Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน11 กรกฎาคม 2550
คลังทุ่มงบหมื่นล้านชดเชยหนี้ธ.ก.ส.             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

   
search resources

ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร - ธ.ก.ส.
Banking and Finance




คณะกรรมาธิการยกร่างพ.ร.บ.อนุมัติชดเชยความเสียหายให้ธ.ก.ส.งวดแรก 1.08 หมื่นล้านบาท จากโครงการปล่อยกู้ช่วยเหลือเกษตรประสบปัญหาน้ำท่วมและช่วยเหลือเกษตรกรที่เป็นหนี้นอกระบบ จากความเสียหายทั้งหมด 4 หมื่นล้านบาท ขณะที่เอ็มดีธ.ก.ส.ยันตรึงอัตราดอกเบี้ยระดับเดิมจนถึงสิ้นปี และโครงการปล่อยสินเชื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก 5 โครงการเริ่มคืบหน้า

นายธีรพงษ์ ตั้งธีระสุนันท์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการยกร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 2551 ได้เห็นชอบจัดสรรงบประมาณให้ธ.ก.ส.จำนวน 10,800 ล้านบาท เพื่อชดเชยความเสียหายที่เกิดจากการดำเนินโครงการช่วยเหลือเกษตรกร อาทิ โครงการรับจำนำข้าว การชดเชยดอกเบี้ยจากการปล่อยกู้ช่วยเหลือเกษตรที่ประสบปัญหาน้ำท่วม และชดเชยดอกเบี้ยจากการที่ไปปล่อยกู้ช่วยเหลือเกษตรกรที่เป็นหนี้นอกระบบ

โดยวงเงินชดเชยดังกล่าว เป็นส่วนของการชดเชยความเสียหายจากการจำนำพืชผลเกษตร 10,073 ล้านบาท จำนวน 18 โครงการ ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2542-2549 ซึ่งวงเงินส่วนใหญ่จะนำไปใช้แก้ปัญหาการรับจำนำข้าวของเกษตรกรตามนโยบายรัฐในช่วงที่ผ่านมา และเกษตรกรไม่มาไถ่ถอนข้าวที่จำนำไว้ เนื่องจากราคาจำนำสูงกว่าราคาตลาด ทำให้เกิดความเสียหายเป็นภาระกับรัฐบาล ที่เหลือเป็นเงินเพื่อชดเชยจากการช่วยผู้ประสบภัยจากพายุเกย์ 500 ล้านบาท การดูแลสินเชื่อนอกระบบ 148 ล้านบาท การดำเนินการบริหารสินเชื่อ รวมถึงการแก้ปัญหาเก่าของธนาคารกว่า 300 ราย จำนวน 2 ล้านบาท

สำหรับความเสียหายที่เกิดจากดำเนินโครงการ

ตามนโยบายรัฐของธ.ก.ส.มีประมาณ 40,000 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2550 ได้เงินงบประมาณชดเชย 20,000 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2551 อีก 10,800 ล้านบาท และในปีงบประมาณ 2552 อีก 10,000 ล้านบาท ก็จะสามารถล้างความเสียหายได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ความเสียหายจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่นโยบายของรัฐบาลเป็นหลัก โดยเฉพาะในเรื่องของการจำนำพืชผลเกษตร จะต้องเป็นราคาจำนำที่สอดคล้องกับตลาด

อย่างไรก็ตาม ธ.ก.ส.ได้เสนอเสนอรัฐบาลให้กำหนดราคาจำนำข้าวตามความเป็นจริง และสามารถบวกราคาได้เล็กน้อยหากต้องการนำตลาด นอกจากนี้การจำนำข้าวต้องมีการกำหนดการไถ่ถอนจำนำให้ชัดเจน หากไม่มาไถ่ถอนก็ต้องมีแผนการขายข้าวสู่ตลาดโดยไม่ทิ้งให้เสียหายจนไม่ได้ราคา และเกิดความเสียขึ้นจำนวนมากเหมือนในช่วงที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ในงบประมาณปี 2551 ยังมีการจัดสรรเงินเพิ่มทุนให้กับธนาคารอีกจำนวน 1,200 ล้านบาท เนื่องจากทุนที่มีอยู่ปัจจุบัน 40,000 ล้านบาท ใกล้ที่จะเต็มเพดานของปล่อยสินเชื่อคือ 12 เท่าหรือคิดเป็น 480,000 ล้านบาท ทำให้เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง(BIS) ของธนาคารปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 10.83% ซึ่งหากไม่มีการเพิ่มทุนจะทำให้ BIS มาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 10%

