อาการซบเซาของสภาพเศรษฐกิจของประเทศ นำมาซึ่งความตกต่ำของธุรกิจสื่อที่ทำให้บรรดาเจ้าของสื่อต้องขยับตัวกันยกใหญ่ สื่อเก่า ๆ อย่างทีวี วิทยุ บิลบอร์ด ถูกสื่อใหม่ ๆ แอบเบียนมีเดีย อีเวนต์ อินสโตร์ มีเดีย ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในยุคสมัยนี้ได้ดีกว่า มาแบ่งงบประมาณไป กรอบการทำธุรกิจที่เจ้าของสื่อเคยมีอยู่จึงถูกทำลายลง ยักษ์ใหญ่สื่อเก่า MACO ขยับจับธุรกิจสื่อใหม่ ๆ ชนโครมกับยักษ์อีเวนต์ อินเด็กซ์ ที่กำลังสร้างธุรกิจใหม่เสริมศักยภาพให้ธุรกิจหลัก ด้านมีเดีย เอเยนซี่ เดนท์สุ มีเดีย เดินเครื่องรีแบรนด์ ขยับออกจากกรอบของเอเยนซี่โฆษณาบริษัทแม่ แบ่งภาคหวังกวาดลูกค้าทั้งจากเดนท์สุ และลูกค้านอกไปพร้อมกัน แม้จะเป็นคู่แข่งกันก็ตาม

MACO หลุดกรอบชนโครม INDEX

สภาพเศรษฐกิจที่อ่อนแรงตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ทำให้มาสเตอร์แอด ยักษ์ใหญ่วงการป้ายโฆษณา ปิดงบที่รายได้เพียง 550 ล้านบาทเท่านั้น ทางออกในปีนี้ของมาสเตอร์แอด ประสงค์ เอมมาโนชญ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารการเงิน บริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ มีการปรับแผนการทำธุรกิจใหม่ ชูแนวนโยบายเรื่อง Smart & Innovative เนื่องจากพบว่าลูกค้าของบริษัทที่ใช้สื่อป้ายโฆษณากันมา วันนี้มีความต้องการความแปลกใหม่ และบริการเสริมอื่นเข้ามาช่วยให้เกิดอิมแพคจากงบประมาณที่ใช้ไปอย่างสูงสุด

โดย Smart & Innovative เป็นการขยายบทบาทของมาสเตอร์แอดว่าไม่ใช่บริษัทที่ทำหน้าที่ขายสื่อป้ายโฆษณาเพียงอย่างเดียว หากแต่ยังมีบริการต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถวางสื่อโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งการคิดงานโฆษณา ไปจนถึงการทำหน้าที่จัดอีเวนต์ขนาดเล็กให้กับลูกค้าได้

"วันนี้เราไม่ได้เป็นแค่คนขายป้าย แต่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น เน้นความมีวาไรตี้ของบริการ เราไม่ใช่ Space Sale แต่เป็น Solution Sale" ประสงค์กล่าว

นอกจากนี้ กรอบการดำเนินธุรกิจของมาสเตอร์แอดในวันนี้ ยังถูกขยายออกไปถึงสื่ออินสโตร์ภายในห้างสรรพสินค้า โดยได้มีการเซ็นสัญญาเข้าบริหารพื้นที่สื่อภายในห้างสรรพสินค้าฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต และซีคอนสแควร์ รวมไปถึงแฟชั่น ไอส์แลนด์ในอนาคต

ประสงค์กล่าวว่า วันนี้ป้ายใหญ่มีข้อจำกัดมากขึ้น ทำเลที่ตั้งที่ดีมีน้อยลง ขณะที่ค่าผลิตมีราคาสูงขึ้น เจ้าของสินค้าในปัจจุบันมักเลือกทำกิจกรรมที่เป็นแคมเปญระยะสั้น จึงวิ่งไปหาสื่อขนาดเล็กที่เหมาะกับการทำโปรโมชั่น ขณะที่ป้ายขนาดใหญ่เหมาะกับการทำเรื่องแบรนด์เป็นหลัก

บริการของมาสเตอร์แอดจึงขยายมาสู่เป็นผู้บริหารแอมเบียนมีเดีย สื่อรายทางภายในห้างสรรพสินค้า ไม่ว่าการติดตั้งป้ายโฆษณาขนาดเล็กตามจุดต่าง ๆ ภายในห้าง การออกแบบเฟอร์นิเจอร์ภายในห้างให้ทำหน้าที่เป็นสื่อโฆษณา เช่น เก้าอี้นั่ง บันไดเลื่อน ลิฟท์ การจัดอีเวนต์ขนาดเล็ก ไปจนถึงการทำโฆษณาคลุมตัวอาคาร โดยมีจุดเด่นของบริการที่เหนือกว่าอินสโตร์มีเดียที่เคยเห็นมา คือ การเพิ่มสีสันให้สื่อเพื่อสร้างความน่าสนใจ การเพิ่มความเคลื่อนไหวให้กับสื่อ และการนำเอาเทคโนโลยีดิจิตอลมาประกอบกับสื่อประสงค์มองว่า สื่ออินสโตร์เหล่านี้จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า โดยเฉพาะภาพพจน์ของบริษัทที่เป็นผู้มีประสบการณ์ด้านสื่อป้ายโฆษณา ยิ่งสร้างความมั่นใจได้เป็นอย่างดีแน่นอน

