Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน11 กรกฎาคม 2550
บิ๊กอารียาฯรับหนี้สินพุ่ง2.5เท่าแจงคอนโดฯยังไม่โอนฉุดกำไรเหลือแค่2%             
 


   
www resources

โฮมเพจ อารียา พร็อพเพอร์ตี้

   
search resources

อารียา พรอพเพอร์ตี้, บมจ.
วิศิษฎ์ เลาหพูนรังษี
Real Estate




“วิศิษฎ์” ยันปั่นหุ้นอารียาเป็นเรื่องของพี่ชายไม่เกี่ยวกับบริษัท ตัวเองไม่รู้เรื่อง ด้านหนี้สินต่อทุนสูงถึง 2-2.5 : 1 ในขณะที่กำไรสุทธิแค่ 1-2% เหตุคอนโดฯยังไม่โอน เชื่อปีหน้าปรับดีขึ้นน่า ปัจจุบันยอดขาย 5,500 ล้านบาท ด้านแบงก์ทหารไทยหมูไม่กลัวนำร้อนปล่อยเงินวงเงินกู้เบิกเกินบัญชี(โอดี) 3,800 ล้านบาท

นายวิศิษฎ์ เลาหพูนรังษี ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน ) เปิดเผยถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)สั่งปรับกลุ่มบุคคล 9 คน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาจำนวน 29.93 ล้านบาท ซึ่งหนึ่งในนั้นมีนายวิวัฒน์ เลาหพูนรังษี พี่ชายแท้ๆของนายวิศิษฎ์และพวกอินไซต์ข้อมูลหุ้นอารียา ระหว่างวันที่ 1-20 กันยายน 2547 ว่า เรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทและตนเอง เพราะเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่สามารถซื้อ-ขายหุ้นในกระดาษได้ และที่ผ่านมาตนก็ไม่ได้พูดคุยกันเลย อีกทั้งยังไม่มีมาตรการอะไรออกมาป้องกันแต่อย่างใด

“ไม่มีใครห้ามให้นักลงทุนมาซื้อหุ้นตัวเองได้ เพียงแต่กรณีนี้นามสกุลเดียวกันเท่านั้น ผมห้ามเค้าไม่ได้ และอีกอย่างตัวผมเองยังไม่รู้เลยว่าหุ้นจะขึ้นเมื่อไหร่”

ล่าสุดบริษัท ได้ลงนามในสัญญากับธนาคารทหารไทยในการให้วงเงินสนับสนุนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม 3 โครงการคือ เอ สเปซ สุขุมวิท 77, เอสเปซ เกษตร-นวมินทร์ และเอสเปซ อโศก-รัชดา วงเงิน 3,800 ล้านบาท ปัจจุบันเบิกมาใช้แล้วเล็กน้อย นอกจากนี้ ธนาคารทหารไทยยังสนับสนุนสินเชือ่ในโครงการแนวราบของบริษัทอีกด้วย โดยปัจจุบันเบิกเงินกู้มาใช้แล้ว 2,500 ล้านบาท (ไม่รวมกับวงเงินกู้รอบใหม่)

ปัจจุบันมีบริษัทยอดขายคอนโดมิเนียมทั้ง 3 โครงการแล้วกว่า 80% หรือประมาณ 5,500 ล้านบาทจากมูลค่ารวม 5,800 ล้านบาท อย่างไรก็ตามนายวิศิษฎ์ กล่าวยอมรับว่า แม้จะสร้างยอดขายได้มาก แต่รายได้จะยังไม่เข้ามา เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นยอดขายของคอนโดมิเนียม โดยจะทยอยรับรู้ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป จากปัจจัยดังกล่าวทำให้กำไรสุทธิของบริษัทค่อนข้างต่ำโดยอยู่ที่ 1-2% เท่านั้น แต่คาดว่าหลังโอนคอนโดมิเนียมได้แล้วกำไรน่าจะสูงกว่าปัจจุบัน หรือประมาณ 10% ในปีหน้าขณะที่ปัจจุบันกำไรเบื้องต้นอยู่ที่ประมาณ 30%

“กำไรเราค่อนข้างต่ำ เพราะรายได้เรายังไม่เข้ามา ซึ่งรายได้ที่เข้ามาในขณะนี้จะมาจากโครงการแนวราบคือบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์เท่านั้น นอกจากนี้ในยอดขาย 5,500 ล้านบาท ยังเป็นส่วนที่รับบริหารงานขาย 1,800 ล้านบาทซึ่งในส่วนนี้จะบริษัทจะได้เป็นค่าบริหารงานขาย”

