Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน19 กรกฎาคม 2550
ครึ่งปีแรกจัดสรรกลาง-บนกระอักธารารมณ์รับยอดขายลดฮวบ30%             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส์

   
search resources

Real Estate
ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส์, บมจ.




เศรษฐกิจซบจัดสรรบ้านระดับกลางบนกระอักยอดขายวูบ ธารารมณ์ รับ 6 เดือนแรกขายได้แค่ 350 ล้านบาท จากปี 49 ทั้งปีขายได้ 1,000 ล้านบาท ลด 30% งัดกลยุทธ์จัดประมูลบ้านโครงการเนเบอร์โอม วัชรพล รับบ้านในสต๊อก 120 หลัง มูลค่าเกือบ 480 ล้านบาท พร้อมเปิดเฟสใหม่กระตุ้นยอดขาย ปลายปีเตรียมออกแบบบ้านใหม่ขนาดเล็กลง

นายวสันต์ เคียงศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวยอมรับว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ภาวการณ์ขายชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากปัจจัยลบหลายประการ ทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อบ้านถึง 80% จากจำนวนลูกค้าที่เข้าเยี่ยมชมโครงการ ทำให้ยอดขายในช่วง 6 เดือนแรกของบริษัททำได้เพียง 350 ล้านบาท จากที่ปี 2549 ทั้งปีมียอดขาย 1,000 ล้านบาท

“ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้มีปัจจัยลบมาก ทั้งยังมีข่าวร้ายเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อ โดยเฉพาะผู้ซื้อที่อยู่ในธุรกิจส่งออก ซึ่งโครงการของบริษัทย่านพระราม 2 ได้รับผลกระทบด้วยเพราะมีลุกค้าทำธุรกิจส่งออกถึง 30% ซึ่งไม่เกิดขึ้นเฉพาะธารารมณ์เท่านั้น แต่ผู้ประกอบการที่ทำบ้านระดับกลาง-บน กระทบเหมือนกันหมด”

ปัจจุบันบริษัทมีสต๊อกบ้านที่อยู่ระหว่างสร้างและสร้างแล้วเสร็จใน 4 โครงการจำนวน 120 ยูนิต มูลค่าประมาณ 480 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นสต๊อกปกติของบริษัท แต่เนื่องมีการขายช้า บริษัทจึงเตรียมที่จะนำการประมูลเข้ามาใช้ โดยเตรียมจัดประมูลบ้านในโครงการเนเบอร์โฮม วัชรพล เนื่องจากเป็นโครงการที่สาธารณูปโภคแล้วเสร็จ ซึ่งบ้านเดี่ยวที่นำมาประมูลนี้ มีตั้งแต่ขนาด 50- 91 ตารางวา จำนวน 49 หลัง ไม่กำหนดราคาขั้นต่ำ จำนวน 29 หลัง จากราคาที่ขายอยู่ปกติ 3-6 ล้านบาท โดยการขายแบบประมูลนี้ จะจัดขึ้นวันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม 2550 ที่ห้องแพลตินัม 1 โรงแรมอินเตอร์คอนติเนลตัน โดยบริษัท ฮาริสัน จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินการจัดการขายแบบประมูล

นายวสันต์กล่าวต่อว่า หากการประมูลครั้งนี้ประสบความสำเร็จก็จะมีการดำเนินการในโครงการต่อไป แต่จะเป็นการนำยูนิตที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีที่สุดของโครงการ หรือเป็นยูนิตที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ เพื่อเป็นการตรวจสอบราคาตลาดไปในตัว สำหรับสินค้าที่อยู่ในสต๊อก 120 ยูนิตนั้น เชื่อว่าจะสามารถระบายออกไปได้ประมาณ 80% ภายในปีนี้

“ การทำประมูลเป็นเพียงกิจกรรมการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขาย เนื่องจากการลดราคาหรือมีของแถมบางครั้งไม่ได้ช่วยสร้างยอดขาย เพราะลูกค้ายังคงต่อรองราคาลงไปอีก แต่ถ้าประมูลจะทำให้ลูกค้าเร่งการตัดสินใจซื้อเร็วขึ้นเพราะมีคู่แข่ง และยังขายบ้านได้ในราคาที่ลูกค้าต้องการอีกด้วย”

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะปรับแบบบ้านให้มีราคาถูกลง เพื่อให้เหมาะสมกับภาวะตลาดในปัจจุบัน โดยการปรับขนาดบ้านเล็กลง แต่ประโยชน์การใช้สอย(ฟังก์ชั่น)ครบถ้วน และที่สำคัญคุณภาพเท่าเดิม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบคาดว่าจะสามารถนำมาทำตลาดได้ในช่วงปลายปีนี้

ล่าสุดบริษัทได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ในการวิจัยหัวข้อ “ความเหมือนและต่างในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของคนเมือง โดยสำรวจใน 5 ทำเล ได้แก่ ย่านใจกลางธุรกิจ, โซนเหนือ ใต้, ตะวันออก และตะวันตก ซึ่งสำรวจจากประชาชนที่มีรายได้ตั้งแต่ 30,000 ขึ้นไป อายุ 30-45 ปี เป็นชาย 50% และหญิง 50%

โดยพบว่า แม้ว่าจะตลาดในปัจจุบันผู้บริโภคนิยมซื้อคอนโดมิเนียมในเมืองจนเกิดกระแส ซิตี้คอนโดฯขึ้น เพราะการเดินทางสะดวก แต่อย่างไรก็ตามในส่วนลึกๆของผู้บริโภคในทุกทำเล ยังคงต้องการบ้านเดี่ยว แต่เนื่องจากการคมนาคมไม่สะดวก อีกทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ยังมีราคาแพง ซึ่งหากระบบขนส่งมวลชน ประเภทรถไฟฟ้าทั้งใต้ดินและบนดินขยายออกไปถึงชานเมือง จะทำให้ผู้บริโภคหันมาเลือกซื้อบ้านเดี่ยวหรือทาวน์เฮาส์ในย่านชานเมืองมากขึ้น

นอกจากนี้ พฤติกรรมการซื้อของคนในปัจจุบันยังต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในทำเลเดิม ไม่ต้องการย้ายออกไปซื้อนอกทำเล อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับห้องนอนมาเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาเป็นห้องน้ำ และยังต้องการห้องจำนวนมากขึ้น ขณะที่ราคาถูกหรือสมเหตุสมผล รวมไปถึงต้องการตกแต่งเฟอร์นิเจอร์พร้อมอยู่อาศัย เพื่อสะดวกไม่ต้องมาออกแบบหรือซื้อหาในภายหลัง ทั้งนี้บริษัทจะนำความต้องการของผู้บริโภคที่ได้จากการสำรวจมาใช้ประกอบการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทต่อไป   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us