Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน4 กรกฎาคม 2550
บิ๊กลลิลฯชี้5ปัจจัยฟื้นอสังหาฯจับตาเงินนอกไหลเข้าตลาดทุน             
 


   
www resources

โฮมเพจ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้

   
search resources

ลลิล พร็อพเพอร์ตี้, บมจ.
ไชยยันต์ ชาครกุล
Real Estate




นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) “LALIN” เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริทรัพย์ว่า จากการสำรวจตลาดในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่าน มาพบว่า มีอัตราการเติบโตของตลาดประมาณ 2% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี2549 โดยอัตราการขยายตัวดังกล่าว เป็นผลสืบเนื่องมาจาก การเติบโตของยอดขายและการลงทุนในตลาดคอนโดฯ ซึ่งได้รับการตอบรับจากตลาดเป้ฯอย่างดีทำให้ตลาดมีทิศทางการขยายตัวเพิ่มขึ้น

ในขณะที่ตลาดบ้านเดี่ยวเริ่มฟื้นกลับมาขยายตัวบ้างแล้ว แม้ว่าอัตราการาเติบโตของตลาดจะยังติดลบเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี2549 เนื่องจากความต้องการซื้อจริงในตลาดบ้านเดี่ยว ยังมีอย่างต่อเนื่อง แต่สาเหตุที่อัตราการเติบโตของบ้านเดี่ยวลดลงจากปีก่อน เนื่องจากการชะลอการตัดสินใจซื้อของลูกค้า ทำให้ระยะการตัดสินใจซื้อขยายออกไป โดยกลุ่มลูกค้าที่ชะลอการตัดสินใจนั้น แบ่งออกเป็น กลุ่มที่รอมาตรการจากรัฐบาลเข้ามาช่วย กลุ่มที่รอดูภาวะตลาดและเศรษฐกิจโดยรวม เนื่องจากขาดความเชื่อมั่น และกลุ่มที่รอแคมเปญหรือโปรโมชันจากผู้ประกอบการและสถาบันการเงิน

อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าในช่วงไตรมาสที่ 3ของปีนี้ ตลาดอสังหาฯจะกลับมาขยายตัวและมีทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่องไปถึงปี 2551 เนื่องจากปัจจัยลบในตลาดขณะนี้เริ่มคลี่คลายไป โดยเฉพาะปัจจัยลบจากสถานการณ์ด้านการเมือง ที่หลังจากผ่านพ้นช่วงวิกฤตในวันที่ 24 มิ.ย. ที่ผ่านมาโดยไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น และหากหลังจากนี้ รัฐบาลมีการประกาศวันเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ และมีการผ่านร่างรัฐธรรมนูญแล้ว จะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของประชาชนและนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น

นอกจาก ปัจจัยบวกที่เข้ามาจะส่งผลให้เศรษฐกิจประเทศและตลาดอสังหาฯขยายตัวเร็วขึ้น มีอยู่ประมาณ 5 ปัจจัย ประกอบด้วย 1.การแข่งขันปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของภาคสถาบันการเงิน

หลังจากที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)มีการออกแพกเก็จดอกเบี้ยคงที่ 4.99% นาน3ปี จะเป็นแรงกระตุ้นให้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ สถาบันการเงินและธนาคารพาณิชย์จะแข่งขันปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 2. สัญญาณการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้นของธนาคารพาณิชย์ จะทำให้มีการปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงอีก ซึ่งเป็นผลดีกับผู้บริโภคที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยด้วย 3.สัญญาณการเริ่มฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศที่ดีขึ้นจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดจาการส่งออก20% ในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจกำลังกลับเข้าสู่ทิศทางที่ดี และส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคมากขึ้น