นายวิศิษฎ์กล่าวต่อว่า ปัจจุบันบริษัทมีหนี้สินต่อทุน(D/E)อยู่ที่ 2 ต่อ 1 โดยหนี้สินอยู่ที่ 2,400 ล้านบาท ไม่รวมวงเงินที่จะกู้ทหารไทยที่ลงนามไปในครั้งนี้ อย่างไรก็ตามภายหลังจากใช้เงินกู้จากธนาคารทหารไทยในครั้งนี้แล้วจะทำให้หนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 2.5 ต่อ 1 ขณะที่มีทรัพย์สินรวม 4,200 ล้านบาท ทุนจดทะเบียน 758 ล้านบาท พาร์ 1 บาท ขณะที่บริษัทมีสภาพคล่องต่อเดือนประมาณ 100-150 ล้านบาท และคาดว่าจะสูงขึ้นเป็น 200-300 ล้านบาทต่อเดือนภายในปีหน้า

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์นั้นถือว่าอารียามีหนี้สินต่อทุนสูงที่สุด ขณะที่กำไรค่อนข้างต่ำ โดยในปีที่ผ่านมากำไรเพียง 9-10 ล้านบาทเท่านั้น ขณะที่บริษัทมีภาระต้องลงทุนค่อนข้างสูงจากการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมที่จะต้องใช้เวลาการก่อสร้างนานกว่า 1 ปี รายได้จึงจะเข้ามา ขณะเดียวกันแม้ว่าโครงการจะขายได้ค่อนข้างมาก แต่ยอดขายบางส่วนเป็นการใช้สิทธิของพนักงานซื้อในราคาส่วนลดมากกว่าปกติ ขณะเดียวกันผู้ซื้อบางรายมีการซื้อจำนวนมาก อย่างกรณีของไก่ มีสุข แจ้งมีสุข พิธีกรและผู้ประกาศข่าวชื่อดังทางช่อง 3 ระบุว่า ตนเองซื้อไว้ถึง 5 ยูนิต เพื่อเก็บไว้ขายต่อเมื่อโครงการแล้วเสร็จ

นายวิศิษฎ์ กล่าวชี้แจงว่าการที่หนี้สินต่อทุนค่อนข้างสูง เพราะบริษัทถือที่ดินไว้ในมือจำนวนมาก โดยรวมแล้วมีประมาณกว่า 300 ไร่ ส่งผลให้ต้องจ่ายค่าดอกเบี้ยจากที่ดินประมาณ 20 ล้านบาทต่อเดือนหรือประมาณ 240 ล้านบาทต่อปี แม้ว่าบริษัทจะจ่ายดอกเบี้ยค่าที่ดิน แต่เมื่อเทียบกับการขายที่ดินแล้วไปซื้อใหม่ราคาจะสูงกว่าค่าดอกเบี้ยที่บริษัทจ่ายไปในแต่ละเดือนค่อนข้างมาก บริษัทจึงยอมที่จะแบกภาระด้านดอกเบี้ยแทน ขณะที่บริษัทอื่นที่มีหนี้สินต่อทุนต่ำนั้น เนื่องจากได้มีการตัดขายที่ดินไปเพื่อลดต้นทุน

“ปัจจุบันบริษัทจ่ายดอกเบี้ยอัตราเอ็มแอลอาร์ – 0.5 -1% ต่อปี และหากหนี้สูงขึ้นมากก็จะต้องออกบอนด์ และแปลงใบสำคัญแสดงสิทธิ หรือ วอแรนต์ ซึ่งผู้ถือหุ้นได้อนุมัติแล้วจำนวน 191.6 ล้านหุ้น ขณะนี้อยู่ระหว่างขออนุญาตจากก.ล.ต.อยู่ และจะมีการกู้เงินจากเอบีเอ็นแอมโร ฮ่องกง จำนวน 20 ล้านเหรียญสหรัฐอัตราดอกเบี้ย 7% แต่บริษัทจะให้สิทธิเอ็กซ์เซอร์ไซด์หุ้นในราคา 3.5 บาทต่หุ้นจำนวน 40 ล้านหุ้น ส่วนที่เหลือเป็นส่วนของผู้ถือหุ้น“

สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทเตรียมพัฒนาโครงการทาวน์เฮาส์ออกมาอีก 3 โครงการ โดยในไตรมาส 3 นี้จะพัฒนา 2 ทำเล คือทำเลแยกถนนศรีสมาน จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นที่ดินติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นที่ประมาณ 100 ไร่ จากเดิมมีแผนที่จะพัฒนาเป็นบ้านหรูราคาหลังละ 50-100 ล้านบาท จำนวน 60 หลัง โดยจะปรับเปลี่ยนก่อสร้างทาวน์เฮาส์ในส่วนด้านหน้าที่ติดถนนบนพื้นที่ 39 ไร่ เป็นทาวน์เฮาส์ขนาดหน้ากว้าง 16 ตารางวา พร้อมเฟอร์นิเจอร์ ภายใต้แบรนด์ "เดอะคัลเลอร์" ราคายูนิตละ 1.6 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวม 2,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ได้เปิดทำการขายในเฟสแรกมูลค่า 850 ล้านบาท จับกลุ่มเป้าหมายผู้ที่ทำงานในศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ โครงการที่ 2 จะเปิดปลายไตรมาส 2 และโครงการที่ 3 เปิดประมาณต้นไตรมาส 4 ส่วนทำเลนั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us