“PF” ลุยเปิดคอนโดมิเนียมเมโทรปาร์ค เฟสใหม่ 760ยูนิต มูลค่ารวม 1,200 ล้านบาท พร้อมเตรียมเปิดบ้านเดี่ยวนิวเทรน 3-4 ล้านบาท เฟสต่อเนื่องโครงการ “เพอร์เฟค เพลส” อีก 100 ยูนิตรับความต้องการบ้านเดี่ยว3-4ล้านบาทขยายตัว แจงเริ่มทยอยรับรู้รายได้คอนโดฯ เฟสแรกไตรมาสละ 500ล้านบาทตั้งแต่ไตรมาส2ของปี พร้อมรับรู้รายได้จากกองทุนรวมพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ อีก 500 ล้าน คาดทั้งปีรับรู้รายได้ตามเป้า

นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ (PF) เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 3 นี้บริษัทมีแผนจะเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียม เมโทรปาร์ค เฟสที่2/2 จำนวน4 อาคาร อาคารละ 95 ยูนิต จากจำนวนการพัฒนาทั้งหมด 8 อาคาร หรือมีจำนวนห้องชุดรวมทั้งหมดในเฟสดังกล่าว 760 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าขายรวม 1,200 ล้านบาท โดยในเฟสใหม่นี้ จะมีรูปแบบการพัฒนาสไตล์รีสอร์ท ซึ่งมีสระว่ายน้ำยาวถึง 100เมตร ในโครงการ

ทั้งนี้ ในช่วง3สัปดาห์ที่ผ่านมาบริษัท ได้เริ่มเปิดพรีเซลโครงการดังกล่าวแล้วโดยขณะนี้มียอดจองซื้อ 100 ล้านบาท คาดว่าในวันที่ 21-29 ก.ค. ซึ่งเป็นวันเปิดขายอย่างเป็นทางการจะมียอดจองซื้อไม่ต่ำกว่า 25% ของจำนวนยูนิตที่เปิดขายใน4 อาคาร นอกจากนี้ ในเดือน ก.ย.50นี้ PF ยังมีแผนจะเปิดโครงการบ้านเดี่ยวเฟสที่ 3 ในโครงการเพอร์เฟค เพลส สุวรรณภูมิ โดยในเฟสใหม่นี้จะเป็นการเปิดตัวบ้าน “นิวเทรน” ระดับราคา 3-4 ล้านบาท จำนวน 100 กว่ายูนิต ซึ่งเป็นสินค้าระดับกลาง ที่มีความต้องการค่อนข้างมาก จากเดิมที่ในเฟสแรกบริษัทเปิดขายบ้านระดับ 5-7 ล้านบาทขึ้นไป

เนื่องจากในพื้นที่ย่านสุวรรณภูมิ ปัจจุบัน ที่ดินมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นมาก ทำให้ผู้ประกอบการรายใหม่ที่เข้ามาพัฒนาบ้านเดี่ยวในทำเลดังกล่าวไม่สามารถพัฒนาสินค้าระดับ 3-4 ล้านบาทป้อนตลาดได้ เพราะต้นทุนที่ดินปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ต้องพัฒนาบ้านระดับกลาง-บน เพื่อรักษากำไรจากการขาย ในขณะที่บริษัทมีที่ดินสะสมในย่านดังกล่าวรองรับการขยายเฟสเพิ่มอยู่จำนวนมาก ทำให้สามารถพัฒนาบ้านระดับ3-4 ล้านออกมารองรับความต้องการในพื้นที่ได้ ส่วนการเปิดตัวโครงการใหม่นั้นในปีนี้คาดว่าจะยังไม่มีให้เห็นเนื่องจากในโซนอื่นๆ จะเป็นการเปิดตัวในเฟสต่อเนื่องมากกว่า

นายธีระชน กล่าวว่า สำหรับในปีนี้ PF จะมีการรับรู้รายได้จากโครงการบ้านเดียวทั้งหมดของบริษัทไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา โดยจะมาจากโครงการเพอร์เฟค เพลส สุวรรณภูมิประมาณ 700 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้มียอดขายและรับรู้รายได้แล้ว 300 ล้านบาท และคาดว่าในครึ่งปีหลัง จะสามารถรับรู้เพิ่มเข้ามาอีก400 ล้านบาท สำหรับในปีที่ผ่านมา บริษัทมียอดรับรู้รายได้จากบ้านเดี่ยวที่ 4,500 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทได้เริ่มทยอยรับรู้รายได้จากการโอนห้องชุดในโครงการคอนโดมิเนียมเมโทรปาร์ค เฟสแรก ซึ่งมีจำนวนการพัฒนา 10 อาคาร โดยเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี50 และจะทยอยรับรู้รายได้ 500 ล้านบาทต่อไตรมาสอย่างสม่ำเสมอ ส่วนในโครงการวิลล่าย่านรัตนาธิเบศร์ ในปีนี้จะรับรู้รายได้ 500ล้านบาท จากการโอนเฟสแรก และล่าสุดบริษัทได้รับรู้รายได้จากกองทุนรวมพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์เข้ามาแล้ว 500ล้านบาท