Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กันยายน 2534








 
นิตยสารผู้จัดการ กันยายน 2534
ณรงค์ โชคชัยณรงค์ ผู้ผลิตบรั่นดีไทยคนแรก             
โดย สุปราณี คงนิรันดรสุข
 


   
search resources

โรงงานสุราพิเศษสุวรรณภูมิ
ณรงค์ โชคชัยณรงค์
Alcohol




ณรงค์ โชคชัยณรงค์ เกิดเมื่อปี 2467 มารดาชื่อแต้สี บิดาชื่อจินซุ้ย ถ้าไม่มีเขา ชื่อ "บรั่นดีรีเจนซี่" ก็คงไม่ได้เกิดขึ้นมาในวงการน้ำเมานี้ ชีวิตของณรงค์เริ่มต้นอย่างลำบากยากเข็ญในชีวิตวัยเด็กที่เดินทางจากแผ่นดินจีนสู่ใต้ร่มเงาของแผ่นดินไทย ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง

ขณะนั้นณรงค์ที่ยังคงใช้ "แซ่เฮ้ง" เพิ่งจะมีอายุรุ่น ๆ เพียง 13-14 ปี เริ่มต้นชีวิตในเมืองไทยด้วยการทำงานเรียนรู้เป็นช่างเจียระไนเพชรพลอยในร้านค้าเพชรย่านหัวเม็ด ความมานะพยายามที่มีแววเฉลียวฉลาด ได้ส่งประการดุจเพชรน้ำเอกที่ทำให้ชีวิตของหนุ่มชาวจีนได้พบรักกับบุตรสาวเศรษฐีเจ้าของร้านเพชรแซ่เบ๊

พ่อตาอย่างปรีชา อัศวปรีชาได้ยินยอมยกสุทธิวรรณ อัศวปรีชา ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนให้แก่ณรงค์ และปรีชาก็ไม่ผิดหวังในหนุ่มคนนี้ เพราะในเวลาต่อมาณรงค์ได้พิสูจน์ถึงสายเลือดของนักสู้ชิวตที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา จนกระทั่งตัวเองประสบความสำเร็จ

เขาได้กลายเป็นตำนานของแจ๊กผู้หาญฆ่ายักษ์แม่โขงในฐานะผู้เข้ามาใหม่ด้วยบรั่นดีรีเจนซี่ หลังจากสะสมทุนรอนมหาศาลจากกิจการค้าเพชรและรับเหมาก่อสร้างตึกแถวที่สามย่านอันเป็นที่ทรัพย์สินของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

"ญาติคุณณรงค์ชอบสะสมบรั่นดีคอนญักมาก และคุณณรงค์ก็ชอบทานบรั่นดี ตอนหลังเขาไม่ทานมากเพราะว่าระวังเรื่องสุขภาพตอนที่เข้ามาในวงการนั้น คุณณรงค์ชอบและหลงเสน่ห์ บรั่นดีและอันไหนที่จิบแล้วไม่ถูกใจก็ติ คนเขาก็ว่าติมากก็ทำเองสิ" ด้วยคำท้าทายนี้เองแหล่งข่าวเล่าให้ฟังว่า ณรงค์ได้ตัดสินใจทุ่มเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้จากการค้าเพชรและรับเหมาก่อสร้างไปลงทุน

ณรงค์ก้าวเข้ามาในยุทธจักรน้ำเมาที่เป็นธุรกิจการเมืองตั้งแต่ปี 2515 โดยรู้อยู่เต็มอกว่าโอกาสเกิดนั้นต้องเจ็บปวดและทรมาน ไม่มีใครยอมรับรีเจนซี่ในระยะแรก แต่ด้วยใจนักสู้ที่ถือเอาความสุจริตใจเป็นที่ตั้งบวกกับสายสัมพันธ์ทางการเงินที่มีแบงก์กรุงเทพหนุนหลังเต็มที่ ก็ทำให้ณรงค์กล้าก้าวเข้ามาเป็นผู้ผลิตบรั่นดี ด้วยเจตนาที่ยึดถือคุณภาพเป็นจุดแข็งทางการขายและการตลาด

