ปัญหาภายในของมูลนิธิสืบฯ มีอยู่จริง และภาพของมูลนิธิฯ ก็เงียบหายไปทุกที
สิ่งนี้กรรมการต่างยอมรับ ทว่าทุกคนก็ยังรู้สึกว่า เท่าที่ผ่านมา ถ้าจะเฉลิมฉลองความสำเร็จของการทำงานครบรอบ
1 ปี ก็มีเรื่องควรเฉลิมฉลองอยู่ไม่น้อย
ความภาคภูมิใจแรกสุดก็คือการถือกำเนิดขึ้นได้ขององค์กรอนุรักษ์แห่งนี้
ที่สาธารณชนทุกระดับชั้นต่างมีส่วนร่วมแรงกายแรงใจ โดยมอบความไม่วางใจให้กับกลุ่มคนที่เป็นเพื่อนของสืบอย่างแท้จริง
อย่างน้อยก็เป็นองค์กรอนุรักษ์ของคนไทยแท้ ๆ ที่เชื่อได้ว่าจะไม่มีวันออกนอกลู่นอกทางเห็นดีงามกับการทำลายสิ่งแวดล้อม
หรือขายธรรมชาติเพื่อสิ่งอื่น
เงินส่วนใหญ่ของมูลนิธิฯจะทุ่มเทไปยังเขตรักษพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งและทุ่งใหญ่นเรศวร
แบ่งเป็นแห่งละ 600,000 บาท เพื่อการใช้ประโยชน์อะไรก็ได้ตามแต่หัวหน้าเขตฯ
จะเห็นสมควร นอกจากนั้นยังมีเงิน 400,000 บาทอีก 2 ก้อนที่เรียกว่าเงินยืมสำรองจ่ายเป็นเงินค่าจ้างพนักงานและคนงานในช่วงคาบเกี่ยวของปีงบประมาณตั้งแต่เดือนตุลาคมที่เงินรัฐมักออกล่าช้า
ห้วยขาแข้งยังจะได้เครือข่ายวิทยุสื่อสารในวงงบประมาณ 1,060,000 บาท ติดตั้งตามจุดต่าง
ๆ เท่าที่จำเป็นเพื่อการติดต่อประสานการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งแผนงานเดียวกันนี้ทุ่งใหญ่นเรศวรก็จะได้รับด้วยเมื่อมูลนิธิฯหาเงินเพิ่มได้
ส่วนการจัดสร้างอนุสรณ์สถานของสืบ นาคะเสถียรก็เป็นงานใหญ่ที่มูลนิธิฯ
เป็นเจ้าภาพอีกงานหนึ่ง ส่วนประกอบของอนุสรณ์สถานได้แก่ อาคารนิทรรศการ ห้องประชุมและห้องสมุด
ความหมายในทางนามธรรมเท่ากับเป็นการรำลึกถึงสืบ แต่ก็มีคุณค่าตามมาในแง่ของการจัดให้เป็นสถานที่ศูนย์กลางเชื่อมคนที่แวะเข้าไปให้รู้จักกับห้วยขาแข้งมากขึ้น
อาจจะโดยการฉายสไลด์หรือฟังบรรยาย
แม้ความสำเร็จของโครงการเหล่านี้ ยังเป็นเรื่องของอนาคต แต่ก็พอจะเห็นวี่แววกันได้อยู่ว่าหน้าตาของห้วยขาแข้งจะเปลี่ยนแปลงก้าวหน้าไปอย่างไรบ้าง
ซึ่งนอกจากมูลนิธิฯ แล้ว ทางราชการก็เข้ามาเสริมบางส่วนด้วย อย่างเช่น โครงการลาดยางถนนเข้าที่ทำการเขตฯทางหน่วย่งานเร่งรัดพัฒนาชนบทก็จะเก็นผู้ดำเนินการ
ชัชวาล พิศดำขำ หัวหน้าเขตฯ ห้วยขาแข้ง คนปัจจุบันและเป็นกรรมการมูลนิธิสืบฯ
โดยตำแหน่งด้วยกล่าวถึงการช่วยเหลือจากทางมูลนิธิฯ ว่า "ผมยัง มีความเห็นวาคนมักจะมอง
ว่ามูลนิธิฯ ให้อะไรกับห้วยขาแข้งบ้างที่เป็นวัตถุ แต่ผมไม่เน้นเรื่องนี้หรอกครับ
เพราะยังมีเขตอื่นๆ ต้องการได้รับความช่วยเหลืออีก บางแห่งมากกว่าห้วยขาแข้งด้วยซ้ำ
และมูลนิธิฯ เองก็ไม่ได้หลงลืมเรื่องนี้"
อย่างไรก็ตามเขตอื่น ๆ ก็คงจะต้องรอกันสักระยะหนึ่ง เนื่องจากเงินดอกผลของมูลนิธิฯ
ก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก
สำหรับงานวงกว้าง อันได้แก่การจัดสัมมนาว่าด้วยปัญหาเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งและทุ่งใหญ่นเรศวร,
เรื่องทิศทางป่าไม้ไทย และเรื่องถนน 48 สาย ทั้ง 3 งานเป็นการจัดในรูปสัมมนาโต๊ะกลม
เรื่องแรกจัดวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่ห้องประชุมการเคหะแห่งชาติมีเนื้อหาว่าด้วยแนวทางแก้ไขปัยหาที่เกิดขึ้นกับเขตฯ
ทั้งสอง เพื่อนำไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น รวมทั้งเป็นแนวในการทำงานของมูลนิธิฯ
ด้วย
งานที่ 2 เป็นงานที่ต่อเนื่องตามมาจากครั้งแรก โดยจัดร่วมกับศูนย์วิจัยป่าไม้