สำหรับปัจจัยบวกที่ 4. คือ การอนุมัติการประมูลการก่อสร้างโครงการารถไฟฟ้ายสีแดง บางซื่อ-ตลิ่งชันและสายสีม่วง บางซื่อ-บางใหญ่ จะช่วยดึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน ทั้งในประเทศและนอกประเทศกลับคืนมา และยังเป็นการกระตุ้นการบริโภคของประชาชนในประเทศ เนื่องจากมีการกระจายเม็ดเงินผ่านโครงการเมกะโปรเจกต์ดังกล่าวเข้าสู่ระบบด้วย และ 5.ปัจจัยบวกเกี่ยวกับตลาดทุนซึ่งส่วนตัวแล้วคิดว่าถึงรอบที่เงินทุนจากกลุ่มทวีปยุโรป ,อเมริกา และกลุ่มประเทศอาหรับจะเข้ามาในระบบตลาดทุนในกลุ่มประเทศเอเชียแล้ว

ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมา เศรษฐกิจของอเมริกาและในยุโรปมีอัตราการขยายตัวที่ไม่สูงหรืออยู่ในเกณฑ์ต่ำ เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มประเทศเอเชีย ที่มีอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสูงมาก โดยเฉพาะเศรษฐกิจของประเทศจีน ,เวียดนาม ,มาเลเซีย และสิงคโปร์ที่อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ระดับ 7-8% ในขณะที่เศรษฐกิจไทยไทย มีระดับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ 4% เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอาจจะต่ำ เพราะติดปัญหาการเมือง แต่เชื่อมั่นหลังจากที่การเมืองนิ่ง แนวโน้มเศรษฐกิจจะกลับมาขยายตัวในอัตราที่สูงมากขึ้น

" เศรษฐกิจในเอเชียที่เติบโตสูง ทำให้เม็ดเงินจากกลุ่มประเทศยุโรป อเมริกา และอาหรับ ที่มีกำไรจากการขายน้ำมัน เริ่มเคลื่อนย้ายเงินทุนเข้าสูงตลาดทุนในกลุ่มประเทศเอเชียมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดทุนในภูมิภาคเอเชียฟื้นตัว และกลุ่มพนักงานบริษัทที่ได้รับผลดีจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจนี้ จะมีกำลังซื้อสูงขึ้น และพร้อมที่จะตัดสินใจจับจ่ายใช้สอย ซึ่งน่าจะส่งผลการขยายตัวของตลาดอสังหาฯเช่นกัน " นายไชยยันต์กล่าว

สำหรับประเด็นในเรื่องของการลงทุนก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าทั้ง 2 สายของรัฐบาลในครั้งนี้ ประธานกรรมการบริหารกล่าวว่า จะส่งผลให้ลูกค้าหรือผู้บริโภคมีทางเลือกเพิ่มมากขึ้น จากที่ปัจจุบันเลือกซื้อคอนโดมิเนียม ซึ่งจากนี้ไป ตลาดบ้านเดี่ยวจะกลับมาเป็นอีกหนึ่งทาเลือกของผู้บริโภคในการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย ขณะเดียวกันตนยังเชื่อมั่นว่า ราคาน้ำมันจะไม่สูงไปกว่าปัจจุบัน แต่หากจะปรับขึ้นคงอยู่ระดับไม่เกิน 75 เหรียญต่อบาร์เรล จากที่ปัจจุบันราคาขายประมาณ 71 เหรียญต่อบาร์เรล”

นายไชยันต์กล่าวว่า ล่าสุดบริษัท ได้เปิดตัว “โครงการบ้านบุรีรมย์ The Innovation” ซึ่งเป็นโครงการที่ 2ในปีนี้ และคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลัง จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่อีก 2 โครงการ ส่งผลให้ภายในสิ้นปี 2550 บริษัทจะมีโครงการที่เปิดขายใหม่รวม 4 โครงการ สำหรับโครงการบ้านบุรีรมย์ The Innovation เทพารักษ์ –สุวรรณภูมิ มีมูลค่ารวม 650 ล้านบาท มีราคาขายราคาเริ่มต้นที่ 2.19 -3.50 ล้านบาท พื้นที่พัฒนาโครงการ 47 ไร่ จำนวน 265 ยูนิต มีแบบบ้านให้เลือก 4 แบบ ประกอบด้วย เบลล์ว่า, เนทูร่า, ฟรีด้า และอาดีน่า โดยจะเปิดขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 7-8 ก.ค.นี้ คาดว่าจะสามารถปิดการขายในเฟสแรกได้40ยูนิตในวันเปิดตัวโครงการ

