Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน18 กรกฎาคม 2550
ททท.แหยงปีหน้าตลาดในโตแค่2%             
 


   
www resources

โฮมเพจ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

   
search resources

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
Tourism
พรศิริ มโนหาญ




นางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ในปี 2551 ททท. จะชู 7 ธีมหลัก เป็นสินค้าทางการท่องเที่ยวที่จะนำเสนอในตลาดต่างประเทศ ได้แก่ วิถีไทย หัวใจของแผนดิน(Thainess), มรดกแห่งแผ่นดิน(Treasures), หลากหลายทะเลไทย(Beaches) ,รักษ์ ห่วงใย ใส่ใจธรรมชาติ(Nature) ,สุขภาพนิยม (Health),ชีวิตร่วมสมัย ความสุขใจที่แตกต่าง(Trendy) และ เทศกาล ความสุข สีสันหรรษา(Fest&Fun) วางตำแหน่งทางการตลาดของประเทศไทย ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับคุณภาพที่หลากหลายให้ประสบการณ์ และความประทับใจ โดยตั้งเป้าหมาย สร้างรายได้สำหรับตลาดต่างประเทศที่ 6 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีนี้ 10% และมีจำนวนนักท่องเที่ยวที่ 15.7 ล้านคน เพิ่มขึ้น 6%

นอกจากนั้น ยังให้ความสำคัญเรื่องการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ตอกย้ำแบรนด์ของประเทศไทย ชูความแตกต่างให้โดดเด่นเหนือคู่แข่งขัน โดยมีตลาดเป้าหมายคือ ยุโรป เอเชียตะวันออก และตะวันออกกลาง โดยดำเนินการรักษาฐานตลาดเดิม ไปพร้อมกับบุกตลาดใหม่ เช่น เวียดนาม , ฟิลิปปินส์ , อินโดนีเซีย ,รัสเซียและCIS กลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก และกลุ่มตะวันออกกลาง ส่วนนักท่องเที่ยวตลาดในประเทศ ตั้งเป้าหมายปีหน้าที่ 83 ล้านคนครั้ง เพิ่มขึ้น 1.23% เกิดรายได้หมุนเวียนในประเทศ 3.85 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% โดยกลยุทธ์ที่จะใช้ คือ กระตุ้นให้เกิดการเดินทางเชื่อมโยงในภูมิภาคและระหว่างภูมิภาค สร้างกระแสให้การท่องเที่ยวเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เน้นการท่องเที่ยวในมิติของการเรียนรู้ และการรณรงค์ให้เกิดรู้ค่ารักษาแหล่งท่องเที่ยว

รายงานข่าว แจ้งว่า รายได้ที่ ททท.ตั้งเป้าในปี 2551 เป็นตัวเลขที่เติบโตน้อยเพียง 2% จากกรอบการจัดทำแผนที่หวังจะสร้างรายได้ให้เติบโตกว่า 4% ซึ่งน่าจะเป็นผลจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้และการเน้นนักท่องเที่ยวกลุ่มทัศนศึกษา

อย่างไรก็ตาม ทั้งตลาดต่างประเทศและตลาดในประเทศ ททท.ยังคงดำเนินการจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางเช่นทุกๆปีที่ผ่านมา โดยจะร่วมกับพันธมิตรภาคเอกชน เพื่อประหยัดการใช้งบประมาณ แต่ต้องได้ผลเทียบเท่าหรือดีกว่า เช่น กิจกรรมงานประเพณี กิจกรรมการกีฬา การจัดแข่งขัน และจัดประกวดต่างๆ

อาเซียนสดใสบุกตลาดใหม่ขยายฐาน

นายประกิตติ์ พิริยะเกียรติ ผู้อำนวยการฝ่ายภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้และแปซิฟิกใต้ กล่าวว่า สำหรับตลาดนี้ ปี 2551 ตั้งเป้ารายได้ที่ 81,300 ล้านบาท เติบโตจากปีนี้ กว่า 9% และมีส่วนแบ่งรายได้อยู่ที่ 23% ของรายได้ทั้งหมดของ ททท. เติบโตกว่าปีนี้ ที่ตลาดนี้มีส่วนแบ่งรายได้ที่ 21% แผนการดำเนินงานจะทำตลาดเชิงรุก เจาะถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย การจัดแฟมทริป เชิญสื่อจากต่างประเทศเข้ามาเที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยว โดยตลาดใหม่ๆ ที่จะรุกหนักมากขึ้น ได้แก่ เวียดนาม ซึ่งในเดือนสิงหาคมนี้ ททท.จะเปิดออฟฟิศสำนักงานที่เวียดนาม และปีหน้าจะเริ่มทำตลาด นอกจากนั้น ยังให้ความสำคัญกับตลาดรอง เพื่อมาเสริมกับตลาดหลัก อาทิ ฟิลิปปินส์ ,บรูไน , พม่า และกัมพูชา ซึ่ง ตลาดดังกล่าว ช่วง 1-2 ปีมีการเติบโตสูง เนื่องมาจากเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้ เป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพดี มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยไม่แพ้นักท่องเที่ยวจากจีน และสิงคโปร์ คือเฉลี่ย 4,000 บาท ต่อวัน

