Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน3 กรกฎาคม 2550
หุ้นไทยนิวไฮด์รอบ3ปีครึ่ง-หมดห่วงม็อบแม้วฝ่อ/ศก.ฟื้น             
 


   
search resources

Stock Exchange




ตลาดหุ้นไทยทำนิวไฮด์ในรอบ 3 ปี 5 เดือนขานรับม็อบเชียร์ทักษิณฝ่อ นักลงทุนคลายกังวลปัญหาทางการเมืองเชื่อเลือกตั้งได้สิ้นปี ต่างชาติไล่เก็บหุ้นไทยเพิ่ม 2.5 พันล้านบาท หลังขายหุ้นในตลาดจีนห่วงรัฐบาลออกมาตรการสกัดกั้นการเก็งกำไร โบรกฯเชื่อดัชนีทะลุ 800 จุดแน่ ระบุหากไม่เลื่อนวันเลือกตั้ง การเมืองไม่รุนแรงปีหน้าแตะ 1,000 จุด ด้านบล.กรุงศรีฯปรับเป้าดัชนีจาก 780 จุดเป็น 840 จุด

ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วานนี้ (2 ก.ค.) นักลงทุนตอบรับข่าวดีหลังการเดินขบวนของกลุ่มผู้สนับสนุน "ทักษิณ" ไม่ได้ก่อให้เกิดสถานการณ์ที่รุนแรงขึ้น ประกอบกับการยืนยันว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้ รวมถึงปัจจัยจากต่างประเทศหลังนักลงทุนต่างชาติคลายความกังวลเกี่ยวกับการประชุมพิจารณาของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จึงส่งผลทำให้มีเม็ดเงินจากตลาดหุ้นจีนไหลเข้ามาตลาดหุ้นไทย โดยดัชนีปรับตัวขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี 5 เดือนหรือเมื่อวันที่ 12 ก.พ. 46 ดัชนีปิดที่ 794.01 จุดหลังรัฐบาลทักษิณเดินหน้าใช้นโยบายเมกะโปรเจกต์เรียกคะแนนจากประชาชน โดยดัชนีวานนี้ปิดที่ 792.71 จุด เพิ่มขึ้น 15.92 จุด หรือ 2.05% โดยจุดสูงสุดอยู่ที่ 793.08 จุด และจุดต่ำสุดอยู่ที่ 778.81 จุด มูลค่าการซื้อขาย 24,188.10 ล้านบาท

นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,540.75 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 122.84 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 2,663.59 ล้านบาท

นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนายการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือ UOBKH กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแรงเนื่องจากนักลงทุนต่างชาติคลายความกังวลเรื่องการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีความชัดเจนที่คงอัตราดอกเบี้ยไว้ จึงทำให้เม็ดเงินไหลเข้ามาในภูมิภาคเอเชียมากขึ้น ประกอบกับเม็ดเงินที่เข้าไปลงทุนในประเทศจีนย้ายเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย เพราะ เกรงว่ารัฐบาลจีนจะมีการออกมาตรการมาสกัดกั้นการเก็งกำไรในตลาดหุ้นและลดความร้อนแรงการเติบโตของเศรษฐกิจ

“หุ้นกลุ่มหลัก เช่น พลังงาน และแบงก์ ปรับขึ้นเพราะมีการเข้ามาเก็งกำไรในผลประกอบการไตรมาส 2 อย่างมากและคาดว่าครึ่งปีหลังเศรษฐกิจจะขยายตัวดีขึ้น เนื่องจากคลายความกังวลจากปัจจัยทางการเมือง ซึ่งนักลงทุนให้น้ำหนักความสำคัญในปัจจัยดังกล่าวลดลงเรื่อยๆ"นายโกสินทร์กล่าว