การทะลายกรอบธุรกิจของมาสเตอร์แอด เกิดความน่าสนใจยิ่งขึ้นเมื่อในอีกฟากหนึ่งของธุรกิจ ยักษ์ใหญ่ในวงการอีเวนต์ อินเด็กซ์ อีเวนต์ เอเยนซี่ ก็มีการขยายธุรกิจจากผู้ให้บริการงานด้านอีเวนต์ สู่ธุรกิจบีโลว์เดอะไลน์ครบวงจร ตั้งแต่การประชาสัมพันธ์ CRM รวมไปถึงสื่อใหม่ๆ อย่าง แอมเบียนมีเดีย สื่อรายทาง ที่มีอินสไพร์ อิมเมจ บริษัทในเครือเป็นผู้ดูแล

เกรียงไกร กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ อีเวนต์ เอเยนซี่ จำกัด(มหาชน) กล่าวถึงการขยายธุรกิจออกจากงานอีเวนต์ อันเป็นธุรกิจหลักว่า เป็นงานบริการที่จะเข้ามาช่วยเสริมประสิทธิภาพของงานอีเวนต์ให้มีมากขึ้น ทั้งธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจัดอีเวนต์ เช่นการเช่าอุปกรณ์ สตูดิโอ การจัดโชว์ ตลอดจนสื่อรายทางที่จะนำกลุ่มเป้าหมายเข้าสู่งาน ช่วยสร้างความสำเร็จให้กับอีเวนต์แต่ละงานมีสูงขึ้น

"วันนี้ลูกค้าจะถามตลอดเวลาว่ามีอะไรแปลกใหม่หรือไม่ ทำอีเวนต์แล้วได้เหมือนปีที่แล้ว ถือว่าสแควร์ แสดงว่าไม่เก่งขึ้น ก็ทำให้เราต้องลงทุนมากขึ้น ใส่ความสามารถเข้าไปอย่างมหาศาล จุดนี้ถือว่าท้าทายความสามารถของคนที่อยู่ในธุรกิจอีเวนต์มากขึ้น วันนี้ทำอีเวนต์ต้องได้มากกว่าอีเวนต์ เพราะถ้าทำอีเวนต์ได้เท่ากับอีเวนต์ ลูกค้าคงไม่จ้างเรา การขีดเส้นตัวเองให้อยู่เพียงแค่ธุรกิจอีเวนต์ คงเป็นการลดฝีมือตัวเอง เพราะตัวอีเวนต์เองวันนี้ ศักยภาพลดลงในตัวเอง จึงกลายเป็นที่มาของการหาจิ๊กซอว์ที่จะเข้ามาช่วยนำพาธุรกิจของเราก้าวไปในอีก 2-3 ปีข้างหน้า"

เกรียงไกร แสดงความเห็นที่ธุรกิจสื่อมีการขยายงานออกมาจนมาชนกัน ดังเช่น มาสเตอร์แอด และอินเด็กซ์ ว่า ความจำเป็นที่ธุรกิจต่าง ๆ ต้องขยายบริการออกจากธุรกิจหลัก ถือเป็นเทรนที่เกิดขึ้นทั่วทั้งโลก เจ้าของธุรกิจอาจไม่ต้องการขยาย แต่เป็นความต้องการของลูกค้า เป็นเหมือนการมองแบบ Out sight In ที่ธุรกิจต้องปรับตัวนำเสนอสินค้า หรือบริการตามความต้องการของลูกค้า กลุ่มเป้าหมาย มิใช่ยืนอยู่บนสินค้าเดิม ๆ ที่มีอยู่ ขึ้นอยู่กับครีเอททิวิตี้ว่าใครจะพลิกแพลงโจทย์บนพื้นฐานธุรกิจหลักของตนได้มากกว่า มาสเตอร์แอด ยังคงเป็นบิลบอร์ด อินเด็กซ์ ก็ยังคงเป็นอีเวนต์ แต่การที่จะข้ามธุรกิจไป ก็คือการข้ามจากธุรกิจหลักของตนเอง แล้วขยายไลน์ออกไป จุดนี้ขึ้นกับการปรับตัว สามารถจะพัฒนาตนเองให้ไปสู่มุมต่าง ๆ ได้อย่างไร