สำหรับตลาดหลักอย่างออสเตรเลีย ปีหน้าก็จะเติบโตต่อเนื่อง ตั้งเป้าหมาย มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยได้ไม่น้อยกว่า 6 แสนคน เติบโตจากปีนี้กว่า 15% โดยมีแผนจัดกิจกรรมกระตุ้นให้เกิดการเดินทางตลอดทั้งปี เช่น จัดทำแพกเกจเสนอขายนักท่องเที่ยวกลุ่มเล่นกอล์ฟ เป็นต้น นอกจากนั้น ยังจัดอบรมพนักงานขายให้แก่บริษัทนำเที่ยวให้รู้จักประเทศไทยมากขึ้น เป็นประโยชน์ต่อการนำเสนอขายแพกเกทัวร์

แนะททท.ดันไทยเป็นเมืองพุทธศาสนา

ทางด้านภาคเอกชน นายพิษณุ กองกันภัย นายกสมาคมท่องเที่ยวอเมริกา แห่งประเทศไทย และเจ้าของธุรกิจบริษัทนำเที่ยว 24 Jan Travel จำกัด เปิดเผยว่า ได้เสนอให้ ททท. เร่งทำตลาดในอเมริกาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้นักท่องเที่ยวจากประเทศดังกล่าวเดินทางเข้ามาประเทศไทยตลอดทั้งปี ซึ่งสิ่งที่นักท่องเที่ยวจากตลาดนี้ต้องการสูงสุด คือคุณภาพสินค้าทางการท่องเที่ยว และความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย นอกจากนั้น ยังต้องการให้ ททท. เร่งโปรโมทให้ประเทศไทยเป็นเมือง พุทธศาสนา นำเสนอสินค้าเส้นทางปฎิบัติธรรม ความเป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมประเพณี ซึ่งเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวจากยุโรปและอเมริกา

“ปัจจุบันมีประชากรที่นับถือศาสนาพุทธมากถึง 400 ล้านคน จาก 60 ประเทศทั่วโลก หากประเทศไทยสามารถสร้างธีมขึ้นมา แล้วเจาะเสนอลูกค้าในกลุ่มนี้เราก็จะมีนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ๆเข้ามาเพิ่มขึ้น และที่สำคัญเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพ ใช้จ่ายเงินสูง”

ที่ผ่านมา มองว่าททท. ให้ความสำคัญกับตลาดเดินทางระยะใกล้มากกว่าตลาดเดินทางระยะไกล ด้วยเหตุผลว่า ตัดสินใจการเดินทางได้เร็ว และมาได้บ่อยครั้ง แต่ปัจจุบันนี้ พฤติกรรมนักท่องเที่ยวเปลี่ยนไปตลาดระยะไกล อย่างยุโรป และอเมริกา เดิมที่วางแผนท่องเที่ยวจะใช้เวลาตัดสินใจเกือบเป็นปี แต่ขณะนี้ ใช้เวลาตัดสินใจสั้นเพียง 1-2 เดือน

ข้อมูลการเดินทางท่องเที่ยวของคนอเมริกา ที่เดินทางออกนอกประเทศมีอัตราเติบโตต่อเนื่อง ปี 2548 เดินทางออกนอกประเทศ 28.7 ล้านคน ปี 2549 เดินทาง 30.17 ล้านคน ตัวเลขดังกล่าวไม่นับรวมคนอเมริกาที่เดินทางไปแมกซิโกและแคนาดา โดย21% ของผู้ที่เดินทางมีจุดหมายปลายทางที่เอเชีย ขณะที่ประเทศไทย มีนักท่องเที่ยวจากอเมริกาเดินทางเข้ามาเมื่อปีที่ 2549 ประมาณ 6 แสนคน หากดูที่ตัวเลข จะเห็นได้ว่ายังมีโอกาสของการเติบโตอีกมาก และที่สำคัญ นักท่องเที่ยวจากอเมริกา มีค่าใช้จ่ายสูงกว่านักท่องเที่ยวเอเชีย 3 เท่า คือ มีค่าใช้จ่ายราว 1.2 แสนล้านบาทต่อทริปวันพักเฉลี่ย 8 วัน

