นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) “LALIN” เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริทรัพย์ว่า จากการสำรวจตลาดในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่าน มาพบว่า มีอัตราการเติบโตของตลาดประมาณ 2% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี2549 โดยอัตราการขยายตัวดังกล่าว เป็นผลสืบเนื่องมาจาก การเติบโตของยอดขายและการลงทุนในตลาดคอนโดฯ ซึ่งได้รับการตอบรับจากตลาดเป้ฯอย่างดีทำให้ตลาดมีทิศทางการขยายตัวเพิ่มขึ้น
ในขณะที่ตลาดบ้านเดี่ยวเริ่มฟื้นกลับมาขยายตัวบ้างแล้ว แม้ว่าอัตราการาเติบโตของตลาดจะยังติดลบเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี2549 เนื่องจากความต้องการซื้อจริงในตลาดบ้านเดี่ยว ยังมีอย่างต่อเนื่อง แต่สาเหตุที่อัตราการเติบโตของบ้านเดี่ยวลดลงจากปีก่อน เนื่องจากการชะลอการตัดสินใจซื้อของลูกค้า ทำให้ระยะการตัดสินใจซื้อขยายออกไป โดยกลุ่มลูกค้าที่ชะลอการตัดสินใจนั้น แบ่งออกเป็น กลุ่มที่รอมาตรการจากรัฐบาลเข้ามาช่วย กลุ่มที่รอดูภาวะตลาดและเศรษฐกิจโดยรวม เนื่องจากขาดความเชื่อมั่น และกลุ่มที่รอแคมเปญหรือโปรโมชันจากผู้ประกอบการและสถาบันการเงิน
อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าในช่วงไตรมาสที่ 3ของปีนี้ ตลาดอสังหาฯจะกลับมาขยายตัวและมีทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่องไปถึงปี 2551 เนื่องจากปัจจัยลบในตลาดขณะนี้เริ่มคลี่คลายไป โดยเฉพาะปัจจัยลบจากสถานการณ์ด้านการเมือง ที่หลังจากผ่านพ้นช่วงวิกฤตในวันที่ 24 มิ.ย. ที่ผ่านมาโดยไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น และหากหลังจากนี้ รัฐบาลมีการประกาศวันเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ และมีการผ่านร่างรัฐธรรมนูญแล้ว จะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของประชาชนและนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น
นอกจาก ปัจจัยบวกที่เข้ามาจะส่งผลให้เศรษฐกิจประเทศและตลาดอสังหาฯขยายตัวเร็วขึ้น มีอยู่ประมาณ 5 ปัจจัย ประกอบด้วย 1.การแข่งขันปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของภาคสถาบันการเงิน
หลังจากที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)มีการออกแพกเก็จดอกเบี้ยคงที่ 4.99% นาน3ปี จะเป็นแรงกระตุ้นให้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ สถาบันการเงินและธนาคารพาณิชย์จะแข่งขันปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 2. สัญญาณการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้นของธนาคารพาณิชย์ จะทำให้มีการปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงอีก ซึ่งเป็นผลดีกับผู้บริโภคที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยด้วย 3.สัญญาณการเริ่มฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศที่ดีขึ้นจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดจาการส่งออก20% ในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจกำลังกลับเข้าสู่ทิศทางที่ดี และส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคมากขึ้น
สำหรับปัจจัยบวกที่ 4. คือ การอนุมัติการประมูลการก่อสร้างโครงการารถไฟฟ้ายสีแดง บางซื่อ-ตลิ่งชันและสายสีม่วง บางซื่อ-บางใหญ่ จะช่วยดึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน ทั้งในประเทศและนอกประเทศกลับคืนมา และยังเป็นการกระตุ้นการบริโภคของประชาชนในประเทศ เนื่องจากมีการกระจายเม็ดเงินผ่านโครงการเมกะโปรเจกต์ดังกล่าวเข้าสู่ระบบด้วย และ 5.ปัจจัยบวกเกี่ยวกับตลาดทุนซึ่งส่วนตัวแล้วคิดว่าถึงรอบที่เงินทุนจากกลุ่มทวีปยุโรป ,อเมริกา และกลุ่มประเทศอาหรับจะเข้ามาในระบบตลาดทุนในกลุ่มประเทศเอเชียแล้ว
ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมา เศรษฐกิจของอเมริกาและในยุโรปมีอัตราการขยายตัวที่ไม่สูงหรืออยู่ในเกณฑ์ต่ำ เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มประเทศเอเชีย ที่มีอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสูงมาก โดยเฉพาะเศรษฐกิจของประเทศจีน ,เวียดนาม ,มาเลเซีย และสิงคโปร์ที่อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ระดับ 7-8% ในขณะที่เศรษฐกิจไทยไทย มีระดับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ 4% เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอาจจะต่ำ เพราะติดปัญหาการเมือง แต่เชื่อมั่นหลังจากที่การเมืองนิ่ง แนวโน้มเศรษฐกิจจะกลับมาขยายตัวในอัตราที่สูงมากขึ้น