"เดิมณรงค์เขากินเหล้าไม่เป็น แต่ตอนที่รีเจนซี่รุ่นแรก ๆ ขายไม่ได้เลยแกกินของแกเอง จนหน้าแดงก่ำ คิดดูสิ กว่าจะติดตลาดนี่ยาก เพราะต้องทำโฆษณาการตลาดต่อเนื่อง แต่ณรงค์แกเป็นคนโฆษณาไม่เป็น พูดแต่ว่าของผมดี ๆ แล้วใครจะไปรู้ล่ะ" ผู้ใหญ่ในกรมสรรพสามิตเล่าให้ฟัง

ด้วยเหตุนี้ในปี 2534 ณรงค์จึงทุ่มงบโฆษณาวาระครบรอบ 20 ปี ของรีเจนซี่ บรั่นดี ทางสื่อมวลชนทุกแขนง เพื่อสร้างภาพพจน์สินค้าที่ผลิตโดยคนไทย เพื่อคนไทย

"ณรงค์เขามีความเป็นคนจีนที่เป็นคนไทย ยิ่งกว่าคนไทยบางคนเสียอีก" ชีวิตที่ได้รับโอกาสการทำมาหากิน สายสัมพันธ์ธุรกิจกับผู้หลักผู้ใหญ่อาทิพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ อดีตนายกรัฐมนตรีผู้พิศมัยการจิบบรั่นดีและต้องการช่วยเหลือชาวไร่องุ่นที่ประสบปัญหาผลผลิตราคาตกต่ำ ทำให้การขอรับการส่งเสริมโรงงานของณรงค์ในเวลาต่อมาได้รับการสนับสนุนอย่างดีทั้งจากหน่วยราชการและกรมสรรพสามิต"

"แกเป็นคนไม่โกงภาษี ถึงไม่มีเงินเพราะขายของไม่ได้ แกก็ไปกู้มาให้" ผู้บริหารในกรมสรรพสามิตเล่าให้ฟังถึงอดีต แต่ปัจจุบันเมื่อปลายปี 2533 บริษัทได้จ่ายภาษีสรรพสามิตทั้งสิ้น 114.5 ล้านบาทเพราะขายดีมีรายได้ถึง 831.7 ล้านบาท

การรู้จักใช้ความกตัญญูรู้คุณที่ไปมาหาสู่มิเคยขาดในโอกาสสำคัญ ๆ เช่นวันเกิด วันขึ้นปีใหม่ ทำให้ณรงค์มีวันนี้ได้

"เขาเป็นคนไทยเคยลืมบุญคุณใคร ขนาดพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์หมดอำนาจไปแล้ว แกก็ยังไปหาอยู่บ่อย ๆ หรือรมว.สมหมาย ฮุนตระกูล ซึ่งเคยอนุมัติเพราะเห็นว่าโครงการนี้ดี ณรงค์เห็นว่าเป็นลายมือของท่าน แกก็ต้องไปหาทั้ง ๆ ที่ท่านไม่รู้ว่าช่วยเลย" แหล่งข่าวในกรมสรรพสามิตเล่าให้ฟังถึงเสน่ห์ของณรงค์ที่ชอบไปหาคนเกษียณอายุแล้วเพื่อป้องกันข้อครหาว่าประจบสอพลอผู้ใหญ่

