"คุณหญิงจารุวรรณ"เสนออายัดหุ้น "บรรณพจน์" มูลค่ากว่า 2.6 พันล้านบาท หลังพบแอบเอาเงินขายหุ้นชินคอร์ปไปซื้อหุ้น "กสิกรไทย-เอสซีเอสเสทฯ-ธนชาต" ขณะที่ "วิโรจน์" เตรียมเสนอที่ประชุมใหญ่ฟัน "ทักษิณ" ผลประโยชน์ทับซ้อนปล่อยกู้พม่า 9 ก.ค.นี้ ด้านอนุฯหุ้นชินฯ ยอม "โอ๊ค-เอม" เลื่อนให้ถ้อยคำ เชื่อเล่นเกมแตะถ่วง แต่จะเป็นผลดีกับ คตส.ในการนำไปสู้คดีในศาลหลังโอกาสแล้วแต่ไม่มาให้ถ้อยคำเอง "สัก" สอนเชิงทนายทักษิณ ยันไม่มีช่องทางกฎหมายให้ "แม้ว-อ้อ" ขอถอนอายัดทรัพย์ใน 7 วัน ด้านอัยการถก คตส. พบแล้วที่อยู่ "ทักษิณ-พจมาน" ในอังกฤษและจีน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ซึ่งเป็นสถานที่ ทำงานของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.) วานนี้ (4 ก.ค.) คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ประธานอนุกรรมการตรวจสอบติดตามทรัพย์สินของบุคคลที่ คตส.มีคำสั่งอายัดทรัพย์ ได้เสนอเรื่องให้ นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคตส.ลงนามในคำสั่งที่ คตส.024/2550 เพื่อให้อายัดเงินเป็นรอบที่ 5 ในบัญชีเงินฝาก ในธนาคารและสถาบันการเงินที่ครอบครัว บุตร บริวาร ของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขายหุ้นบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้กับกองทุนเทมาเส็ก เนื่องจากพบว่าก่อนวันที่ 4 มิ.ย.2550 มีการโอนเงินที่นาย บรรณพจน์ ดามาพงศ์ ได้รับจากการขายหุ้นบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำนวน 2,682.89 ล้านบาทไปลงทุนในหุ้นต่างๆ หลายรายการ
ดังนั้นคตส.จึงอาศัยอำนาจตามประกาศ คปค.ฉบับที่30 ข้อ 5และ 8 ออกคำสั่งอายัดเพิ่มเติม คือหุ้นของนายบรรณพจน์ จำนวน3 รายการ ประกอบด้วย 1.หุ้นธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 28,900,000หุ้น 2.หุ้นบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) จำนวน 15,900,000 หุ้น และ3.หุ้นบริษัททุนธนชาต จำกัด (มหาชน) จำนวน 57,000,000 หุ้น ซึ่งขณะนี้ใบหุ้นรายการที่1-3 อยู่บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยการอายัดทรัพย์ให้อายัดไว้จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
มีรายงานว่า สาเหตุที่คุณหญิงจารุวรรณ เสนอให้มีการอายัดทรัพย์ครั้งที่ 5 เป็นการด่วนเนื่องจาก อนุกรรมการเกรงว่า อาจจะมีการโยกย้ายหุ้นแปรเปลี่ยน เป็นเงินสด ทำให้ยากต่อการตรวจสอบ เพราะหากนายบรรณพจน์ นำหุ้นไปขาย ทางศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ก็ไม่สามารถยับยั้งได้ เพราะเป็นสิทธิที่นายบรรณพจน์จะทำได้ ทำให้คุณหญิงจารุวรรณ ถึงกับเดินอธิบายเหตุผลและความจำเป็นที่ต้องมีมติ อายัดทรัพย์เป็นการเร่งด่วน โดยที่ไม่มีการประชุมคตส.นัดพิเศษ ซึ่งเมื่อกรรมการ คตส. ส่วนใหญ่ได้รับทราบเหตุผลจากคุณหญิงจารุวรรณเอง ก็เห็นด้วย และร่วมลงชื่อ ทำให้มีคำสั่งดังกล่าวเกิดขึ้น
แหล่งข่าวระดับสูงจากคตส.เปิดเผยว่า จากการอายัดครั้งนี้ทำให้ยังเหลือเงินบัญชีในธนาคารของ นายบรรณพจน์ ที่คตส.จะต้องตามอายัดเพิ่มเติมอีกจำนวนประมาณ 2 พันกว่าล้านบาท จากยอดรวมที่ต้องถูกอายัด 1.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งพบว่า เงินในบัญชีที่ยังไม่ได้อายัดมีการปิดบัญชีไปแล้ว 2 บัญชี เป็นบัญชีของ ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารกสิกรไทย เป็นเงินรวม 1,200 ล้านบาท โดยปิดบัญชีไปเมื่อกลางปี 2549 แต่อนุกรรมการได้ติดตามจนพบการเคลื่อนไหว ของเงินจำนวน 1,570 ล้านบาท โดยมีการนำเงินไปเพิ่มหุ้นในบริษัทอื่น ซึ่งอยู่ระหว่างการรอเอกสารบางอย่างมายืนยัน ทั้งนี้คาดว่าในการประชุมคตส.วันจันทร์ที่ 9ก.ค. จะสามารถเสนอให้ที่ประชุมมีมติอายัดเงินส่วนนี้เพิ่มเติมได้
