|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
พิษการเมืองเรื้อรัง ส่งผลลบต่อธุรกิจ นายก ส. การจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย ชี้ทางออกครึ่งปีหลัง เน้นสร้างมูลค่าเพิ่มแก่สินค้าและบริการ กระตุ้นกำลังซื้อ ด้าน “มาร์เก็ตไว้ส์” เผย นักธุรกิจหวั่นภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้ถึงปีหน้าเลวร้าย 52% จากฐาน 501 คน และ 18% จาก 1,000 บริษัทชั้นนำ ปีนี้อยู่ในระหว่างการปรับปรุงแผนและการปรับโครงสร้างใหม่ ปูรากฐานสู้พิษเศรษฐกิจรุมเร้า
นายปรีชา เชาวโชติช่วง ประธาน สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (ทีเอ็มเอ) เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไทยในครึ่งปีหลังนี้ ยังคงไม่ดีขึ้นเท่าที่ควร อีกทั้งยังมีเรื่องของค่าเงินบาทแข็งตัว ที่มาเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้นอีก 1 ประการ ดังนั้นบริษัทต่างๆควรจะระมัดระวังการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะในเรื่องของการบริหารให้มากขึ้นอีก อีกทั้งต้องมีการวางแผนงานทั้งในรูปแบบระยะสั้นและระยะยาว รองรับสถานการณ์ต่างๆไว้ด้วย รวมถึงควรมุ่งพัฒนาบุคลากรให้มีความพร้อมให้สามารถแก้ปัญหาต่างๆที่จะเกิดขึ้นต่อไปได้
ขณะเดียวกันเรื่องที่ควรให้ความสำคัญมากที่สุด ในครึ่งปีหลังนี้ คือ การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการที่มีอยู่ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากเชื่อว่ากำลังซื้อช่วงดังกล่าวจะลดลง ขณะเดียวกันลูกค้าเริ่มมีความต้องการที่แตกต่างกัน และมีเหตุผลในการใช้เงินมากขึ้น ดังนั้นกลยุทธ์เพิ่มมูลค่าสินค้า (Value add) จะเป็นสิ่งที่จะผลักดันให้เกิดการซื้อได้ดีที่สุด ณ เวลานั้น
นายปรีชา กล่าวต่อว่า ทั้งนี้จากผลสำรวจของบริษัท มาร์เก็ตไว้ส์ จำกัด ที่ทางสมาคมฯได้ร่วมมือกัน พร้อมด้วยสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อหาองค์กรที่มีระบบการบริหารจัดการที่มีความเป็นเลิศ ของ งานในปีนี้ พบว่า มีตัวเลขถึง 18% จากจำนวนบริษัทชั้นนำกว่า 1,000 บริษัทในประเทศไทย ที่ร่วมสำรวจ แจ้งถึงสถานะทางบริษัทว่า กำลังอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างองค์กร และไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อผู้บริหารได้นั้น ถือเป็นสัญญาณบอกเหตุว่าเศรษฐกิจของประเทศปีนี้ ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจอย่างรุนแรง เพราะมีบริษัทชั้นนำจำนวน 100 กว่าบริษัท ต้องมีการปรับโครงสร้างองค์กร ให้ดำเนินการต่อไปได้ในสภาพเศรษฐกิจและการเมืองยังไม่ดีแบบนี้
นางสาวดารณี เจริญ รัชต์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาร์เก็ตไว้ส์ จำกัด กล่าวต่อว่า ทางบริษัทฯยังสำรวจถึง มุมมองด้านธุรกิจของผู้บริหาร จากจำนวนผู้ร่วมแสดงความคิดเห็น 501 คน ที่มีต่อภาพรวมธุรกิจไทยปี 2550-2551 พบว่า มีจำนวนถึง 52% ที่เลือกคำตอบว่า ค่อนข้างไม่ดี ซึ่งเป็นคำตอบที่เพิ่มสูงขึ้นจากข้อมูลสำรวจในปีที่ผ่านมา ที่มีเพียง 33% ขณะเดียวกันผู้บริหารกว่า 38% ยังเชื่อว่า ภาพรวมธุรกิจของบริษัทที่บริหารอยู่นั้น จะไม่ค่อยดี เช่นเดียวกัน
“ผลสำรวจดังกล่าว เกิดจากผู้บริหารเหล่านี้ เชื่อว่าการเมือง คือปัจจัยหลักที่สำคัญ ในการดำเนินธุรกิจต่อไปมากที่สุด โดยกว่า 21% ซึ่งเป็นสัดส่วนสูงที่สุด เชื่อว่า ทิศทางธุรกิจในไทยขึ้นอยู่กับสถานการณ์/ ความมั่นคง/ ความโปร่งใสทางการเมือง รองลงมาคือ ธุรกิจมีการแข่งขันรุนแรงขึ้น 19%”
นอกจากนี้ ผลสำรวจดังกล่าว จะนำมาใช้ในงาน “Thailand Corporate Excellence Day” ในวันพุธที่ 15 ส.ค. 2550 ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ ที่ทางสมาคม การจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (ทีเอ็มเอ) ได้จัดขึ้นเป็นปีที่6 นี้ด้วย ในการเฟ้นหาองค์กรที่มีระบบการบริหารจัดการที่มีความเป็นเลิศใน 9 สาขา คือ
.การบริหารทางการเงิน 2.การให้ความสำคัญต่อการจัดการทรัพยากรบุคคล 3. การให้ความสำคัญต่อการสร้างนวัตรกรรม 4. การวางแผนการตลาด 5.การให้ความสำคัญต่อคุณภาพสินค้าและบริการ 6.การให้ความสำคัญต่อสังคม 7.วิสัยทัศน์ของผุ้นำ 8.การให้ความสำคัญต่อการประหยัดพลังงาน และ 9.การบริหารการจัดการธุรกิจโดยรวม
สำหรับรางวัลไฮไลท์ในปีนี้ ได้แก่ รางวัล การบริหารการจัดการธุรกิจโดยรวม ซึ่งมีบริษัทที่เข้าชิง 5 บริษัท ได้แก่ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (มหาชน), ธนาคาร กสิกรไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) และอีก 2 บริษัท ที่มีความโดดเด่นมากในเรื่องการบริหารการจัดการช่วง 2 ปีที่ผ่านมา คือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
|
|
|
|
|