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบคาดว่าจะสามารถนำมาทำตลาดได้ในช่วงปลายปีนี้
ล่าสุดบริษัทได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ในการวิจัยหัวข้อ “ความเหมือนและต่างในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของคนเมือง โดยสำรวจใน 5 ทำเล ได้แก่ ย่านใจกลางธุรกิจ, โซนเหนือ ใต้, ตะวันออก และตะวันตก ซึ่งสำรวจจากประชาชนที่มีรายได้ตั้งแต่ 30,000 ขึ้นไป อายุ 30-45 ปี เป็นชาย 50% และหญิง 50%
โดยพบว่า แม้ว่าจะตลาดในปัจจุบันผู้บริโภคนิยมซื้อคอนโดมิเนียมในเมืองจนเกิดกระแส ซิตี้คอนโดฯขึ้น เพราะการเดินทางสะดวก แต่อย่างไรก็ตามในส่วนลึกๆของผู้บริโภคในทุกทำเล ยังคงต้องการบ้านเดี่ยว แต่เนื่องจากการคมนาคมไม่สะดวก อีกทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ยังมีราคาแพง ซึ่งหากระบบขนส่งมวลชน ประเภทรถไฟฟ้าทั้งใต้ดินและบนดินขยายออกไปถึงชานเมือง จะทำให้ผู้บริโภคหันมาเลือกซื้อบ้านเดี่ยวหรือทาวน์เฮาส์ในย่านชานเมืองมากขึ้น
นอกจากนี้ พฤติกรรมการซื้อของคนในปัจจุบันยังต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในทำเลเดิม ไม่ต้องการย้ายออกไปซื้อนอกทำเล อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับห้องนอนมาเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาเป็นห้องน้ำ และยังต้องการห้องจำนวนมากขึ้น ขณะที่ราคาถูกหรือสมเหตุสมผล รวมไปถึงต้องการตกแต่งเฟอร์นิเจอร์พร้อมอยู่อาศัย เพื่อสะดวกไม่ต้องมาออกแบบหรือซื้อหาในภายหลัง ทั้งนี้บริษัทจะนำความต้องการของผู้บริโภคที่ได้จากการสำรวจมาใช้ประกอบการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทต่อไป
|
|
|
|
|