" เศรษฐกิจในเอเชียที่เติบโตสูง ทำให้เม็ดเงินจากกลุ่มประเทศยุโรป อเมริกา และอาหรับ ที่มีกำไรจากการขายน้ำมัน เริ่มเคลื่อนย้ายเงินทุนเข้าสูงตลาดทุนในกลุ่มประเทศเอเชียมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดทุนในภูมิภาคเอเชียฟื้นตัว และกลุ่มพนักงานบริษัทที่ได้รับผลดีจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจนี้ จะมีกำลังซื้อสูงขึ้น และพร้อมที่จะตัดสินใจจับจ่ายใช้สอย ซึ่งน่าจะส่งผลการขยายตัวของตลาดอสังหาฯเช่นกัน " นายไชยยันต์กล่าว
สำหรับประเด็นในเรื่องของการลงทุนก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าทั้ง 2 สายของรัฐบาลในครั้งนี้ ประธานกรรมการบริหารกล่าวว่า จะส่งผลให้ลูกค้าหรือผู้บริโภคมีทางเลือกเพิ่มมากขึ้น จากที่ปัจจุบันเลือกซื้อคอนโดมิเนียม ซึ่งจากนี้ไป ตลาดบ้านเดี่ยวจะกลับมาเป็นอีกหนึ่งทาเลือกของผู้บริโภคในการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย ขณะเดียวกันตนยังเชื่อมั่นว่า ราคาน้ำมันจะไม่สูงไปกว่าปัจจุบัน แต่หากจะปรับขึ้นคงอยู่ระดับไม่เกิน 75 เหรียญต่อบาร์เรล จากที่ปัจจุบันราคาขายประมาณ 71 เหรียญต่อบาร์เรล”
นายไชยันต์กล่าวว่า ล่าสุดบริษัท ได้เปิดตัว “โครงการบ้านบุรีรมย์ The Innovation” ซึ่งเป็นโครงการที่ 2ในปีนี้ และคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลัง จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่อีก 2 โครงการ ส่งผลให้ภายในสิ้นปี 2550 บริษัทจะมีโครงการที่เปิดขายใหม่รวม 4 โครงการ สำหรับโครงการบ้านบุรีรมย์ The Innovation เทพารักษ์ –สุวรรณภูมิ มีมูลค่ารวม 650 ล้านบาท มีราคาขายราคาเริ่มต้นที่ 2.19 -3.50 ล้านบาท พื้นที่พัฒนาโครงการ 47 ไร่ จำนวน 265 ยูนิต มีแบบบ้านให้เลือก 4 แบบ ประกอบด้วย เบลล์ว่า, เนทูร่า, ฟรีด้า และอาดีน่า โดยจะเปิดขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 7-8 ก.ค.นี้ คาดว่าจะสามารถปิดการขายในเฟสแรกได้40ยูนิตในวันเปิดตัวโครงการ
"อธิป"ยันวิกฤตอสังหาฯเกิดยาก
นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย และกรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวในรายการ “จับเงินชนทอง” ทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี ว่า แม้ขณะนี้ผู้ประกอบธุรกิจอสังหาฯจำนวนมาก หันมาให้ความสนใจลงทุนก่อสร้างคอนโดฯ ซึ่งกำลังได้รับความสนใจจากผู้บริโภค เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลง ราคาน้ำมันแพง ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคสนใจที่อยู่อาศัยใกล้ที่ทำงาน เพื่อลดต้นทุนการเดินทาง แต่ยังเชื่อว่าจะไม่เกิดปัญหาล้นระบบจนอาจลุกลามไปถึงการเกิดวิกฤติอสังหาริมทรัพย์เช่นที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2540 เพราะที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์ได้เข้มงวดอย่างมากในการที่จะอำนวยสินเชื่อ หากไม่ใช่ผู้ประกอบการที่เป็นมืออาชีพและอยู่ในธุรกิจนี้มานาน โอกาสที่จะได้รับการสนับสนุนสินเชื่อก็เป็นเรื่องยาก
" ช่วงที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจนั้น ภาคธุรกิจอสังหาฯ อาจถูกมองว่าเป็นต้นเหตุของวิกฤติ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การลงทุนหลายส่วนมีการกู้เงินจากต่างประเทศมาจำนวนมาก รวมทั้งอสังหาฯด้วย เมื่อมีการลอยตัวค่าเงินบาท ยอดหนี้ต่างประเทศก็พอกพูนขึ้นโดยปริยาย แต่ยอมรับว่าก่อนหน้าที่จะเกิดวิกฤติ แม้จะเริ่มมองเห็นสัญญาณที่ไม่ปกติ แต่ทุกคนยังเห็นว่าบรรยากาศของเศรษฐกิจเวลานั้นมีทิศทางขยายตัวชัดเจน หากไม่ลงทุน ไม่สะสมที่ดิน ก็อาจเสียโอกาส จึงทำให้ทุกคนมองข้ามความไม่ปกติดังกล่าวไป ซึ่งส่วนตัวถือว่าเป็นบทเรียนที่สำคัญในประวัติศาสตร์เศรษฐกิจของประเทศ"นายอธิปสะท้อนประสบการณ์ในช่วงที่ประสบกับวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540
โดยในส่วนบริษัทศุภาลัยฯช่วงนั้น ได้รับผลกระทบเช่นกัน จนต้องเข้าโครงการปรับโครงสร้างหนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นเจ้าภาพ แล้วก็ผ่านพ้นมาได้ จนปัจจุบันศุภาลัยมียอดขายปีละประมาณ 8,000-9,000 ล้านบาท จากเมื่อตอนที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจมียอดขายประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ ล่าสุดศุภาลัยเตรียมเปิดจองคอนโดหรู ราคาไม่ถึงล้านบาทตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าย่านบางพลัด ชื่อ ซิตี้โฮม รัชดา-ปิ่นเกล้า โครงการ 3 บนเนื้อที่ 16 ไร่ จำนวนประมาณ 2,500 ยูนิต วันที่ 7-8 กรกฎาคมนี้ หลังจากที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จจากคอนโดมิเนียมกลางกรุงเทพฯ ทั้งรัชดาและสุขุมวิท ที่ขายใบจองหมดในวันเดียวไปแล้ว
|