“นักท่องเที่ยวจากอเมริกา 94% เป็นการเดินทางซ้ำ และ 4% เป็นนักท่องเที่ยวใหม่ จะเห็นว่า คนอเมริกา มีกำลังซื้อสูง และเดินทางท่องเที่ยวทุกปี ดังนั้น เราต้องมีสินค้าทางการท่องเที่ยวที่หลากหลายให้เขาได้เลือกใช้บริการ ที่ผ่านมา เคยเสนอให้โปรโมทประเทศไทยเป็น ฟู้ดส์ทัวริสซึ่ม เทรนด์ โปรโมทอาหารไทย ก็ติดตลาดนี้มาแล้ว หากเราโปรโมทด้านศาสนา เชื่อว่าน่าจะได้รับความสนใจ เพราะประเทศไทยมีโอกาสเป็นเจ้าภาพจัดประชุมวิสาขบูชาโลก แสดงว่า เราได้รับการยอมรับจากทั่วโลกเรื่องความเป็นเมืองพุทธที่โดดเด่นอีกประเทศหนึ่ง”

จี้รัฐสร้างสาธารณูปโภคบูมอีสาน

ด้านนายเจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) กล่าวว่า ต้องการให้ ททท.มีการจัดโปรโมทการท่องเที่ยวไปภาคอีสานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ติดอยู่ในใจของนักท่องเที่ยวเช่นเดียวกับแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ดังนั้นจึงต้องการเสนอให้ ททท.จัดทำแผนโปรโมทอีสานระยะยาว 5 ปี

“ที่ผ่านมา ททท.จัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวภาคอีสานก็จริงอยู่ แต่ขาดความต่อเนื่อง และ มีแผนงานไม่ชัดเจน การนำเสนอไม่มีความน่าสนใจ ทำให้ภาคอีสานไม่บูมได้เสียที”

ในส่วนภาครัฐ ควรเร่งพัฒนาสาธาณูปโภคพื้นที่ให้แก่ภาคอีสานด้วย เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการเดินทาง ทั้งในระดับจังหวัด และระดับเที่ยวข้ามภูมิภาค เช่น การสร้างรถไฟความเร็วสูง วิ่งให้บริการในภาคนี้ เพราะจากจำนวนประชากรในภาคนี้ 20 ล้านคน หาก ททท.สามารถส่งเสริมให้เดินทางท่องเที่ยวได้ 10% ก็เท่ากับ 2 ล้านคน เป็นตัวเลขที่น่าสนใจ ส่วนชาวต่างชาติ เมื่อเดินทางสะดวก เขาก็จะเดินทางมาเที่ยว

“แนวคิดนี้ รัฐบาลอาจต้องใช้เงินลงทุน 2-3 หมื่นล้านบาท แต่ระยะยาวถือว่าคุ้มค่า เพราะ อีสานเป็นประตูสู่อินโดจีน แต่รัฐบาลยังจัดสรรงบประมาณเข้าไปพัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานน้อย ส่วนคู่แข่งอย่าง สิงคโปร์ฮ่องกง มาเก๊า เขาพยายาม เพิ่มแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆมาเป็นจุดขายดึงนักท่องเที่ยว”

อย่างไรก็ตาม การจะกระตุ้นภาคอีสานให้สำเร็จ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกหน่วยงานรัฐ ทำงานแบบประสานความร่วมมือ อย่าทำงานซ้ำซ้อนเหมือนเช่นทุกวันนี้ ส่วนสถานการณ์ท่องเที่ยวครึ่งปีหลัง คาดว่าจะกระเตื้องขึ้นจากที่เป็นอยู่ปัจจุบันราว 3-4% จากกิจกรรมที่ ททท.ออกมากระตุ้น เช่น อะเมซิ่งคูปองเงินสดลดทั่วไทย ส่วน 6 เดือนแรกปีนี้ นักท่องเที่ยวตลาดในประเทศลดลง 15% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us