ตรึงดอกกู้ถึงสิ้นปี 50

สำหรับการปล่อยสินเชื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของธนาคารทั้งหมด 5 โครงการ ในวงเงิน 26,000 ล้านบาท (1เม.ย.-31ธ.ค.)ตามนโยบายของกระทรวงการคลังนั้น ยังคงเดินหน้าไปได้ตามเป้าหมาย มีเพียงโครงการสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งจะปล่อยให้กับลูกเกษตรกรที่เพิ่งเรียนจบแต่ยังไม่มีงานทำกู้ไปประกอบอาชีพต่างๆ ซึ่งตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีผู้มาติดต่อขอกู้กับธนาคาร จากที่ตั้งเป้าไว้ 5,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ธนาคารจะพิจารณาหาแนวทางแก้ไข โดยในเบื้องต้นคาดว่าจะจัดอบรมการประกอบอาชีพให้ก่อนการตัดสินใจขอกู้กับธนาคาร

ส่วนโครงการสนับสนุนสินเชื่อแก่เกษตรกรเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตการเกษตรนั้น ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อได้แล้ว 6,616 จากที่ทั้งปีตั้งเป้าไว้ 15,000 ล้านบาท โครงการสินเชื่อเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ ปล่อยได้แล้ว 140 ล้านบาท จากที่ตั้งเป้าไว้ที่ 1,500 ล้านบาท

ด้านโครงการสินเชื่อเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ประกอบด้วย โครงการสินเชื่อวิสาหกิจชุมชน ตั้งเป้าไว้ที่ 4,100 ล้านบาท สามารถปล่อยสินเชื่อได้ 946 ล้านบาท และโครงการสินเชื่อพัฒนาศักยภาพหมู่บ้านและชุมชนปล่อยสินเชื่อได้ 130 ล้านบาท จากที่ตั้งเป้าไว้ 400 ล้านบาท โครงการครูเกษตรกรเพื่อพัฒนาศูนย์เรียนรู้ชุมชน เป็นโครงการที่ไม่มีค่าใช้จ่าย เนื่องจากเป็นการอบรมความรู้เรื่องอาชีพระหว่างเพื่อนเกษตรกรด้วยกัน ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะสามารถช่วยสร้างงานและกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากได้

"โครงการพัฒนาการท่องเที่ยว สามารถปล่อยกู้ได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก ส่วนโครงการสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตการเกษตร ก็ไปได้ดี เกษตรกรให้ความสนใจที่จะดูแลหรือพัฒนาสินค้าเกษตรมากขึ้น"นายธีรพงษ์กล่าว

นอกจากนี้ ธนาคารจะคงอัตราดอกเบี้ยในไว้ในระดับนี้จนถึงสิ้นปี 2550 แต่คาดว่าภายหลังจากการเลือกตั้งในช่วงปลายปีแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในตลาดอาจจะปรับขึ้นประมาณ 0.25-0.50%

"ดอกเบี้ยของธนาคารจะยังคงไว้ที่ระดับนี้ไปจนถึงปลายปี จึงจะมีการพิจารณาอีกครั้ง โดยปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) อยู่ที่ 7.5% ซึ่งก็ถือว่าถูกกว่าที่อื่น”ผู้จัดการธ.ก.ส.กล่าว

สำหรับเป้าการปล่อยสินเชื่อใหม่ของธนาคารในปีบัญชี 2550 (1 เม.ย.-31 มี.ค.) ตั้งไว้ที่ 252,600 ล้านบาท รวมกับการปล่อยสินเชื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากวงเงิน 26,000 ล้านบาท รวมเป็น 278,600 ล้านบาท โดยปัจจุบันธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้าง 480,000 ล้านบาท และมียอดเงินฝาก 550,000 ล้านบาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us