|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ปรีชาแจงกรณีทุ่ม48 ล้านซื้อบริษัทรวยล้านล้าน แถมหนี้อีก 62 ล้านบาท หวังฮุบที่ดินขนาด 1 ไร่ย่านสี่อ.ส.ม.ท. มูลค่า 111 ล้านบาท เล็งผุดซิตี้คอนโดฯ แห่งที่ 2 กว่า 200 ยูนิต คาดเปิดขายในไตรมาส 3 นี้
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาบริษัท ปรีชา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้ชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติ ซื้อหุ้น 100% ของบริษัท รวยล้านล้าน จำกัด จากบริษัท แม่รำพึง การ์เด้นท์บีชและบริษัท เงินมหาศาล จำกัด ในราคาสูงถึงหุ้นละ 242 บาท/หุ้นรวมเป็นเงิน 48 ล้านบาท ในขณะที่มูลค่าตามบัญชีเพียง 5.79 บาท/หุ้น นอกจากนี้บริษัทดังกล่าวยังมีหนี้สินจำนวน 62 ล้านบาท
นายยุทธ วรฉัตรธาร ประธานกรรมการ บริษัท ปรีชา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า การซื้อบริษัทรวยล้านล้าน จำกัด เนื่องจากคาดหวังจะได้รับผลประโยชน์ในอนาคตในทรัพย์สินที่รวยล้านล้านมีอยู่ คือที่ดินขนาด 1-2-18.8 ไร่ บนถนนพระราม 9 ติดถนนใหญ่ด้านข้างอาคารชำนาญเพ็ญชาต ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะนำมาพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมเพื่อขาย โดยที่ดินแปลงดังกล่าวบริษัท พสุพัฒน์ แอพเพรซัล จำกัด ได้ทำการประเมินมูลค่าที่ดินเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2550 มูลค่าตลาดที่ประเมิน 111.38 ล้านบาท
“ที่ดินแปลงนี้เราซื้อในราคา 48 ล้านบ้าน ส่วนอีก 62 ล้านบาทเป็นหนี้สิน ซึ่งข้อดีคือเราไม่จำเป็นต้องไปทำเรื่องกู้เงินซื้อที่ดินใหม่ เราซื้อบริษัทมาเลย”
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะพัฒนาที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นคอนโดมิเนียม สูงประมาณ 20 ชั้น จำนวน 200 กว่ายูนิต ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบ โดยคาดว่าจะสามารถเปิดโครงการได้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าหรือภายในไตรมาส 3 นี้ ส่วนราคาขายจะแพงกว่าโครงการพีจี พระราม 9 เล็กน้อย เนื่องจากมีต้นทุนที่ดินสูงกว่า
โครงการพีจี พระราม 9 ถือเป็นเป็นคอนโดมิเนียมโครงการแรกของบริษัท มีจำนวน 520 ยูนิต ขนาด 29-39 ตร.ม.ราคาเริ่มต้นยูนิตละ 1.26 ล้านบาท ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก ปิดการขายได้ภายใน 5 ชั่วโมง อีกทั้งยังมีลูกกค้าลงชื่อแสดงความสนใจไว้อีก 300-400 ราย ขณะนี้อยู่ระหว่างตอกเสาเข็มคาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างไม่เกิน 2 ปี
นายยุทธ กล่าวต่อว่า จากการสำรวจความต้องการของลูกค้านับจากโครงการแรก พบว่า ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนทำงานเงินเดือน หรือนักศึกษา มีบ้านที่ต่างจังหวัดต้องการอยู่อาศัยเฉพาะในช่วงทำงานเปลี่ยนจากการเช่าอพาร์ตเมนต์มาเป็นซื้อคอนโดมิเนียมติดแนวรถไฟฟ้า ทำให้ต้องการห้องชุดขนาดไม่ใหญ่มากนัก คือ ห้องขนาดสตูดิโอ และ 1 ห้องนอน ส่วน 2 ห้องนอนจะขายได้ช้ากว่า ซึ่งข้อมูลดังกล่าวบริษัทจึงพัฒนาคอนโดมิเนียมขนาด 29-39 ตร.ม.ขึ้นมา
ส่วนแผนการลงทุน นอกจากโครงการที่ซื้อที่ดินมาใหม่นี้แล้ว บริษัทยังไม่มีแผนลงทุนเพิ่มแต่อย่างใด แต่หากมีที่ดินแปลงศักยภาพเข้ามาก็อาจจะลงทุนเพิ่มก็เป็นได้ ซึ่งนอกจากคอนโดมิเนียมแล้วบริษัทยังมีโครงการแนวราบที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและเปิดขายอีก 3 โครงการ ได้แก่ โครงการในมือที่เปิดขายอยู่กว่า 5 โครงการ มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการปรีชา ร่มเกล้า เฟส 1 และเฟสต่อเนื่องเนื้อที่ 25 ไร่ เป็นบ้านเดี่ยว จำนวน 167 ยูนิต ราคาขาย 3.5 ล้านบาท มูลค่ารวมกว่า 500 ล้านบาท
โครงการใกล้กับถนนมิสทีน 2 โครงการ 120 ยูนิต เป็นบ้านเดี่ยว 175 ยูนิต ราคาขาย 3.6 ล้านบาท และทาวน์โฮม เนื้อที่ 50 ตารางวา จำนวน 20 ยูนิต ราคาขาย 8 ล้านบาทต่อยูนิต มูลค่าโครงการรวม 200 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดขายได้ในเร็วๆ นี้ และโครงการปรีชา สุวิทนวงศ์ เนื้อที่ 20 ไร่ จำนวน 120 ยูนิต
|
|
|
|
|