|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บริษัททีอาร์ซีฯตะลุยเข้าไปรับงานก่อสร้างในแถบตะวันออกกลาง เล็งหาพันธมิตรจากไทยและต่างประเทศร่วมลงทุน หวังกระจายความเสี่ยง ลั่นโครงการภารรัฐฯหดตัวไม่กระทบ เหตุรายได้หลักหลัก 80% มาจากภาคเอกชน ระบุปีนี้เติบโตได้ 30% หลังมีตัวช่วยจากการบริษัทสหการวิศวกรฯที่เข้าไปเทกโอเวอร์มา
นางไพจริตร รัตนานนท์ ประธานกรรมการ บริษัททีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRC เปิดเผยว่า ในครึ่งปีหลังนี้บริษัทมีแผนที่จะเข้าไปลงทุนในแถบตะวันออกกลาง เช่น ประเทศการ์ต้าและสหรัฐอาหรับเอมิเรต ซึ่งขณะนี้กำลังนี้อยู่ระหว่างการเจรจาว่าจะเข้าไปร่วมลงทุนกับพันธมิตรในประเทศไทยหรือต่างประเทศ ส่วนจะทราบความชัดเจนเมื่อไหร่นั้นขณะนี้ตนยังไม่สามารถที่จะให้คำตอบชัดเจนในตอนนี้ เพราะว่าการที่เข้าไปลงทุนในต่างประเทศนั้นค่อนข้างที่จะมีความเสี่ยงพอสมควร ดังนั้นทางบริษัทจึงต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณาและศึกษาให้ละเอียดรอบคอบ
“ตอนนี้เราได้วางแผนงานว่า จะเข้าไปรับงานขนาดใหญ่ที่ประเทศตะวันออกกลาง เช่นที่ประเทศการ์ต้าและสหรัฐอาหรับเอมิเรต สาเหตุที่เข้าไป เพราะการ์ต้านั้นยังมีงานใหญ่ ๆ ที่ยังต้องขยายอยู่อีกมาก ส่วนจะเข้าไปรับงานได้เมื่อไหร่นั้นตอนนี้ยังให้คำตอบไม่ได้ เพราะว่าเรากำลังเจรจากับทางพันธมิตร ทั้งในประเทศและต่างประเทศอยู่หลายรายเหมือนกัน” นางไพจิตรกล่าว
ขณะเดียวกัน บริษัทก็มีแผนที่จะเข้าประมูลงานเพิ่มใหม่เพิ่มอีกประมาณ 2-3 โครงการ ซึ่งงานเตรียมยื่นประมูลนั้นเป็นงานการเดินท่อก๊าซกับบริษัทเอกชน ทั้งนี้ คาดว่าจะทราบผลการประมูลโครงการดังกล่าวภายใน 2 เดือนข้างหน้า ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่าโครงการที่รอรู้รายได้ (Backlog) อยู่ประมาณ 1,100 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นงานเดินสายท่อก๊าซประมาณ 600 ล้านบาท งานธุรกิจท่อน้ำซึ่งได้รับจากกรมชลประทานมูลค่าประมาณ 140 ล้านบาทอีกทั้งยังมีงานจากบริษัทลูกของบริษัทปูนซิเมนต์ไทยจำกัด (มหาชน) หรือ SCC อีก 350 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ได้เลยในปีนี้เป็นต้นไป นอกจากนี้ บริษัทยังมี Backlog จากบริษัทสหการวิศวกร จำกัด หรือ SWK หลังจากที่บริษัทได้เข้าไปเทกโอเวอร์มาอีกประมาณ 800-900 ล้านบาท ซึ่งจะเข้ามารับรู้รายได้ในครึ่งปีหลัง
นางไพจิตร กล่าวต่อว่า สำหรับแนวโน้มรายได้ในไตรมาส 2/2550 คาดว่ารายได้ก็น่าจะใกล้เคียงกับไตรมาส 1/2550 ที่มีรายได้อยู่ที่ 194.37 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มรายได้ในไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้ คาดว่ารายได้น่าจะออกมาดีกว่าครึ่งปีแรกอย่างแน่นอน เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากบริษัทสหการวิศวกร เข้ามาเป็นตัวเสริม ดังนั้นบริษัทจึงได้ตั้งเป้าอัตราการเติบโตปีนี้เพิ่มประมาณ 30% หรือมีรายได้อยู่ที่ 900-1,000 ล้านบาท จากปี 2549 ที่มีรายได้อยู่ที่ 736.87 ล้านบาท
“ทางบริษัทมั่นใจว่า รายได้ในปีนี้จะเติบโตจากปีก่อนประมาณ 30% สาเหตุก็เป็นผลมาจากงานบริษัทสหการวิศวกรฯเข้ามาเป็นตัวเสริม ทำให้สามารถขยายการรับงานต่อยอดธุรกิจในรูปแบบอื่นๆ ได้ นอกเหนือจากงานระบบท่อก๊าซและอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและท่อน้ำ เนื่องจากบริษัทสหการวิศวกรฯนั้น มีความชำนาญในธุรกิจก่อสร้างซึ่งก็ส่งผลทำให้เราสามารถทำงานได้ครอบคลุมมากกว่าเดิมด้วย นอกจากนี้ในส่วนของสหการวิศวกร ก็ยังมี Backlog ที่รอรับรู้รายได้อยู่อีกเป็นจำนวนมาก”นางไพจิตรกล่าว
นางไพจิตร กล่าวยืนยัน บริษัทได้รับผลกระทบไม่มากจากงานโครงการของภาครัฐที่ชะลอตัวลง เนื่องจากบริษัทมีสัดส่วนงานภาครัฐบาลเพียงแค่ 20% เท่านั้น ส่วนอีก 80% ที่เหลือจะมาจากงานที่รับจากภาคเอกชน โดยกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นกลุ่มบริษัทปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ซึ่งทางกลุ่ม PTT นั้นเข้าค่อนข้างที่จะมีงบประมาณและมีแพลนงานที่สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่างบประมาณของภาครัฐจะเบิกจ่ายรวดเร็วหรือล่าช้าก็จะไม่กระทบกับการขยายงานของบริษัทเหล่านี้
|
|
|
|
|