Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์16 กรกฎาคม 2550
เคจีไอ เตือน ดัชนีหุ้นไทยเสี่ยงเหตุราคาพุ่งสวนทางกำไร บจ.หด             
 


   
www resources

โฮมเพจ เคจีไอ (ประเทศไทย)

   
search resources

เคจีไอ (ประเทศไทย), บล.
Stock Exchange




เคจีไอ ประเมินระดับดัชนีปัจจุบันความเสี่ยงสูง บางส่วนสะท้อนราคาของปีหน้าไปแล้วด้วยซ้ำ เหตุกำไร บจ.ปีนี้ลด3.5% แต่ราคาพุ่งสูงเกินทั้งที่ตามพื้นฐานควรอยู่ที่736 - 790 จุด ชี้จุดน่าหวาดเสียวอยู่ที่ค่าเงินบาทปัญหาหนักใจแบงก์ชาติ ส่วนปีหน้ามีแววสดใสกำไร บจ.โต8.3% คาดดัชนีไปได้ถึง 930 จุด

อดิศักดิ์ คำมูล ผุ้อำนวยการเศรษฐกิจและกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ(ประเทศไทย) ประเมินว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง ดัชนีหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 675-863 จุดคิดเป็น P/E 11-13 เท่า ทั้งนี้เป็นไปตามแรงผลักดันของเม็ดเงินต่างชาติ แต่การที่ราคาหุ้นที่ปรับขึ้นสูงในปัจจุบันส่วนหนึ่งก็ได้สะท้อนราคาถึงปีหน้าไปพอสมควรแล้ว หากเข้าลงทุนในช่วงนี้ถือเป็นความเสี่ยงมากพอสมควรเพราะราคาหุ้นได้ปรับขึ้นสูงมากแล้ว

อย่างไรก็ตามแม้การเข้าลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศจะเป็นปัจจัยบวกในระยะนี้ แต่ก็นับเป็นปัจจัยเสี่ยงด้วยกรณีที่ตลาดหุ้นจีนได้รับผลกระทบจากนโยบายทางการเงินของรัฐบาลจีน ที่จะทำให้เกิดการถอนการลงทุนออกจากภูมิภาคนี้

ขณะที่ปัจจัยลบในประเทศที่จะเกิดขึ้นและทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงไปทางกรอบล่างคือปัจจัยการเมืองภายในประเทศ ค่าเงินบาท เงินทุนต่างชาติไหลออกและผลประกอบการต่ำกว่าคาดการณ์

ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยฯประเมินว่าโดยเฉลี่ยปีนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยควรจะอยู่ที่ 736 - 790 จุด ซึ่งเป็นระดับเหมาะสมเมื่อเทียบกับผลกำไรของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ในปี 2550 คาดว่าจะปรับตัวลดลง 3.5% มาอยู่ที่ 4.70 แสนล้านบาท จากปีก่อนที่มี 4.87 แสนล้านบาท และประเมินว่า จีดีพีจะอยู่ที่ 4% แต่หากมีการใช้จ่ายภาครัฐและการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นภายในปีนี้จริง ก็คาดว่าจีดีพีจะปรับขึ้นมาเป็น 4.5%

สำหรับราคาน้ำมันดิบในปีนี้เฉลี่ยก็น่าจะสูงกว่า 70 เหรียญ/บาร์เรล สูงกว่าปีก่อนที่มีค่าเฉลี่ย 67 เหรียญ/บาร์เรล ส่วนด้านอัตราดอกเบี้ยก็อาจมีแนวโน้มลดลงได้อีก แต่คงไม่มากนัก

ส่วนอีกปัจจัยที่น่ากังวลก็คือค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น เนื่องจากการบริหารนโยบายการเงินของแบงก์ชาตินั้น ยังไม่ยอมที่จะให้ค่าเงินบาทมีการเคลื่อนไหวไปตามกลไกตลาดซึ่งถือว่าอันตรายและอาจจะนำไปสู่วิกฤติเศรษฐกิจแบบเงียบ

"เข้าใจว่าแบงก์ชาติก็พยายามจะจัดการเรื่องการแข็งของค่าเงินบาทอยู่ ซึ่งเป็นปัญหาที่ยากมาก เพราะหากยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30%เงินบาทก็อาจจะแข็งพอๆกับอัตราแลกเปลี่ยนออฟชอร์ที่ใกล้30บาท กระทบด้านตัวเลขการส่งออกซึ่งจะไปกระทบต่อจีดีพีอีกทอดหนึ่ง แต่หากไม่ยกเลิกก็ต้องฝืนธรรมชาติมีภาระต้องแทรกแซงไปเรื่อยๆ สำหรับโดยส่วนตัวแล้วยังเชื่อว่าแบงก์ชาติคงไม่มีทางยกเลิกมาตรการกันสำรองง่ายๆตราบใดที่เห็นว่าผู้ประกอบการส่งออกไม่สามารถแข่งขันได้ด้วยตัวเอง"

ทางด้านดัชนีของปีหน้าคาดว่าจะปรับขึ้นสู่ระดับ 930 จุด ภายใต้ประมาณการอัตราการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน 8.3% นำโดยกลุ่มพลังงานที่คาดว่าจะเติบโต 5.5% กลุ่มธนาคารเติบโต 21.3% กลุ่มสื่อสารเติบโต 11.1% กลุ่มวัสดุก่อสร้าง 5.1% และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ 5.1% โดยปัจจัยบวกสำหรับตลาดหุ้นไทยยังเป็นเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศเช่นเดียวกับปีนี้ ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่แนะนำให้ติดตามคืออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจีน ซึ่งหากจีดีพีจีนในปีหน้าโตต่ำกว่า 10% จะทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีนและกระทบต่อตลาดหุ้นทั้งภูมิภาค   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us