Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กันยายน 2534








 
นิตยสารผู้จัดการ กันยายน 2534
การเปลี่ยนแปลงที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย             
โดย รุ่งอรุณ สุริยามณี
 

   
related stories

"เจ๊เกี๊ยะ" - "เฮียซู้" กับของเถื่อนข้ามแดนไทย-มาเลย์ : ใครใคร่ค้า - ค้า
ขบวนการค้าของเถื่อน : ฝ่าปาดังเบซาร์

   
search resources

Auditor and Taxation
Malaysia




เบตง : ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ตั้งศูนย์การนำของพรรคคอมมิวนิสต์มาลายา (CPM) ปัจจุบันถือได้ว่าเป็นเมืองในหุบเขาที่มีความเจริญทางเศรษฐกิจ คนขับแท็กซี่นายหนึ่งชื่อ กาเดร์ อาหวัง ซึ่งเกิดและโตที่นี่ พูดถึงความแตกต่างของเบตงในทัศนะของเขาว่า เดิมเมืองนี้ค่อนข้างสกปรก แต่เมื่อไม่มีกี่ปีมานี่เองที่เบตงกลายเป็นเมืองสะอาด และสงบสุข อาคารใหม่ผุดขึ้นเกือบทุกหนทุกแห่ง นักท่องเที่ยวก็มากขึ้น ทำให้คนท้องถิ่นมีความตื่นตัวทางธุรกิจกันมากขึ้น

"แม้กระทั่ง จีน เป็ง (อดีตผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์มาลายา) ก็ยังมีข่าวว่าจะทำโรงแรมระดับสี่ดาวที่นี่" กาเดร์พูดพร้อมกับยักไหล่อย่างไม่ค่อยเชื่อข่าวนั้นเท่าใดนัก

จากเบตงใช้เวลาขับรถประมาณ 15 นาทีก็จะข้ามชายแดนไทย-มาเลเซียไปยังโกร๊ะ สัญญาณสันติภาพระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์มาลายา รัฐบาลไทยและรัฐ

บาลมาเลเซียในเดือนธันวาคม 2532 ทำให้โกร๊ะได้รับการปลดปล่อยจากความซบเซาทางธุรกิจ ความรุ่งเรืองสองฝั่งชายแดนนั้นเกิดขึ้นในทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นทางการค้าการท่องเที่ยวหรือการลักลอบขนของหนีภาษี

ด้วยถนนไฮเวย์ที่เชื่อมฝั่งตะวันตกกับตะวันออกของมาเลเซียเมื่อหลายปีก่อน ทำให้การดินทางระหว่างสองฝั่งร่นเวลาไปได้ถึง 5 ชั่วโมง และด้วยเส้นทางนี้เองที่ทำให้มีการพัฒนามากขึ้นในพื้นที่ทางตอนเหนือของคาบสมุทร ชาวมาเลเซียจากปีนัง เคดาห์ และเปรัค ปัจจุบันขับรถมาใช้เวลาในวันหยุดสุดสัปดาห์ผ่านโกร๊ะข้ามมายังเบตง และมีบ้างที่ขับรถป่านเมืองรันตูข้ามแม่น้ำไปยังสุไหงโก-ลก

ไทยนั้นถือได้ว่าเป็นผู้กุมชัยชนะในการที่มีผู้มาเยือนชายแดน เงินมาเลเซียจำวนไม่น้อยที่ถูกใช้ไปในด้านการแสวงหาความสุขตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ในขณะที่ทางด้านมาเลเซียเองพยายามที่จะดึงดูดเงินไทยด้วยการตั้งร้านค้าปลอดภาษีขึ้น ซึ่งพวกเครื่องไฟฟ้าและสินค้าอุปโภคบริโภคต่าง ๆ นั้นเป็นที่นิยมของคนไทยอย่างมาก