แต่เหตุการณ์ครั้งหนึ่งที่ทำให้ณรงค์เสียใจมากก็คือ สายสัมพันธ์อันเก่าแก่กับคีเซ่งเฮงต้องขาดสะบั้นลง คีเซ่งเฮงเป็นเอเยนต์รีเจนซี่ในจังหวัดโคราชมานานกว่า 17 ปี เถ้าแก่คีเซ่งเฮงจะรักและช่วยเหลือณรรงค์มากตั้งแต่เริ่มต้นยุคบุกเบิกตลาดมาด้วยกัน จนมียอดขายรีเจนซี่สูงสุดในประเทศ ความนับถือที่ทั้งคู่มีให้กันเสมือนหนึ่งญาติ แต่เมื่อเถ้าแก่คีเซ่งเฮงได้เสียชีวิตลง ความคิดเห็นเรื่องผลประโยชน์เริ่มแตกต่างจากเดิม ยิ่งมีเรื่องบริษัทเรียกเงินค้ำประกันหรือ "แตะเต้ย" 7 ล้านบาทเพื่อช่วยด้านขยายกำลังผลิตทางคีเซ่งเฮงได้เป็นหัวเรือใหญ่คัดค้านแม้ได้มีการพูดคุยกันแล้วก็ตาม ในที่สุดคีเซ่งเฮงก็ขอเลิกเป็นเอเยนต์

"เป็นเรื่องที่ณรงค์เสียใจจนถึงทุกวันนี้ มักจะบ่นกับคนใกล้ชิดเสมอว่าเสียดายความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อกัน" แหล่งข่าวสาร

ณรงค์มีบุตรธิดาทั้งสิ้น 5 คนเป็นลูกชายหัวปีท้ายปีคือ ดิเรกและกรีติ์กนิษฐ์ และลูกสาวสามคนคือ ศุภสร พรจันทร์ และศันสนีย์ ซึ่งแต่ละคนก็ล้วนแล้วแต่ได้รับการศึกษาจากต่างประเทศ ตั้งแต่ยังเล็กที่สิงคโปร์ และจบระดับปริญญาจกสหรัฐอมเริกาโดยมีคุณแม่อย่างสุทธิวรรณตามไปคอยดูแล ในทางนิตินัยสุทธิวรรณยังคงใช้คำนำหน้าชื่อว่า "นางสาว สุทธิวรรณ อัศวปรีชา" เสมอ ๆ จนกระทั่งปัจจุบัน

ดิเรก โชคชัยณรงค์ บุตรชายคนโตของณรงค์ทีเรียนจบด้านวิศวเคมีโรงงานจากเมริกาก็ถูกวางตัวให้เป็นทายาทสืบภารกิจนี้ต่อจากพ่อ ปัจจุบันดิเรกเป็นรองกรรมการผู้จัดการและดูแลการผลิตและด้าการตลาดด้วย ส่วนศุภสรหรือที่นิยมเรียกชื่อเล่นว่า "รุ้ง" ผู้มีพื้นฐานจบจากด้านกราฟิกดีไซน์ก็ถนัดคุมงานการส่งเสริมด้านโฆษณาประชาสัมพันธ์ พรจันทร์หรือ "ปาน" ดูแลด้านบัญชีการเงิน ส่วนลูกสาวอีกคนก็กำลังศึกษาระดับปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยเบิร์กเลย์ และลูกชายคนเล็กขณะนี้เล่าเรียนด้านการบริหารธุรกิจการตลาดอยู่

ชีวิตทุกวันนี้ ณรงค์ทุ่มเทให้กับการทำงานมาก จะไปโรงงานทุกวันแม้จะเดินไม่ค่อยไหว ทุกเช้า 10 โมงถึงบ่ายสี่โมงเย็นณรงค์จะขลุกอยู่ในโรงงานสุราวิเศษสุวรรณภูมิที่จังหวัดนครปฐม แม้จะล่วงเลยถึงวัย 67 ปี ชายร่างอ้วนใหญ่คนนี้ก็ยังหมั่นดูแลกิจการ

ตราบใดที่เขายังมีลมหายใจอยู่ตราบนั้นเขาจะไม่ยอมหยุดทำงานจากชีวิตที่ต่อสู้ด้วยสองมือเปล่า วันนี้ชีวิตณรงค์ โชคชัยณรงค์มีกำไรแล้ว

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us