แหล่งข่าวระบุด้วยว่าการที่นายบรรณพจน์ ซื้อหุ้นผ่านบริษัทเงินทุนธนชาต พบว่าผู้บริหารบริษัทดังกล่าวคนหนึ่งเป็นผู้ดูแลจัดการหุ้นให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ มาโดยตลอด ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้คตส.มีการอายัดบัญชีของบริษัทประไหมสุหรี และเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ถือหุ้นในยูเคสปอร์ต อินเวสเมนท์ ที่จะเข้าซื้อหุ้น แมนเชสเตอร ์ซิตี้ จากการตรวจสอบพบว่าบัญชีบริษัทดังกล่าวอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งพบว่า อดีตบริษัทนี้เคยเป็นของนายพิเชษ สถิรชวาล อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย แต่ในช่วงที่ถูก เว้นวรรคการเมือง 5 ปีได้มีการผ่องถ่ายบริษัทให้กับน้องสาวของ พ.ต.ท. ทักษิณ คนหนึ่ง ซึ่งล่าสุดผู้ที่มีอำนาจในการกำกับดูแลคือนายชานนท์ สุวสิน อดีตรองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย
เสนอฟัน"แม้ว"ปล่อยกู้พม่า9ก.ค.นี้
ด้านนายวิโรจน์ เลาหะพันธ์ กรรมการ คตส. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการ ตรวจสอบการปล่อยกู้ให้กับประเทศพม่าของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ เอ็กซิมแบงค์ กล่าวถึงความคืบหน้าคดีดังกล่าวว่า ที่ประชุมได้สรุปผลการตรวจสอบเรียบร้อยแล้วโดยจะสามารถนำเสนอต่อที่ประชุม คตส.ชุดใหญ่ได้ในวันจันทร์ที่ 9 ก.ค. นี้ เพื่อมีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนต่อไป ส่วนรายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้ต้องรอมติของที่ประชุมใหญ่อย่างเป็นทางการ
ทั้งนี้มีรายงานว่า สำนวนเอ็กซิมแบงค์ อนุกรรมการเสนอให้ที่ประชุม คตส.ชุดใหญ่ ชี้มูล พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว เนื่องจาก เป็นผู้มีการเสนอเพิ่มวงเงินกู้จาก 3 พันล้านบาท เป็น 4 พันล้านบาท โดยเงิน 1 พันล้านบาทที่เพิ่มขึ้นมีการนำไปใช้ในกิจการโทรคมนาคมของพม่า ซึ่งบริษัทชินแซทเทิลไลท์ จำกัด ในเครือบริษัทชินคอร์ปได้รับสัมทาน
ยอม"โอ๊ค-เอม"เลื่อนให้ถ้อยคำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงเช้าวันเดียวกัน มีการประชุมคณะอนุกรรมการ ตรวจสอบการซื้อขายหุ้น ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อพิจารณาเหตุผล การขอเลื่อนการให้ถ้อยคำ ในการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปอเรชั่น ของนายพานทองแท้ และน.ส. พิณทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาว พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
หลังการประชุมนายสัก กอแสงเรือง กรรมการตรวจสอบการซื้อขายหุ้นบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) แถลงการพิจารณาหนังสือขอเลื่อนการให้ถ้อยคำ ของนายพานทองแท้ และ น.ส. พิณทองทา ว่า อนุกรรมการตรวจสอบได้อนุญาตให้ น.ส.พิณทองทา เลื่อนการเข้าให้ถ้อยคำ เป็นวันที่ 24 ส.ค.เวลา10.00 น. ตามคำร้องขอ โดยได้พิจารณาจากหลักฐานที่ทีมทนายได้จัดส่งเอกสารเกี่ยวกับการศึกษาและการสอบของมหาวิทยาลัย City cass business school city of London ซึ่งจะจบหลักสูตรในวันที่ 31 ก.ค.2550 และมีการกำหนดนัดสอบอีกครั้ง กลางเดือน ส.ค.