"อธิป"ยันวิกฤตอสังหาฯเกิดยาก

นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย และกรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวในรายการ “จับเงินชนทอง” ทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี ว่า แม้ขณะนี้ผู้ประกอบธุรกิจอสังหาฯจำนวนมาก หันมาให้ความสนใจลงทุนก่อสร้างคอนโดฯ ซึ่งกำลังได้รับความสนใจจากผู้บริโภค เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลง ราคาน้ำมันแพง ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคสนใจที่อยู่อาศัยใกล้ที่ทำงาน เพื่อลดต้นทุนการเดินทาง แต่ยังเชื่อว่าจะไม่เกิดปัญหาล้นระบบจนอาจลุกลามไปถึงการเกิดวิกฤติอสังหาริมทรัพย์เช่นที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2540 เพราะที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์ได้เข้มงวดอย่างมากในการที่จะอำนวยสินเชื่อ หากไม่ใช่ผู้ประกอบการที่เป็นมืออาชีพและอยู่ในธุรกิจนี้มานาน โอกาสที่จะได้รับการสนับสนุนสินเชื่อก็เป็นเรื่องยาก

" ช่วงที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจนั้น ภาคธุรกิจอสังหาฯ อาจถูกมองว่าเป็นต้นเหตุของวิกฤติ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การลงทุนหลายส่วนมีการกู้เงินจากต่างประเทศมาจำนวนมาก รวมทั้งอสังหาฯด้วย เมื่อมีการลอยตัวค่าเงินบาท ยอดหนี้ต่างประเทศก็พอกพูนขึ้นโดยปริยาย แต่ยอมรับว่าก่อนหน้าที่จะเกิดวิกฤติ แม้จะเริ่มมองเห็นสัญญาณที่ไม่ปกติ แต่ทุกคนยังเห็นว่าบรรยากาศของเศรษฐกิจเวลานั้นมีทิศทางขยายตัวชัดเจน หากไม่ลงทุน ไม่สะสมที่ดิน ก็อาจเสียโอกาส จึงทำให้ทุกคนมองข้ามความไม่ปกติดังกล่าวไป ซึ่งส่วนตัวถือว่าเป็นบทเรียนที่สำคัญในประวัติศาสตร์เศรษฐกิจของประเทศ"นายอธิปสะท้อนประสบการณ์ในช่วงที่ประสบกับวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540

โดยในส่วนบริษัทศุภาลัยฯช่วงนั้น ได้รับผลกระทบเช่นกัน จนต้องเข้าโครงการปรับโครงสร้างหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นเจ้าภาพ แล้วก็ผ่านพ้นมาได้ จนปัจจุบันศุภาลัยมียอดขายปีละประมาณ 8,000-9,000 ล้านบาท จากเมื่อตอนที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจมียอดขายประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ ล่าสุดศุภาลัยเตรียมเปิดจองคอนโดหรู ราคาไม่ถึงล้านบาทตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าย่านบางพลัด ชื่อ ซิตี้โฮม รัชดา-ปิ่นเกล้า โครงการ 3 บนเนื้อที่ 16 ไร่ จำนวนประมาณ 2,500 ยูนิต วันที่ 7-8 กรกฎาคมนี้ หลังจากที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จจากคอนโดมิเนียมกลางกรุงเทพฯ ทั้งรัชดาและสุขุมวิท ที่ขายใบจองหมดในวันเดียวไปแล้ว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us