|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
แฟมิลี่มาร์ท รับจุดอ่อนสาขาน้อย การบริหารงานไม่แข็งพอ เดินแผนพลิกเกมส์ปรับยุทธ์ศาสตร์รบ ควักเม็ดเงินกว่า 400 ล้าน ยกเครื่องปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ พร้อมรับสภาพโละ 100 สาขาที่ทำยอดไม่เข้าเป้า เพ้อ 5 ปี กินแชร์ตลาดคอนวีเนียนสโตร์เพิ่ม 20%
นายทาเกชิ ทากาสุงิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สยามแฟมิลี่มาร์ท จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ตั้งเป้าหมายในการทำตลาดว่าภายในระยะเวลา 5 ปี จะต้องมีมาร์เก็ตแชร์ 20% จากปัจจุบันมีส่วนแบ่งอยู่ประมาณ 10%ในตลาด คอนวีเนียนสโตร์ (ร้านสะดวกซื้อขนาดเล็ก) คิดจากจำนวนสาขา โดยแผนงานเบื้องต้นได้เตรียมงบประมาณไว้ 400 ล้านบาท สำหรับการทำตลาด การพัฒนาระบบภายในองค์กร การเปิดสาขาใหม่อีก 60 สาขา ซึ่งครึ่งปีแรกดำเนินการไปแล้ว 30 สาขา และปรับปรุงสาขาเดิม 60 สาขา โดยขณะนี้ได้ทำไปแล้ว 25 สาขา นอกจากนั้น เตรียมปิดร้านค้าอีก 100 สาขาที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ที่มียอดขายไม่เป็นตามเป้าหมาย คาดส่งผลให้บริษัทมีสาขารวมในสิ้นปีนี้ 500 สาขา จากเดิม 550 สาขา
ทั้งนี้บริษัทฯจะมุ่งเน้นการจัดทำสายงานแผนกหลักที่มีอยู่ 2 อย่าง ประกอบด้วย 1. ด้านบุคคลากรสายปฏิบัติการ และ 2.สายการพัฒนาธุรกิจ ทั้งนี้จากการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ คือต้องการปูรากฐานของบริษัท ให้แข็งแกร่ง รวมถึงการบริการสินค้าเพื่อช่วยกระตุ้นยอดขายให้สูงขึ้น
พร้อมกันนี้บริษัทฯยังมุ่งมั่นเดินหน้าหาพันธมิตรชาวไทย เพื่อเข้ามาช่วยในการเสริมธุรกิจให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น อย่างไรก็ตามบริษัทฯได้เล็งเห็นว่าพันธมิตรคนไทยที่มีประสบการณ์เข้ามาร่วมทำตลาดเพิ่มเนื่องจากปัจจุบันต้องยอมรับว่าบริษัท ยังมีจุดอ่อนจากจำนวนสาขาที่มีน้อยอยู่ การร่วมกับคนไทยน่าจะเป็นการทำตลาดที่ง่าย จากปัจจุบันส่วนใหญ่โครงสร้างบริหารจะเป็นคนจากประเทศญี่ปุ่น
ที่ผ่านมาปัญหาเรื่องการทำตลาดแง่ของสินค้าที่มีอยู่ภายในร้าน จุดอ่อนที่เห็นคือการมีสินค้าประเภทโดยเฉพาะในกลุ่มอาหารพร้อมทาน และเครื่องดื่มที่ในปัจจุบันมีเพียง 45% เท่านั้น โดยต่อนี้ไปบริษัทฯกำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับซับพรายเออร์ในการนำสินค้า เอ็กครูซีฟ โดยเฉพาะเข้ามาทำตลาดเพิ่มในกลุ่มนี้ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตจะบริษัทฯจะเพิ่มสัดส่วนตรงนี้เป็น 70 %
ทั้งนี้จากการปรับเปลี่ยนการทำตลาด เนื่องจากต้องการสอดคล้องกับความต้องการตลาดซึ่งส่วนใหญ่ที่ผู้บริโภคเลือกใช้บริการร้านสะดวกซื้อ เพราะต้องการซื้อสินค้าและเครื่องดื่ม รวมถึงขนมขบเคี้ยวเป็นหลัก ล่าสุด ได้ร่วมมือกับบริษัท ซาน มิเกล มาร์เก็ตติ้ง (ประเทศไทย) นำน้ำผลไม้แบร์รี่ ซันเบลสท์ รสมิกซ์เบอร์รี่ จำหน่ายเฉพาะที่แฟมิลี่มาร์ทในเวลา 6 เดือน เพื่อฉลองครบรอบ 15 ปีของบริษัท อีกทั้งสนองความต้องการหลังพบว่าในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายน้ำผลไม้ 40% เติบโตสูงสุดถึง 51% จึงเป็นโอกาสสำคัญในการทำตลาด
ขณะเดียวกันบริษัทฯยังได้ร่วมมือกับเจ มาร์ท เพย์พอยท์ เปิดจุดรับชำระค่าบริการ และสาธารณูปโภคต่างๆ ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มทดลองให้บริการแล้ว จากเดิมที่ใช้จุดชำระบริการของยูดี เพย์ พอยท์ แต่ได้ปิดตัวลง สำหรับการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการทำตลาด พร้อมกับแผนเพิ่มสัดส่วนสินค้า กลุ่มฟู๊ดเพิ่ม เชื่อว่าจะสอดคล้องกับความต้องการของตลาดได้มากที่สุดในขณะนี้ ซึ่งเมื่อดูจากความต้องการของตลาดแล้วคาดว่ายอดขายของบริษัทฯจะต้องเพิ่มมากขึ้นได้อย่างแน่นอน
สำหรับผลประกอบการปี 2550 บริษัทฯคาดว่าจะมีการเติบโตที่ทรงตัวเท่ากับปีที่ผ่านมาซึ่งยอดของปี 2549 บริษัทฯจบยอดที่ 6,200 ล้านบาท เนื่องจากการปรับปรุงและการปิดสาขาลงไป อย่างไรก็ตามบริษัทฯยังเชื่อมั่นว่าภายหลังจากที่การเพิ่มหรือการรีโนเวตสาขาลงตัวมากขึ้น คาดว่าการทำตลาดจะง่ายขึ้น
|
|
|
|
|