|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ถึงเวลาหุ้นกลุ่มอสังหาฯราศีจับ มีแววเติบโตดีหลังมีเรื่องลดดอกเบี้ย-เพิ่มค่าลดหย่อนหักภาษีหนุน 4 โบรกฟันธงครึ่งปีหลังแนวโน้มดีมีกำลังซื้อกลับเข้ามาอีกครั้ง
จากยอดขายอสังหาฯที่ค่อนข้างเงียบเหงาตั้งแต่ต้นปีเรื่อยมา อันเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่อำนวย ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลง ส่งผลให้อัตราการเติบโตของหุ้นกลุ่มนี้มีตัวเลขไม่ดีนัก แต่ในช่วงครึ่งปีหลังจากนี้เป็นต้นไปหุ้นกลุ่มอสังหาฯจะมีราศีที่ดีขึ้นจากผลของการลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องซึ่งหนุนกำลังซื้อ รวมถึงการเพิ่มค่าลดหย่อนในการหักภาษีสำหรับผู้ซื้อที่อยู่อาศัยจาก 5 หมื่นบาทเป็น1 แสนบาทที่จะช่วยในการตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
สุกิจ อุดมศิริกุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.)นครหลวงไทย มองแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลังว่าจะฟื้นตัวได้จากครึ่งปีแรก หลังสถานการณ์ทางเมืองคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น โดยรัฐบาลย้ำชัดถึงการจัดให้มีการเลือกตั้ง จึงส่งผลให้ผู้บริโภคเกิดความมั่นใจ และดึงแรงซื้อกลับมาอีกครั้งได้
"ช่วงที่ผ่านมายังคงมีกำลังซื้ออยู่ เพียงแต่ผู้บริโภคไม่มีความมั่นใจเท่านั้น ดังนั้นเชื่อว่าจากการปรับตัวอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา และแนวโน้มที่จะปรับลดได้อีก 0.25%ในครึ่งปีหลัง ประกอบกับเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวในทิศทางที่ดีขึ้น จะส่งผลให้กำลังซื้อจะกลับเข้ามาอีกครั้ง"
แม้ว่าแนวโน้มธุรกิจฯจะมีปรับตัวตัวดีขึ้น แต่เชื่อว่าผู้นำในตลาดนี้ในครึ่งปีหลังจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ประเภทแนวราบ เช่น บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท (PS), บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH), บมจ. ศุภาลัย (SPALI) เพราะธุรกิจอสังหาจะอิงกับทิศทางเศรษฐกิจโดยตรง ดังนั้นเมื่อทิศทางเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง จึงทำให้กำลังซื้อเริ่มกลับคืนมา ขณะที่ในช่วงครึ่งปีแรกผู้นำตลาดอสังหาริมทรัพย์จะเป็นประเภทคอนโดมิเนียม เป็นหลัก
สำหรับหุ้นในกลุ่มนี้ที่บล.นครหลวงไทย ยังคงแนะนำและให้น้ำหนักการลงทุนในมากที่สุดคือ หุ้น PS โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 7.60 บาท เพราะความต้องการของผู้บริโภค 60-70% จะซื้ออสังหาริมทรัพย์ในราคาไม่เกือบ 2 ล้านบาท และเป็นบริษัทที่มีมาร์เก็ตแชร์สูงถึง 35-40% และ หุ้นLH ในราคาเป้าหมายที่ 7.80 บาท และ SPALI ที่ 4.50 บาท ซึ่งมีค่าP/E ต่ำกว่าตัวอื่นในกลุ่ม
"หุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่น่าลงทุนในสายตานักลงทุนต่างประเทศ จะเป็นหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปสูง ซึ่งจะเป็นหุ้นที่เข้าเกณฑ์การลงทุนของต่างชาติ"
