|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
“ซีคอนฯ” ขยายตลาดรับสร้างบ้านต่ำกว่า 2 ล้านบาท แตกบริษัทลูก “คอมแพคโฮม” ระบุตลาดสร้างบ้านต่ำกว่า 2 ล้านบาท มีมากถึง 50% ของตลาด ในขณะที่ผู้ประกอบการมีไม่กี่ราย ฟุ้งหลังเปิดบริการ 2 เดือนยอดขาย 20 ล้านบาท จากเป้าขายครึ่งปีหลัง 120 ล้าน เชื่อบริษัทใหม่ช่วยหนุนรายได้รวมของกลุ่ม 1,300 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าปี 51 รายได้ รวม 1,500 ล้านบาท
นายกอบชัย ซอโสตถิกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีคอนโฮม จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ ซีคอนฯ ได้เปิดบริษัทลูกไปแล้ว 3 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท บิวท์ทูบิวด์ จำกัด รับผิดชอบในการก่อสร้างบ้านบนที่ดินลูกค้าระดับราคา 4 ล้านบาทขึ้นไป, บริษัทบางกอกเฮ้าส์ บิวเดอร์ จำกัด เน้นรับสร้างบ้านระดับราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท และ0บริษัท Tryer Builder จำกัด ซึ่งจะรับผิดชอบขยายลูกค้ารับสร้างบ้านต่างจังหวัด
ล่าสุด ซีคอนฯ ได้แตกบริษัทแห่งที่ 4 ขึ้น ภายใต้ชื่อ บริษัท คอมแพคโฮม จำกัด ซึ่งจะเข้ามารุกตลาดบ้านระดับราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาทในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทั้งนี้ สาเหตุที่ ซีคอนฯ ตัดสินใจก่อตั้งบริษัท คอมแพคโฮมฯ เพื่อเข้ามาทำตลาดระดับราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท ซึ่งจับกลุ่มลูกค้าตลาดเดียวกับ บริษัท บางกอกเฮ้าส์ บิวเดอร์ เนื่องจากต้องการให้เกิดการแข่งขันภายในตลาดขึ้น นอกจากนี้ ในปัจจุบันในตลาดดังกล่าวจำนวนผู้ ประกอบการยังมีจำนวนน้อย ส่วนใหญ่ลูกค้ายังคงใช้บริการบริษัทรับเหมาก่อสร้างรายย่อย โดยในตลาดระดับราคาต่ำกว่า2 ล้านบาทนี้ถือว่าเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่มาก โดยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่สูงถึง 50% ของมูลค่าตลาดรวม ส่วนกลุ่มตลาดระดับราคา 2-5 ล้านบาทมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ประมาณ 30% ส่วนตลาดบ้านระดับราคา 5 ล้านบาทขึ้นไปมีส่วนแบ่งอยู่ 10% และอีก 10% เป็นตลาดระดับบน (ไฮเอนด์)
อย่างไรก็ตามในตลาดระดับราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท แม้จะมี บริษัท บางกอกเฮ้าส์ บิวเดอร์ จำกัด เข้ามาทำตลาดอยู่แล้วแต่ด้วยจำนวนความต้องการ(ดีมานด์)ในตลาดที่มีขนาดใหญ่มาก ทำให้เชื่อว่าทั้ง 2 บริษัทจะยังไม่สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าในตลาดได้ทั้งหมด หรือครอบคลุมทั้งตลาด
“ การที่เราเข้ามาทำตลาดระดับนี้ได้ เนื่องจากเราสามารถควบคุมต้นทุนในการดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะเรามีระบบก่อสร้างสำเร็จรูป ระบบหล่อโครงสร้างสำเร็จรูปทำให้เราสามารถลดต้นทุนการก่อสร้างบานได้มาก และสามารถก่อสร้างได้อ่างรวดเร็ว ปัจจุบันกำลังการผลิตในโรงงานผลิตโครงสร้างสำเร็จรูปของบริษัทสามารถผลิตได้สูงสุด 60 หลังต่อเดือน แต่ขณะนี้เราใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ประมาณ 50% หรือประมาณ 30-40 หลังต่อเดือน ”นายกอบชัย กล่าวว่าและชี้ว่า
บริษัทลูกในเครือ ซีคอนฯ ทุกบริษัท จะใช้โครงสร้างสำเร็จจากโรงงานของบริษัททั้งหมด ทำให้สามารถใช้กำลังผลิตในโรงงานผลิตชิ้นส่วนโครงสร้างสำเร็จรูปได้มากขึ้น ช่วยให้ประหยัดต้นทุนการผลิตได้มากขึ้น และจะช่วยเพิ่มสร้างรายได้ให้แก่กลุ่มบริษัท ทั้งหมดให้สูงขึ้นด้วย โดยในปี 2550 กลุ่มบริษัทซีคอนฯ ตั้งเป้าว่าจะมีรายได้รวมประมาณ 1,300 ล้านบาท และในปี 2551 คาดว่าน่าจะมีรายได้รวมจากทั้งหกลุ่มประมาณ 1,500 ล้านบาท โดยในส่วนของ ซีคอนฯ ซึ่งเป็นบริษัทแม่นั้นตลอดช่วง 6 เดือนที่ผ่านมามีรายได้รวมแล้ว 318 ล้านบาท
จากเป้ายอดขายทั้งปี 650 ล้านบาท ส่วนบริษัท คอมแพคโฮม หลังจากที่เปิดให้บริการมาแล้ว 2 เดือนนับจากเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมาล่าสุดมียอดขายแล้ว 20 ยูนิตหรือประมาณ 20 ล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายรวมประมาณ 120 ล้านบาท ส่วนบริษัทอื่นคาดว่าจะมีรายได้เฉลี่ยทั้งปีประมาณ 300 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี การเข้าไปเจาะตลาดรับสร้างระดับต่ำกว่า 2 ล้านบาทนั้น จะทำให้อัตรากำไรเบื้องต้นลดลงบ้าง โดยในส่วนของบริษัทคอมแพค คาดว่าจะมีกำไรเบื้องต้นประมาณ 20%ขึ้นไป ส่วนอัตรากำไรเบื้องต้นของบริษัทซีคอนนั้นจะยังมีกำไรเบื้องต้นอยู่ที่ 32% ขึ้นไป
ด้านนางสาวศุภิชชา ชัยพิพัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ซีคอนโฮม จำกัด และ บริษัท คอมแพคโฮม จำกัด กล่าวว่า บริษัท คอมแพคโฮม ตั้งขึ้นในเดือน พ.ค. ที่ผ่านมาด้วยทุนจดทะเบียน 10ล้านบาท โดยจะเข้ามาเน้นเจาะตลาดระดับราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาทเป็นหลัก โดยค่าก่อสร้างเริ่มต้นจะอยู่ที่ 0.7 –1.8 ล้านบาทต่อยูนิต ซึ่งบริษัทจะพยายามรักษาระดับราคาค่าก่อสร้างไว้ในระดับนี้ต่อไป หากราคาวัสดุก่อสร้างยังไม่มีการปรับตัวสูงจนเกินกว่าที่บริษัทจะสามารถรองรับส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นได้
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังนี้บริษัทจะใช้งบประชาสัมพันธ์ ในการทำตลาดของบริษัท คอมแพค โฮม รวม 15 ล้านบาท โดยจะมีภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์ 1 เรื่องและการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ นอกจากนี้ในช่วงการเปิดตัวบริษัทใหม่จะมีการจัดแคมเปญพิเศษมอบส่วนลดสูงสุด 80,000 บาท
|
|
|
|
|