สมาคมรับสร้างติดเทอร์โบ ปั๊มยอดช่วงครึ่งปีหลัง คาดมีแนวโน้มได้เห็นตัวเลขรวมระดับ 8,000 ล้านบาท หลังพฤติกรรมของลูกค้าจะลงทุนสร้างบ้านในช่วงครึ่งปีหลังสัดส่วนสูงถึง 60% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกที่ระดับ 40% ส่วนยอดรับสร้างบ้านครึ่งปีแรกกวาดไปแล้ว 3,500 ล้านบาท
นายสิทธิพร สุวรรณสุต เลขาธิการสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในช่วงครึ่งหลังของปี 2550 ว่า แม้สถานการณ์ทางการเมืองจะส่งผลกระทบต่อต่อภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะธุรกิจบ้านจัดสรรประเภทบ้านเดี่ยวนับตั้งแต่ปี 2549ต่อเนื่องถึงปัจจุบัน แต่กลับส่งผลดีต่อภาพรวมของตลาดรับสร้างบ้านในปี 2550 นี้ เนื่องจากความต้องการสร้างบ้านของผู้บริโภคที่ชะงักและอั้นมาจากปีก่อน ซึ่งเกิดจากความไม่เชื่อมั่นต่อสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจของประเทศ แต่มาปีนี้กลุ่มลูกค้าที่ชะลอตัดสินใจต่างทยอยกลับมาใช้บริการกับบริษัทรับสร้างบ้านกันมากพอสมควร โดยมูลค่าตลาดรวมรับสร้างบ้านในช่วงไตรมาสที่สองมีมูลค่ารวม 1,800 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2549 ที่มีมูลค่าตลาดรวม 1,200 ล้านบาท และในครึ่งปีแรก ตลาดรวมรับสร้างบ้านมีมูลค่าประมาณ 3,500 ล้านบาท เทียบกับครึ่งปีแรกของปี 49 ตลาดมีมูลค่าประมาณ 2,800 ล้านบาท
ขณะที่ในครึ่งปีหลัง ตนประเมินว่าปัจจัยทางการเมืองเริ่มส่งสัญญาณบวก จึงนับเป็นโอกาสที่ดีของกลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง อย่างเช่น สถาบันการเงิน ผู้ผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ฯลฯ ร่วมกันส่งเสริมธุรกิจรับสร้างบ้านให้เป็นที่รู้จักขยายวงกว้างออกไปให้มากขึ้น
"ปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคตัดสินใจ ใช้บริการสร้างบ้านด้วย เพราะต้องการได้บ้านที่มีคุณภาพและความน่าเชื่อถือของบริษัทรับสร้างบ้าน ที่ผ่านมาบทเรียนและประสบการณ์ของผู้บริโภคที่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ประกอบการ ได้ถูกนำมาเป็นปัจจัยสำคัญต่อการตัดสินใจเลือกบริษัทรับสร้างบ้านที่มีคุณธรรมและมีความเป็นมืออาชีพ แทนการว่าจ้างผู้รับเหมารายย่อยหรือผู้ประกอบการมือสมัครเล่น แม้ผู้บริโภคจะรู้สึกว่าต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นอีก 5-10% แต่ก็คุ้มค่ากับการลงทุนในระยะยาว "
นายสิทธิพรกล่าวว่า สำหรับพฤติกรรมและความต้องการสร้างบ้านหลังใหม่ของผู้บริโภคทั่วไป มักจะนิยมสร้างบ้านกันในช่วงครึ่งปีหลังมากกว่าในช่วงครึ่งปีแรก โดยเฉลี่ยจะมีสัดส่วน 60: 40 ของตลาดรวมรับสร้างบ้านต่อปี ซึ่งก่อนหน้านี้สมาคมฯประเมินกันว่ามูลค่ารวมของตลาดรับสร้างบ้านในปีนี้ น่าจะใกล้เคียงหรือสูงกว่าปีก่อนเล็กน้อยหรือประมาณ 8,000 ล้านบาทเศษ ดังนั้นโอกาสที่จะเข้าใกล้ตัวเลข
" ที่คาดการณ์ไว้จึงมีความเป็นไปได้สูง เพราะในช่วงครึ่งปีแรกผู้ประกอบการต่างสามารถทำยอดขายผ่านกึ่งหนึ่งของเป้าที่ตั้งไว้เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งในไตรมาส 3 ของทุกปีจะเป็นช่วงไฮไลต์ของธุรกิจรับสร้างบ้าน เพราะจะมีกิจกรรมส่งเสริมและกระตุ้นกำลังซื้อ คาดว่ามูลค่าตลาดรวมในไตรมาส 3 จะอยู่ประมาณ 3,500 ล้านบาท และไตรมาสสุดท้ายของปีประมาณ 1,700 ล้านบาท" นายสิทธิพรกล่าวและว่า สำหรับปีนี้สมาคมฯอยู่ระหว่างหารือกับศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.)เพื่อจะจัดเก็บข้อมูลและสถิติรับสร้างบ้านหรือบ้านสร้างเองอย่างเป็นทางการ โดยสมาคมฯจะผลักดันและขอความร่วมมือกับสมาชิก เพื่อรายงานผลยอดขายหรือยอดรับสร้างบ้านกับศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ทั้งนี้ข้อมูลและสถิติสร้างบ้านจะได้ถูกรวบรวมและจัดเก็บอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการและแม่นยำ ในอนาคตข้อมูลและสถิติเหล่านี้สมาคมฯจะได้นำมาวิเคราะห์และใช้กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาธุรกิจรับสร้างบ้านต่อไป
|