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ คาดว่าดัชนีจะสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 800 จุด ได้ หากนักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะมีการปรับฐานในช่วงสัปดาห์ที่ 3 – 4ของเดือนนี้ เพราะจะมีการประกาศไตรมาส2 /50 ของบริษัทจดทะเบียนที่เริ่มประกาศออกมา โดยประเมินแนวรับ 782-785 จุด แนวต้าน 797-800 จุด

โบรกฯเชื่อตลาดกระทิง

นางสาวมยุรี โชวิกานต์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.นครหลวงไทย กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้น เนื่องมาจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลังประกาศออกมาค่อนข้างจะสูงกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ โดยเฉพาะตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือ GDP ที่คาดว่าจะสามารถโตได้ถึง 4% ทำให้ความกังวลของนักลงทุนทั้งในและนอกประเทศลดลง

"ที่ผ่านมาความกังวลของนักลงทุนมี 2 เรื่อง คือการเมืองและเศรษฐกิจ ในส่วนของการเมืองนั้น ตอนนี้เริ่มนิ่งแล้ว แม้ว่าจะยังไม่มีความชัดเจนเรื่องวันเลือกตั้ง แต่ตราบใดที่ไม่ได้เลื่อนระยะยาว เช่นจากต้นปี 2551 เป็นช่วงปลายปี ก็ไม่น่าจะส่งผลมากนัก แต่อาจจะทำให้ความมั่นใจของนักลงทุนกระตุกบ้างเท่านั้น ส่วนเรื่องของเศรษฐกิจจากตัวเลขที่ประกาศออกมา ก็แสดงว่าเริ่มฟื้นขึ้นมาบ้าง จึงไม่น่าแปลกใจที่ดัชนีจะปรับตัวขึ้นขนาดนี้"นางสาวมยุรีกล่าว

ทั้งนี้ถ้าดัชนีสามารถผ่านแนวต้านสำคัญที่ 800 จุดได้ จะทำให้ตลาดหุ้นวิ่งขึ้นอย่างรุนแรง หรือกลับไปในภาวะกระทิงได้อีกครั้ง เพราะแนวต้านดังกล่าวเป็นแนวต้านทางจิตวิทยาที่สำคัญที่นักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอให้ดัชนีผ่านแนวต้านดังกล่าวก่อน ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงที่ดัชนีจะสามารถทะลุแนวต้านดังกล่าวไปได้

นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า การที่หุ้นปรับตัวขึ้นมา เนื่องมาจากมีกลุ่มเงินทุนใหม่ที่เข้ามาลงทุนในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านที่สูงกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ และการที่มีหลายฝ่ายคาดการณ์ว่าผลประกอบการไตรมาส 2 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่จะประกาศออกมา อาจจะไม่แย่อย่างที่คาดกันไว้ ทำให้หุ้นในกลุ่มธนาคารซึ่งจะได้รับผลทางจิตวิทยาจากตัวเลขเศรษฐกิจได้รับผลบวกจนปรับตัวเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้การที่ดัชนีสามารถผ่านแนวต้านสำคัญที่ 780 ได้ ทำให้มีนักลงทุนเข้ามาซื้อหุ้นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามแนวต้านสำคัญต่อไปอยู่ที่ 795 จุด ซึ่งเป็นแนวต้านที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง ถ้าดัชนีอาจจะไม่สามารถปรับตัวผ่านไปได้ อาจจะทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงและทรงตัวอีกระยะหนึ่ง

นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.แอ๊คคินซัน กล่าวว่า หุ้นที่ปรับตัวขึ้น เนื่องจากแรงซื้อตามแรงคาดหวังเรื่องผลประกอบการของหลายกลุ่มธุรกิจน่าจะเพิ่มขึ้น ประกอบกับในขณะนี้ปัจจัยลบในตลาดน้อย ทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้นได้ โดยมีความเป็นได้ค่อนข้างมากที่ ดัชนีจะสามารถปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า 800 จุดได้ โดยกลุ่มที่น่าสนใจจะเป็นกลุ่มปิโตเคมีและกลุ่มหลักทรัพย์ที่น่าจะกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งหนึ่ง