ส่วนนายพานทองแท้ อนุกรรมการอนุญาตให้เลื่อนเป็นวันที่ 18 ก.ค.นี้ เวลา 09.30 น. ตามที่ร้องขอ ซึ่งมีใบรับรองแพทย์จริง ที่เป็นความรับผิดชอบของผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์ในการออกใบรับรอง ดังนั้นเมื่ออนุญาตให้เลื่อนตามขอแล้ว คงไม่มีเหตุผลอื่นอีกที่จะมาขอเลื่อน
คตส.ยันไม่มีช่องกม.ให้ถอนอายัดทรัพย์
นายสัก ยังกล่าวในฐานะโฆษก คตส.ถึงกรณีที่ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ เตรียมยื่นหนังสือให้ คตส.เพิกถอนการอายัดทรัพย์ของคนในครอบครัวชินวัตร และดามาพงษ์ ภายใน 3 วัน พร้อมเรียกค่าชดใช้ในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของเงินที่ถูกอายัพตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย.ว่า คตส.ไม่รู้ว่าเป็นความประสงค์ของผู้เกี่ยวข้องแท้จริ หรือไม่ เพราะไม่มีหลักฐานยืนยันและทนายมีการแถลงเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้งจึงยึดถือเป็นสรณะไม่ได้
นายสัก กล่าวว่า การอายัดทรัพย์เมื่อมีคำสั่งอายัดทรัพย์ผู้ถูกสั่งอายัดสามารถ ขอถอนอายัดได้ โดยยื่นคำร้องมาเพื่อพิสูจน์ทรัพย์ว่าเจ้าของเงินดังกล่าวได้ทรัพย์มาถูกต้อง สุจริต ไม่ใช่ได้มาด้วยความผิด หรือได้มาโดยไม่สมควร ดังนั้นการยื่นโนติสที่ระบุว่าให้ คตส.ถอนอายัดทรัพย์ภายใน 3 วัน ไม่ใช่ช่องทาง ที่กำหนดไว้ในกฎหมายและไม่ใช่ช่องทางที่ คตส.ทำได้ และการขู่ให้คตส. ปฏิบัติตามโดยมิชอบก็ไม่สามารถทำได้เช่นกันเพราะการถอนอายัดโดยไม่ชอบก็ถือว่า มีความผิดและต้องรับผิดด้วย ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้สร้างความวิตกแต่อย่างใด
ส่วนการขอพิสูจน์ทรัพย์ขณะนี้มีแค่ น.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ บุตรสาวของนาง เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณที่ยื่นหนังสือเพื่อขอพิสูจน์ทรัพย์ ซึ่งในส่วนนี้ มีนายอำนวย ธันธรา กรรมการ คตส.เป็นผู้ดูแลพิจารณาพิสูจน์ว่าได้มาอย่างไร เพราะช่องทางที่จะถอนอายัดมีอยู่ แต่ไม่ใช่จะให้ คตส.ถอนอายัดภายใน 3 วัน คงเป็นไปไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าในทางกฎหมายถือว่าเป็นการข่มขู่เจ้าพนักงานของรัฐสามารถ ฟ้องเอาผิดได้หรือไม่ นายสัก กล่าวว่า ในส่วนการฟ้องเอาผิดนั้นยังไม่มีการพิจารณา ต้องหารือในที่ประชุมก่อน
คตส.เชื่อ"อ้อ-โอ๊ค-เอม"ถ่วงเวลา
มีรายงานข่าวจาก คตส.ว่า ในการประชุมคณะอนุกรรมการตรวจสอบ การซื้อขายหุ้นชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่มีนายวิโรจน์ เลาหะพันธ์ เป็นประธาน เพื่อพิจารณาการขอเลื่อนเข้าให้ถ้อยคำของ นายพานทองแท้ น.ส.พิณทองทา และ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ได้มีการประเมินในที่ประชุมว่า ทั้งหมดมีเจตนาที่จะถ่วงเวลา โดยพิจารณาจากการเข้าให้ถ้อยคำของนางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน และนางบุษบา ดามาพงษ์ ภรรยาของนาย บรรณพจน์ ดามาพงศ์ที่ผ่านมา ทุกคนล้วนแต่ปฏิเสธที่จะให้ถ้อยคำกับคณะอนุกรรมการ
