อิเซตัน หวั่นพิษบาทแข็ง โหมกระทบลูกค้าต่างชาติหดตัวอีกระลอก หลังพบยอดปี2549 หดตัวกว่า10%ผุดแคมเปญกระตุ้นยอดครึ่งปีหลัง หวังช่วยผลักดันยอดทั้งปีโตสวนได้อีก 2-3%

นายชินยะ อูเอโนะ ประธาน บริษัท อิเซตัน(ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯมีความวิตกเรื่องภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเสถียรภาพของค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ลูกค้าต่างชาติ เข้ามาซื้อสินค้าภายในห้างลดลง เพราะจะทำให้ลูกค้าซื้อสินค้าได้น้อยลง โดยปัจจุบันเขามีลูกค้าชาวไทย 60% และชาวต่างชาติ 40%

แผนการดำเนินงานภายใน 3 ปี จากนี้ไปบริษัท ทุ่มงบลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อใช้ในการปรับปรุงพื้นที่ภายในห้างให้มีความทันสมัยมากขึ้น โดยปัจจุบันได้มีการปรับปรุงพื้นที่ชั้น 1 และชั้น 5 เรียบร้อยแล้ว ขณะที่ปลายปี 2550 ก็เตรียมปรับปรุงพื้นที่ชั้น 2 และในปี 2551 ก็จะปรับปรุงพื้นที่ชั้น 3 และชั้น 4

หลังจาการปรับพื้นที่แล้ว บริษัท ก็จะมีการนำสินค้านวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อเข้ามาจำหน่ายในห้างมากขึ้น โดยจะเน้นสินค้าไม่เคยมีจำหน่ายในประเทศไทย เช่น เครื่องสำอางค์แบรนด์ “Suqqu”

นายอูเอโนะ กล่าวด้วยว่า ปี 2549 บริษัท มีรายได้ประมาณ 1,300 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราการเติบโตลดลงประมาณ 10% จากปี 2548 โดยมีปัจจัย จากปัญหาการเมืองและการปรับปรุงศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ส่งผลให้ไม่สามารถเปิดให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม ในปี 2550 บริษัท ตั้งเป้ารายได้เติบโตจากปี 2549 ประมาณ 2-3% เบื้องต้นคาดว่าจะรักษาระดับรายได้ใกล้เคียงกับปี 2549 ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ในช่วง 10-15 ปี ข้างหน้า บริษัท มีแผนที่จะขยายสาขาเพิ่มอีกประมาณ 1 แห่ง ในพื้นที่รอบกรุงเทพฯ โดยจะเป็นรูปแบบสแตนอะโลน และมีพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 23,000 ตารางเมตร

ด้านนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการ บริษัท อิเซตัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ช่วงต้นปีลูกค้าชาวญี่ปุ่นเข้ามาใช้บริการภายในห้างลดลงไปประมาณ 10% จากปัญหาความไม่สงบและสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ซึ่งเดิมที่เข้าใช้บริการประมาณ 30% ดังนั้นในช่วงครึ่งปีหลัง จึงเตรียมจัดแคมเปญกระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภคมากขึ้น โดยนำร่องด้วยการจัดโครงการ “My Elephant” เพื่อช่วยเหลือและอนุรักษ์ช้างไทย ด้วยการจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อมอบรายได้ให้แก่มูลนิธิพระคชบาล ซึ่งถือเป็นการฉลองครบรอบ 15 ปี ของการดำเนินธุรกิจในไทยด้วย

“ในช่วงครึ่งปีหลัง สถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมือง น่าจะปรับตัวและมีความชัดเจนขึ้น เนื่องจากมองว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นภายในปลายปีนี้อย่างแน่นอน”