ชายแดนไทย-มาเลเซียนั้นเป็นแนวยาวประมาณ 300 กิโลเมตร ซึ่งเมืองชายแดนที่มีกิจกรรมคึกคักอย่างเห็นได้ชัดนั้นก็คือ ปาดังเบซาร์ รัฐปะลิส

ปาดังเบซาร์ ซึ่งร้านส่วนใหญ่นั้นดูจะชำนาญการในเรื่องสินค้าที่ลักลอบข้ามแดน โดยปาดังเบซาร์นั้นถูกแยกออกจากไทยด้วยกำแพงคอนกรีตสองชั้น ด้านหนึ่งนั้นสร้างโดยไทย อีกด้านหนึ่งสร้างโดยมาเลเซีย ระหว่างกำแพงทั้งสองนั้นเองที่เรียกกันว่า

NO MAN'S LAND

ซึ่งบริเวณโน แมน'ส แลนด์ โดยร้านทั้ง 132 ร้านนี้จะถูกย้ายออกไป และกำแพงที่ทางมาเลเซียสร้างขึ้นนั้นจะถูกรื้อทิ้ง

จุดตรวจใหม่ของศุลกากรมาเลเซียนั้น จะเป็นส่วนหนึ่งของโครงการมูลค่าหลายล้านเหรียญมาเลย์เกี่ยวข้องทั้งทางการรถไฟมาลายัน ศุลกากรและกองตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่การรถไฟมาลายันผู้หนึ่งกล่าวว่าโครงการที่ททางการรถไฟมาลายันรับเข้าดำเนินการนั้นมูลค่าประมาณ 19.6 ล้านเหรียญมาเลย์ โดยจะแบ่งออกเป็น 4 ช่วงตอนด้วยกันและจะเสร็จสมบูรณ์ประมาณปลายปีหน้า โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารและการขนส่งสินค้า

พื้นที่ใช้ในการปฏิบัติงานแต่เดิม 6,9000 ตารางเมตรจะเพิ่มขึ้นเป็น 43,200 ตารางเมตร ซึ่งที่สถานีรถไฟปาดังเบซาร์ในขณะนี้นั้นมีเจ้าหน้าที่ทั้งฝ่ายไทยและมาเลเซียร่วมกันทำงาน โดยมีฝ่ายมาเลเซีย 25 คน และฝ่ายไทย 10 คน

"ความสัมพันธ์ของเจ้าหน้าที่ของทั้งสองประเทศนั้นเป็นไปด้วยดี" เจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งกล่าว

อีกส่วนหนึ่งของโครงการในปาดังเบซาร์นั้นเกี่ยวพันถึงการก่อสร้างอาคารสำหรับศุลกากรและกองตรวจคนเข้าเมือง

สำหรับร้านทั้ง 132 ร้านนั้นจะถูกย้ายไปรวมกันอยู่ในศูนย์การค้าใกล้เคียงกันนั่นเอง ซึ่งเท่าที่ได้ยินมานั้นพวกร้านค้าเหล่านี้ไม่กระตือรือร้นที่จะย้ายออกไป ทั้งนี้เนื่องมาจากผลประโยชน์ในเรื่องการค้าของลักลอบข้ามมายังฝั่งไทย

"ถึงจะทำให้บริเวณ โน แมน' ส แลนด์ หายไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้การลักลอบขนของเถื่อนจะหมดไปด้วยการย้ายร้านทั้ง 132 ร้านออกไป" เจ้าของร้านหนึ่งในจำนวนนั้นผู้ไม่ประสงค์ออกนามกล่าว ซึ่งเขาอาจจะถูกก็ได้ แต่การที่ท้ายที่สุดไม่ปรากฏใน แมน' แลนด์ อีกต่อไปนั้น เป็นการถอนตัวปัญหาที่สร้างความตึงเครียดระหว่างสองประเทศออกไป และโครงการของการรถไฟมาลายันนั้นถูกคาดหวังว่าจะเป็นการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจของชายแดนทั้งสองประเทศ