ณ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในวันที่ 30 มีนาคสม มีผู้สนใจเข้าร่วมมากถึง
200 คนโดยประมาณ ทั้งจากภาครัฐและเอกชน ผลคือได้ข้อสรุปเกี่ยวกับทิศทางที่ควรจะเป็นของป่าไม้หลายประเด็นยื่นเสนอไปถึงอาณัติ
อาภาภิรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ส่วนเรื่องถนน 48 สาย นับเป็นความภูมิใจที่เงียบ ๆ และยิ่งใหญ่ของคณะกรรมการ
เนื่องจากการสัมมนาหัวข้อนี้สามารถรวมเอาบรรดาตัวแทนจากฝ่ายต่าง ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับประเด็นปัญหามานั่งปรึกษาหารือกัน
แลกเปลี่ยนและรับฟัง
ความคิดเห็นอันแตกต่างหลากหลาย จนกระทั่งได้ข้อสรุปที่ดี
แผนงานสร้างทางเพื่อความมั่นคงในเขตพื้นที่กองทัพภาคที่ 1-4 จำนวน 48 สายทาง
เป็นโครงการที่สืบเนื่องมาแต่อดีตจากความจำเป็นเรื่องการแก้ปัญหาพื้นที่ล่อแหลมจากการต่อสู้เอาชนะคอมมิวนิสต์
และการคุกคามจากภัยภายนอก ซึ่งเป็นปัญหาที่สภาพการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว แต่โครงการยังคงอยู่โดยปรับวัตถุประสงคืมาว่าด้วยการสร้างความมั่นคงภายใน
ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติแผนงานนี้ออกมาเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2533
จุดสำคัญอยู่ที่ว่า ถนน 48 สายนั้นจะตัดผ่านเข้าไปในพื้นที่ป่า โดยผ่านพื้นที่ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าจำนวน
8 แห่ง เขตอุทยานแห่งชาติ 6 แห่ง และพื้นที่ที่เป็นเขตลุ่มน้ำชั้น 1 A จำนวนหนึ่ง
ที่เหลือเป็นป่าสงวนแห่งชาติที่มีบางแห่งกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อประกาศเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตอุทยานแห่งชาติ
"เรื่องนี้เราทำได้ผลค่อนข้างชัดเจนคือ เส้นไหนที่ตัดอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติและเขตอนุรักษ์พันธ์สัตว์ป่าก็คงจะต้องระงับไว้ก่อน
ส่วนเส้นอื่น ๆ ก็ให้มีการศึกษาผลกระทบว่าจะแก้ไขได้หรือไม่อย่างไร ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเป็นความใจกว้างของทุก
ๆ ฝ่าย" วีรวัธน์ ธีระประสาธน์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรกล่าว
และล่าสุดงานอบรมครูระดับมัธยมปลาย 120 กว่าคนจากทั่วประเทศเมื่อวันที่
22-26 กรกฎาคมก็สัมฤทธิผลไม่น้อยทีเดียว บรรดาครูผู้ผ่านการอบรมทั้งหลายพร้อมใจกันเรียกตัวเองว่า
เป็น "กวางผารุ่นที่ 1" โดยทำให้สอดคล้องกับ LOGO ของมูลนิธิที่เป็นรูปของกวางผาโผนสู่เปลวเพลิง
ซึ่งก็เป็นที่คาดหวังกันว่า กวางผาคงจะมีอีกหลาย ๆ รุ่นและแต่ละรุ่นก็จะผลิตลูกกวางผาตามมา
นอกจากนี้มูลนิธิฯ ยังมีกิจกรรมอีกจำนวนหนึ่งที่อาจจะอยู่ในขั้นริเริ่มคิดหรือลงมือทำไปบ้าง
เช่น การจะจัดตั้งกองทุนผู้พิทักษ์ป่าสำหรับเป็นสวัสดิการและสร้างความมั่นคงในบั้นปลายชีวิตให้กับเจ้าหน้าที่รักษาป่าทั้งหลาย
ซึ่งการดำเนินการเรื่องนี้ฝ่ายประชาสัมพันธ์โดยดวงดาว สุวรรณรังษี เป็นผู้รับผิดชอบและจะหาทุนเป็นการเฉพาะเองหรือย่างงานทางวิชาการ
ขณะนี้ BELINDA STEWART COX ก็ได้รับมอบหมายให้ทำรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการศึกษาสัตว์
แต่ละชนิดว่าจะมีวิธีการอย่างไรบ้าง
เหล่านี้คือความเป็นไปเบื้องหลังภาพนิ่งที่กล่าวได้ว่ามีความเคลื่อนไหวอยู่ไม่น้อยเลย