"วันนี้โมเดลอย่างเราจะมายืนบอกว่าเราเป็นอีเวนต์แล้วทำแต่อีเวนต์คงไม่ใช่แล้ว คนทำอีเวนต์ต้องคิดต่อว่าจะต้องทำอีเวนต์อย่างไรให้ประสบความสำเร็จ ส่วนประกอบอื่น ๆ จึงต้องตามมา เช่นเดียวกับคุณนพดล (ตัณศลารักษ์ : ซีอีโอ บมจ. มาสเตอร์แอด) ก็คงเจอคำถามเดียวกันกับผม มาสเตอร์แอดไม่มีอะไรใหม่เลยหรือ บิลบอร์ดหรือ เบื่อแล้ว มีอะไรใหม่ ๆ เสนอไหม ถ้าบอก มี Location ใหม่ครับ หรือมีบิลบอร์ดที่ใหม่สุด ๆ เพิ่งตอกเสาเข็มไปเมื่อวาน ก็คงไม่ใช่ ทำอีเวนต์แล้วมีอีเวนต์อย่างเดียว ก็ไม่ใช่ ต้องทำอย่างอื่นสนับสนุนให้อีเวนต์ที่จัดเข้มแข็งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการประชาสัมพันธ์ สื่อรอบตัว(Ambience Media) ไทน์-อินในรายการโทรทัศน์ หรือเรื่องอื่นที่สามารถสนับสนุนอีเวนต์ได้ ทำไมเราถึงจะไม่ทำ"

เดนท์สุมีเดีย รีแบรนดิ้ง แยกขารับลูกค้าคู่แข่งชนกัน

อีกหนึ่งการพลิกกลยุทธของค่ายมีเดียเพื่อประคองการเติบโตให้กับบริษัทในยุคเศรษฐกิจซบเซา เดนท์สุ มีเดีย พาเลท (ประเทศไทย) อดีตมีเดีย อินเฮ้าส์ ของเอเยนซี่พันธุ์ญี่ปุ่นหมายเลข 1 เดนท์สุ แม้ภาพของบริษัทมีเดียที่อยู่ภายใต้บริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่ จะยืนยันความมั่นคงให้ได้ แต่เมื่อสถานการณ์สื่อมีแนวโน้มไม่สดใสมาตั้งแต่ต้นปี เดนท์สุ มีเดีย พาเลท จึงต้องปรับตัวรีแบรนดิ้ง เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น เดนท์สุ มีเดีย(ประเทศไทย) พร้อมแยกธุรกิจออกเป็น 2 หน่วย คือ มีเดีย พาเลท ซึ่งจะทำหน้าที่ดูแลการวางแผนสื่อ ซื้อสื่อให้กับลูกค้าจากเดนท์สุ ประเทศไทย และมีเดีย คิวบิค ทำหน้าที่ดูแลลูกค้าจากภายนอก ที่จะเข้ามาช่วยสร้างความเติบโตให้กับบริษัทหลังจากทำหน้าที่อินเฮ้าส์มีเดียให้กับเดนท์สุ ประเทศไทย มา 4 ปี

สัดส่วนของลูกค้าที่ใช้บริการการวางแผนสื่อของเดนท์สุ มีเดีย ที่ผ่านมา เป็นลูกค้าที่มาจากเดนท์สุ ประเทศไทย ถึง 70% อีก 30% เป็นลูกค้านอกที่เดนท์สุ มีเดีย หามาเอง แต่ด้วยการเป็นเอเยนซี่ยักษ์ใหญ่ของเดนท์สุ ที่มีลูกค้าในหลากหลายกลุ่มสินค้า ทำให้การหาลูกค้านอกที่ไม่เป็นธุรกิจคู่แข่งกับลูกค้าจากบริษัทแม่ ค่อนข้างลำบาก ดังนั้นแนวทางการแยกบริษัทเดนท์สุ มีเดีย เป็นหน่วยงานอิสระจากบริษัทแม่ พร้อมแตกหน่วยงานการหาลูกค้าออก เพื่อความมั่นใจของลูกค้าภายนอกว่าจะไม่กระทบกับลูกค้าที่อาจเป็นสินค้าประเภทเดียวกันจากเดนท์สุ ทำให้ อาคิมาซา บาบา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดนท์สุ มีเดีย(ประเทศไทย) จำกัด ตั้งเป้าหมายว่า ลูกค้านอกจะขยายเพิ่มขึ้นเป็น 35% และเพิ่มเป็น 50% ในอนาคต แต่สิ่งที่สำคัญคือ ลูกค้าจากภายนอกนี้จะช่วยให้เป้าหมายการเติบโตของบริษัทที่พยายามรักษามาตรฐานให้ได้ 2 หลักทุกปี มีโอกาสเป็นไปได้ แม้สถานการณ์สื่อมีแนวโน้มการเติบโตคงที่อยู่ที่ราว 3-4% ก็ตาม โดยมีเป้าหมายบิลลิ่งที่ 2,600 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 10% จากปีที่ผ่านมา