เปงกาลัน กูบูร์ ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำโก-ลก เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่การพัฒนาเข้าไปถึงวัตถุประสงค์ดังกล่าว เฟอร์รี่ใหม่-เสรี ตันจุง-มูลค่า 1.2 ล้านเหรียญมาเลย์ วิ่งระหว่างเปงกาลัน กูบูรณ์กับตากใบตั้งเดือนสิงหาคม ปีกลาย โครงการลงทุนอื่น ๆ ก็ได้แก่ การสร้างท่าเทียบเฟอร์รี่แห่งใหม่ อาคารของกองตรวจคนเข้าเมือง ประภาคาร และเขตปลอดภาษี ซึ่งมีมูลค่ารวมทั้งสิ้นมากกว่า 17 ล้านเหรียญมาเลย์ เขตปลอดภาษีนั้นมีร้านทั้งสิ้น 60 ร้านด้วยกันและเป็นที่นิยมของทั้งคนไทยและคนมาเลเซีย

อีกโครงการหนึ่งซึ่งถูกวางแผนไว้แล้วนั่นก็คือโครงการก่อสร้างเขื่อนกั้นคลื่น 2 เขื่อน ที่บริเวณปากแม่น้ำโก-ลกเขื่อนกั้นคลื่นนี้จะกว้าง 1.2 กิโลเมตรและสูง 5 เมตร ประเมินว่าประมาณ 40 ล้านเหรียญมาเลย์ โครงการนี้วัตถุประสงค์เพื่อป้องกันน้ำท่วม และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเดินเรือและเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร โครงการนี้คาดว่าจะเป็นโครงการร่วมระหว่างไทยและมาเลเซีย แม้จะมีการประกาศในเดือนสิงหาคมปี 2532 ว่าโครงการนี้พับไปก็ตาม เป็นที่น่าเสียใจว่าไม่มีใครสักคนที่ตากใบและเปงกาลัน กูบูร์จะรู้ถึงฐานะของโครงการนี้

ข่าวที่เป็นที่รับรู้กันนั้นกลายเป็นเรื่องการสร้างกำแพงคอนกรีตความยาว 104 กิโลเมตร ขึ้นที่บริเวณชายแดนระห่างกลันตันกับไทย ด้วยเหตุผลที่ว่าเพื่อป้องกัน "การลักลอบค้าของเถื่อน" ตลอดแนวชายแดน กลันตันเป็นเพียงรัฐเดียวที่ไม่มีกำแพงคอนกรีตที่กั้นพรมแดนระหว่างไทยและมาเลเซีย เนื่องจากมีแม่น้ำโก-ลกเป็นแนวพรมแดนธรรมชาติอยู่แล้ว

กำแพงที่เป็นแนวรั้วเพื่อความมั่นคงปัจจุบันนั้นมีอยู่แล้วจากปาดังเบซาร์ถึงจังโหลน ในรัฐเคดาห์ และตลอดแนวรัฐเปรัคกับไทย ทางเจ้าหน้าที่ของรัฐกลันตันกำลังสำรวจหาแนวที่ตั้งรั้วภายในปีนี้ ซึ่งยังไม่อาจทราบได้ว่าค่าก่อสร้างจะสูงเท่าใด ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะมีการสร้างรั้วแบบนี้ขึ้นเหมือนกันแต่ไม่สามารถสร้างได้เพราะขาดงบประมาณ

การตัดสินใจสร้างรั้วคอนกรีตขึ้นนี้เกิดขึ้นหนึ่งเดือนให้หลัง จากการที่เจ้าหน้าที่ 8 นายของหน่วยป่าไม้กลันตันถูกจับในข้อหาข้ามมาตัดไม้ในไทย ซึ่งกรณีดังกล่าวนั้นสร้างความตึงเครียดให้กับประเทศเพื่อนบ้านทั้งสองไม่น้อย

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us