ยูสตาร์ จับมือ 3 พันธมิตรเพิ่มช่องทางขาย ขยายฐานลูกค้าใหม่ ผนึกเอไอเอส ส่งบริการ “เอไอเอส สมาร์ท โมบาย แพกเกจ” ข้อมูลข่าวสาร โปรโมชันผ่านเอสเอ็มเอสถึงสมาชิก พร้อมอัดโปรโมชันสมาชิกไอ-คลับ 1 ล้านคน เพิ่มความหลากหลายสินค้า ขายจิวเวลรี่ผ่านแคตตาล็อก สิ้นปีดันยอดสมาชิกเพิ่ม 35% จาก 3 แสนราย

นายเกรียงสิทธิ์ ศิริชาติไชย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ยูสตาร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงแบบชั้นเดียวยูสตาร์ เปิดเผยว่า แผนการตลาดเครื่องสำอางยูสตาร์จะเน้นกลยุทธ์มิกซ์ มาร์เกตติงเจาะกลุ่มเป้าหมายในทุกช่องทางจำหน่าย ดังนั้นล่าสุดบริษัทได้ทุ่มงบกว่า 5 ล้านบาท ในครึ่งปีหลังนี้ จับมือร่วมกับบริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด หรือผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เครือข่ายเอไอเอส ด้วยการเปิดตัวบริการ”เอไอเอส สมาร์ท โมบาย แพกเกจ” การสื่อสารถึงสมาชิกยูสตาร์ ในการส่งข้อมูล ข่าวสาร โปรโมชัน ตลอดจนกิจกรรมความเคลื่อนไหวต่างๆ ผ่านทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่อเพิ่มช่องทางจำหน่าย

“ที่ผ่านมาบริษัทจะเน้นจำหน่ายผ่านช่องทางแคทตาล็อกเป็นหลัก แต่แคตตาล็อกอาจจะมีการตกหล่นหรือสูญหายไปบ้าง ขณะเดียวกันช่องทางโมบาย ยังช่วยขยายฐานลูกค้าที่เป็นกลุ่มวัยรุ่นได้มากขึ้น ซึ่งล่าสุดบริษัทได้ปรับบรรจุภัณฑ์และสินค้าให้มีความทันสมัยสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายดังกล่าวมากขึ้น อีกทั้งบริษัทยังสามารถอาศัยระบบการสื่อสารที่มีความรวดเร็ว นำมาใช้ในช่วงที่มีโปรโมชันใหม่ โดยคาดว่ากลยุทธ์ดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นการซื้อสินค้าจากสาวจำหน่ายให้มากขึ้น จากปัจจุบันที่มีการซื้อสินค้าต่อคนต่อรอบอยู่ที่ 1.5 พันบาท”

พร้อมกันนี้ยังได้จับมือร่วมกับบริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ โดยได้มอบสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกไอ-คลับ ซึ่งปัจจุบันมีกว่า 1 ล้านคน ที่ติดต่อมาทางคอลเซ็นเตอร์ของยูสตาร์รับสิทธิ์เป็นสมาชิกทันที และรับเครื่องสำอาง 1 เซ็ต ส่วนการจับมือร่วมกับบริษัทโทโมดาจิ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เพื่อนำสินค้ากลุ่มจิลเวลลี่มาจำหน่ายผ่านแคตลาล็อกยูสตาร์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความหลากหลาย จากปัจจุบันมูลค่าตลาดของจิวเวลรี่ที่จำหน่ายผ่านแคตตาล็อกและขายตรงมีมากกว่า 1,300 ล้านบาท โดยมีผู้เล่นที่ชัดเจน 1-2 ราย

สำหรับผลประกอบการในช่วงไตรมาสที่สอง มีอัตราการเติบโต 20% เป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทวางไว้ อย่างไรก็ตามจากกลยุทธ์เอ็มมาร์เกตติ้ง คาดว่าจะผลักดันสาวสมาชิกเพิ่มขึ้นอีก 35% ในสิ้นปีนี้จากปัจจุบันมีราว 3 แสนราย ขณะที่ยอดขายผ่านทางโทรศัพท์เคลื่อนที่คิดเป็นสัดส่วน 35% ของรายได้รวมทั้งหมด