ฟันธงดัชนีหุ้นทะลุ800จุด

นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บล.ทิสโก้ กล่าวว่า วันนี้ประเมินดัชนีตลาดหุ้นไทยไว้ที่ระดับ 805 จุด ซึ่งหากผ่านแนวต้านทางเทคนิคที่ระดับดังกล่าวได้ เชื่อว่าภายในเดือนกรกฎาคมนี้ดัชนีจะปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบที่ระดับ 820 จุดได้ เนื่องจากหุ้นไทยมีราคาถูกเมื่อเทียบกับกับตลาดหุ้นภูมิภาคทำให้มีความมั่นใจว่านักลงทุนต่างชาตจะเข้ามาซื้อสุทธิได้อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ บล.ทิสโก้ประเมินดัชนีตลาดหุ้นไทยสิ้นปี2550นี้อยู่ที่ระดับ 850 จุดและปี2551คาดว่าดัชนีจะปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุ 1,000 จุดได้ เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจจะเริ่มปรับตัวดีขึ้น หลังจากที่คาดว่าจะมีการเลือกตั้งได้ภายในปีนี้ ซึ่งการเลือกตั้งในครั้งนี้ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่จะทำให้นักลงทุนมี

ความมั่นใจเข้ามาลงทุนมากขึ้น

“เราเชื่อว่าจะมีการเลือกตั้งได้ทันในปีนี้อย่างแน่นอน ซึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่มีการเลือกตั้งจากประชาชนที่จะนำมาสู่ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง”นายวิวัฒน์กล่าว

กรุงศรีฯปรับเป้าดัชนีเป็น840จุด

บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรีอยุธยา จำกัด ระบุว่า บริษัทได้เป้าหมายดัชนีสิ้นปี 50 เป็น 840 จุดจากเดิม 780 จุด และอาจปรับขึ้นได้ถึงระดับ 930 – 1,000 จุดในช่วงปี 51 เนื่องจากความเสี่ยงทางการเมืองที่ปรับลดลง และอัตราดอกเบี้ยที่ปรับลงอย่างต่อเนื่อง พร้อมปรับมูลค่าพื้นฐานของหุ้นกลุ่มหลัก อย่างกลุ่มพลังงาน และสื่อสารเพิ่มขึ้นจากเดิม จึงส่งผลให้มูลค่าพื้นฐานของ SETเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ปัจจัยบวกที่ทำให้เราคาดว่า SET จะปรับขึ้นไปที่ระดับ 840 – 930 จุดเนื่องจากผลการดำเนินงานของหุ้นในตลาด (อิงหุ้นขนาดใหญ่ 30 ตัวแรก) จะกลับมาขยายตัวอีกครั้งประมาณ 9.2% ในปี 51 หลังจากหดตัวลง -6.8% ในปี 49 และหดตัว -4.2% ในปี 50 ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจคาดว่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี

อย่างไรก็ตาม บริษัทเห็นว่า SET อาจปรับขึ้นได้สูงกว่ามูลค่าพื้นฐานไปที่ระดับ 1,000 – 1,200 จุด หรือซื้อขายที่ระดับ P/E 15 – 17 เท่า เท่ากับตลาดหุ้นภูมิภาค เหมือนกับเมื่อช่วงปี 2546 ที่ SET ปรับสูงขึ้นจนซื้อขายที่ระดับ P/E 14 เท่า โดยความเสี่ยงที่อาจส่งผลให้ SET ไม่สามารถปรับขึ้นไปที่เป้าหมายของเราได้แก่ ปัญหาการเมืองที่อาจกลับมาร้อนแรงอีกครั้งรวมถึงการเลือกตั้งหากต้องเลื่อนออกไปจากกำหนดการณ์เดิมนานกว่า 3 – 6 เดือน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us