ดังนั้นอนุกรรมการเชื่อว่า ไม่ว่าจะเป็นนายพานทองแท้ น.ส.พิณทองทา หรือ คุณหญิงพจมาน จะไม่มาตามนัด แต่จะมาหรือไม่ก็ไม่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานของ คตส. เพราะเชื่อว่าทั้ง 3 คนจะใช้วิธีการเดียวกับนางกาญจนาภาและนางบุษบาคือ ขอไม่ให้ถ้อยคำใดๆ แต่สาเหตุที่อนุกรรมการให้เลื่อนนั้นเพื่อเป็นประโยชน์ในการ ต่อสู้ในชั้นศาลว่า อนุกรรมการได้ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายและให้โอกาส ผู้ถูกกล่าวหาได้ให้ข้อมูลที่ประโยชน์ต่อการทำงาน เมื่อผู้ถูกกล่าวหาให้ความร่วมมือ จึงต้องไปต่อสู้กันในชั้นศาลเท่านั้น
รายงานข่าวแจ้งว่าความจริง คณะอนุกรรมการฯก็มีการเตรียมสรุปผลการ สอบสวนเอาไว้แล้ว ไม่หวังกับข้อมูลของบุคคลทั้ง 3 เพราะไม่คิดว่าจะได้ประโยชน์อะไรจากการให้ถ้อยคำ นอกจากนี้ในส่วนของคณะอนุกรรมการฯ ก็ได้สอบถ้อยคำ ทุกคนครบถ้วนแล้ว ที่เหลือก็คือในส่วนของคุณหญิงพจมาน น.ส.พิณทองทา และนาย พานทองแท้ เท่านั้น ซึ่งเชื่อว่า ทั้ง 3 คงไม่ให้ถ้อยคำเช่นเดียวกัน และคาดว่าจะไม่เชิญใครมาให้ถ้อยคำเพิ่มแล้ว
รายงานข่าวแจ้งว่า สาเหตุที่ต้องเชิญบุคคลทั้ง 3 มาให้ถ้อยคำ ทั้งที่ไม่มีประโยชน์ต่อการพิจารณานั้น ก็เพราะว่า ได้มีการออกหนังสือนัดหมายไปก่อนหน้านี้แล้ว จึงต้องดำเนินการตามที่มีหนังสือไป ทั้งนี้ในการประชุม คตส.วันที่ 9 ก.ค.นี้ อนุกรรมการฯจะนำเรื่องที่บุคคลทั้ง 3 พยายามถ่วงเวลาว่า จะดำเนินการอย่างไร เข้าหารือต่อที่ประชุมใหญ่เพื่อเตรียมหามาตรการรองรับ หากบุคคลทั้ง 3 ไม่มาตามนัด ซึ่งคาดว่าน่าจะมีการแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับบุคคลทั้ง 3 อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับการพิจารณาของที่ประชุมใหญ่ว่าจะมีมติออกมาอย่างไร
พบแล้วที่อยู่"ทักษิณ-พจมาน"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงบ่ายวันเดียวกันได้มีการหารือร่วมกันระหว่าง นาย อุดม เฟื่องฟุ้ง คณะกรรมการ คตส.ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีซื้อขาย ที่ดินย่านรัชดา กับ นายเสกสรร บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ เพื่อติดตาม ที่อยู่จริงของ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ในการประสานหน่วยงานต่างๆ เพื่อขอที่อยู่จริง
นายอุดมเปิดเผยหลังการหารือว่า กระทรวงการต่างประเทศ ได้แจ้งข้อมูล มายัง คตส.เกี่ยวกับที่อยู่ที่แน่นอนของ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิง พจมาน เป็นจำเลยที่ 1 และ 2 ของคดีนี้แล้ว โดยพบว่าพำนักอยู่ในประเทศอังกฤษ และประเทศจีน นอกจากนี้ กระทรวงต่างประเทศยังได้รายงานว่าอยู่ในระหว่างการติดตามหาที่อยู่ในประเทศอื่นๆ อีก เช่น สิงคโปร์ อาร์เจนตินา ซึ่งจะมีการติดตามตรวจสอบต่อไป ส่วนสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง(ตม.)สามารถระบุได้เฉพาะการเดินการทางเข้าออก ต่างประเทศของบุคคลทั้งสองเท่านั้น ไม่ได้มีการะบุที่อยู่จริง ดังนั้นในวันที่ 5 ก.ค.นี้ตนจะได้ลงนามทำหนังสือเพื่อระบุที่อยู่จริงของทั้งสองคน ส่งให้ศาลฎีกา พร้อมทั้งจัดส่งรายละเอียดกรณีที่ทั้งคู่เป็นโจทย์ยื่นฟ้องในคดีต่างๆ ที่ได้มีการระบุที่อยู่ตามทะเบียนราษฎรประกอบ โดยที่ไม่มีการแจ้งหรือย้ายที่อยู่แต่อย่างใด
