|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
ตลาดหลักทรัพย์ฯ เล็งเก็บค่าธรรมเนียม "ชินคอร์ป" และบริษัทที่มีฟรีโฟลทต่ำกว่าเกณฑ์รวม 21 แห่ง ขีดเส้นเริ่มเก็บ ก.ค.ปีหน้าเป็นปีแรก พร้อมประกาศยกเลิกคอลมาร์เกตเพื่อย้ายกลับซื้อขายหมวดปกติ 4 ก.ค.นี้
รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แจ้งว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะมีการยกเลิกมาตรการ Call Marketในวันที่ 4 กรกฎาคม 2550 เพื่อให้หลักทรัพย์ของบริษัทกลับมาซื้อขายในระบบปกติ (Automatic Order Matching : AOM) แทน ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขายและการกระจายหุ้นทำได้สะดวกขึ้น รวมทั้งการดำเนินการดังกล่าวยังไม่มีผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นรายย่อย
โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จะให้ระยะเวลาบริษัทจดทะเบียนในการแก้ไขการกระจายการถือหุ้นให้ครบถ้วน โดยในปีแรก ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะแจ้งให้บริษัทจดทะเบียนได้ทราบเพื่อดำเนินการแก้ไขให้บริษัทจดทะเบียนมีคุณสมบัติในด้านการกระจายการถือหุ้นตามเกณฑ์
หากบริษัทจดทะเบียนยังไม่สามารถดำเนินการแก้ไขการกระจายการถือหุ้นได้ในปีที่ 2 ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะแจ้งการขาดคุณสมบัติของบริษัทจดทะเบียนให้ผู้ลงทุนได้ทราบ และเรียกเก็บค่าธรรมเนียมส่วนเพิ่มในงวดถัดไป (กรกฎาคมปี 2551 - มิถุนายนปี 2552) โดยนับเป็นปีที่หนึ่งตามจำนวนการกระจายผู้ถือหุ้นรายย่อยที่บริษัทยังไม่สามารถปฏิบัติได้ตามเกณฑ์ และจะเรียกเก็บต่อไปตามอัตราค่าธรรมเนียมที่กำหนดจนกว่าบริษัทจะสามารถแก้ไขคุณสมบัติได้
สำหรับบริษัทจดทะเบียนจำนวน 21 แห่ง ที่มีคุณสมบัติด้านการกระจายของผู้ถือหุ้นรายย่อยไม่ครบถ้วนตามข้อกำหนดติดต่อกันเป็นปีที่ 2 ขึ้นไป จำนวน 15 แห่งในระบบการจับคู่ในช่วงเวลา (Call Market) ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะให้เข้ามาซื้อขายในหมวดปกติ 13 แห่ง ประกอบด้วย บริษัท รองเท้าบาจาแห่งประเทศไทย จำกัด (มหาชน) (BATA) บริษัท เทพธานีกรีฑา จำกัด (มหาชน) (CSR) บริษัทนำสินประกันภัย จำกัด (มหาชน) (NSI) บริษัท ปทุม ไรซมิล แอนด์ แกรนารี่ จำกัด (มหาชน) (PRG) บริษัท แพ็คฟู้ด จำกัด (มหาชน) (PPC)
บริษัท โรงแรมราชดำริ จำกัด (มหาชน) (RHC) บริษัท โรงแรมรอยัล ออคิด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)(ROH) บริษัทไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)(SCNYL) บริษัท แชงกรี-ลา โฮเต็ล จำกัด (มหาชน) (SHANG) 10 บริษัท สมิติเวช จำกัด (มหาชน) (SVH) บริษัท ไทย อกริ ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน)(TAF) 12 ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) (TBANK) บริษัท ยูไนเต็ดฟลาวมิลล์ จำกัด (มหาชน) (UFM)
ส่วนที่เหลืออีก 4 บริษัท คือ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) (SCBT) และบริษัท นครหลวงเส้นใยสังเคราะห์ จำกัด (มหาชน) (HTX) ได้สั่งยกเลิกการกำหนดให้หลักทรัพย์ทั้ง 2 บริษัท ซื้อขายในระบบ Call Market มีผลตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม 2550 เป็นต้นไป โดยยังคงสั่งห้ามการซื้อหรือขายต่อไป
สำหรับบริษัทที่ขาดคุณสมบัติเป็นปีที่ 2 อีกจำนวน 6 บริษัท ยังคงซื้อขายในระบบปกติ ได้แก่ บริษัท วาไทยอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) (HT) บริษัท บางกอกแร้นช์ จำกัด (มหาชน) (RANCH) บริษัท ประกันคุ้มภัย จำกัด (มหาชน) (SAFE) บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SHIN) บริษัท ยูไนเต็ดคอมมูนิเกชั่น อินดัสตรี จำกัด (มหาชน) (UCOM) และบริษัท วีนิไทย จำกัด (มหาชน) (VNT)
|
|
 |
|
|