ด้านบทวิเคราะห์บล. ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ โดยระบุว่าแสงสว่างสำหรับบ้านแนวราบเริ่มมีให้เห็นบ้าง สืบเนื่องจาก อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ทยอยปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง และการเลือกตั้งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า คาดว่าจะทำให้ความมั่นใจของผู้ซื้อบ้านดีขึ้น อีกทั้งการก่อสร้างส่วนขยายรถไฟฟ้าในเขตชานเมืองในอนาคตก็จะช่วยขจัดปัญหาค่าเดินทางที่สูงได้
โดยมองว่าแม้การที่เม็ดเงินต่างประเทศไหลเข้ามาก ทำให้ LH ได้รับความนิยมสูง แต่เป็นจังหวะทยอยขายเนื่องจากเลยราคาพื้นฐานที่ 6.00 บาทไปแล้ว แต่หลักทรัพย์ขนาดใหญ่ที่น่าสนใจกลับเป็น บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH) โดยให้ราคาพื้นฐาน 1.73 บาท ส่วน PS ให้ราคาพื้นฐาน 7.96 บาท และกำลังทบทวนปรับขึ้น รวมถึง SPALI ให้ราคาพื้นฐาน 4.11 บาท ส่วนที่ยังปรับตัวสูงขึ้นน้อย เป็น Laggard และแนะนำให้ ซื้อในขณะนี้คือ บมจ. พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค(PF) โดยมีราคาพื้นฐาน 4.20 บาท, บมจ. ปริญสิริ (PRIN) ให้ราคาพื้นฐาน 3.56 บาทและ บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเม้นท์(NOBLE) ราคาพื้นฐาน 5.71 บาท
ขณะที่ บล.เคทีบี ประเมินว่า กลุ่มอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มเติบโตดีในครึ่งปีหลัง โดยตลาดคอนโดมิเนียมยังครองตลาดและทำยอดขายได้สูงสุด รองรับการขยายตัวของรายได้ในอีก 2 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ AP มี Presales 5 เดือน พุ่งสูงถึง 8.2 พันล้านบาท เนื่องจากจับทำเลอยู่ย่านใจกลาง แนวรถไฟฟ้า และคาดว่าจะมีการออกอีก 3 โครงการครึ่งปีหลัง ส่วน บมจ.เแอล.พี.เอ็น ดีเวลลอปเม้นท์ (LPN)ได้ยอด Presales ถึง 5 พันล้านบาท จากกลุ่มระดับล่าง ขณะที่ SPALI ที่เป็นหุ้นปันผลดี แม้ยอดขายออกตัวไม่สวยนัก เนื่องจากไม่มีการเปิดตัวโครงการใหม่ๆ จึงต้องลุ้นการ เปิดตัวโครงการ City Home รัชดา-ปิ่นเกล้า มูลค่า 2.7 พันล้านบาท ระดับราคาเฉลี่ย 1.3 ล้านบาท/หลัง คาดว่ายังได้รับความสนใจ เนื่องจากเป็นทำเลรองรับการขยายตัวของรถไฟฟ้าในอนาคต อย่างไรก็ดีปีนี้บริษัทยังต้องเร่งโครงการแนวราบเพื่อสร้าง Backlog ผลักดันรายได้ในปีหน้า ประเมินราคาที่เหมาะสม AP 6.30 บาท, LPN 9.25 บาท และ SPALI 5.26 บาท
ส่วนนักวิเคราะห์จาก บล.โกลเบล็ก ให้ความเห็นว่า จะเริ่มมีกำลังซื้อกลับเข้ามาอีกครั้งหลังจากมีการเลือกตั้ง ประกอบกับช่วงไตรมาส4 ของทุกปีจะเป็นช่วงไฮซีซั่นของของกลุ่มอสังหาฯอยู่แล้ว ดังนั้นถ้ารัฐบาลมีการออกมาตรการกระตุ้น จะยิ่งเป็นปัจจัยเชิงบวกให้กับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์
อย่างไรก็ตาม หุ้นอสังหาฯที่มีสัดส่วนรายได้จากบ้านและคอนโดฯ จะเป็นกลุ่มที่ได้เปรียบกว่าผู้ประกอบการที่สัดส่วนรายได้ประเภทบ้านเพียงอย่างเดียว เนื่องจากยอดขายของคอนโดฯจะเป็นตลาดที่ได้รับความนิยมสูงในปัจจุบัน แต่คงอิงกับบริเวณที่ตั้ง รวมทั้งราคาขาย โดยอยู่ในช่วงที่รับได้หรือไม่ โดยหุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ หุ้นAP , LPN , และ SPALI
|
|
|
|
|