นอกจากนี้ทาง สำนักงานอัยการสูงสุด(อสส.)ได้ติดต่อให้ คตส. ประสานงานกับผู้อำนวยการเขตดุสิต และ เขตบางพลัดเพื่อขอให้ไปยืนยันในชั้นศาลว่าจำเลยทั้งสอง ไม่มีการแจ้งย้ายออกจากทะเบียนบ้าน พร้อมกันนี้จะทำหนังสือถึงปลัดกรุงเทพฯ เพื่อให้ทำหนังสือแจ้งผู้อำนวยการเขตทั้ง 2 เขต เพื่อให้ความร่วมมือกับอัยการสูงสุดและคตส. และป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง ซึ่งในการหารือร่วมยังได้มีการวางแนวคิดเพื่อยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถึงรายละเอียดต่างๆ ในการดำเนินคดีด้วย แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
"กล้านรงค์"ปัดมีธงตรวจสอบ"ทักษิณ"
นายกล้านรงค์ จันทิก โฆษกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แห่งชาติ (ป.ป.ช.) กลาวถึงกรณีที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ประเทศอังกฤษ ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีบัญชีเงินฝาก จำนวน 1 หมื่นล้านบาท อยู่ที่ประเทศอังกฤษและสวิตเซอร์แลนด์ ว่า ป.ป.ช. มีหน้าที่ ตรวจสอบความมีอยู่จริงของทรัพย์สินและหนี้สิน ของผู้ที่มีหน้าที่ยื่นบัญชีเข้ามาทั้งหมดอยู่แล้ว และได้มีการตรวจสอบตลอดมา โดยกรณีนี้มีนายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช เป็นประธานอนุกรรมการ ตรวจสอบ โดยขณะนี้ได้มีหนังสือขอรับทราบข้อมูลและข้อเท็จจริงไปยังกรมสืบสวนคดีพิเศษหรือ ดีเอสไอแล้ว แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ และกำลังจะทำหนังสือไปยังเลขาธิการ ป.ป.ง. เพื่อขอเอกสารนำมาพิจารณา เปรียบเทียบกับบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่ ป.ป.ช. ตรวจสอบอยู่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยื่นทรัพย์สินเป็นเท็จต่อ ป.ป.ช.ระหว่างดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่
นายกล้านรงค์ กล่าวว่า ป.ป.ช.ไม่มีธงจะตรวจสอบทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่จะตรวจสอบความถูกต้องและมีอยู่จริงของทรัพย์สินและหนี้สินของคนทุกร้าย และต้องพิสูจน์ ถ้าเป็นทรัพย์สินของท่านจริง จะต้องมีพยานหลักฐานพิสูจน์ว่า เป็นของท่านจริงหรือไม่ หรือใช้ชื่อคนอื่นหรือเปล่า หรือว่าเป็นทรัพย์สินของคนอื่นไปแล้ว
"ป.ป.ช.เพียงพิจารณาว่าวันที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินหลังเข้ารับตำแหน่งและพ้นจากตำแหน่งต่างๆ มีทรัพย์สินอื่น นอกเหนือจากที่ยื่นบัญชีไว้กับ ป.ป.ช.หรือไม่ หากมีนอกเหนือจากที่ยื่นบัญชีไว้กับ ป.ป.ช. และพิสูจน์ได้ว่าทรัพย์สินนั้นเป็นของผู้ยื่น ต้องมีการขอให้ชี้แจง ซึ่งอยู่ในกระบวนการตรวจสอบ ส่วนจะชี้แจงด้วยตนเองหรือไม่ อยู่ที่คณะอนุกรรมการจะดำเนินการ เพราะขณะนี้ยังไม่มีข้อมูล"
|