NSK มั่นใจเป้ายอดขายทะลุ 3,000 ล้านบาทปีนี้ เหตุโรงงานผลิตลูกปืนเฟส 2 เปิดเป็นทางการส่งผลกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นกว่า 50 % พร้อมเตรียมแผนขยายตลาดเพื่อการส่งออกอีกหลายประเทศ ชี้ปัญหาการเมืองเรื่องเล็กกระทบระยะสั้นมั่นใจหลังเลือกตั้งเศรษฐกิจฟื้นเติบโตฉลุย
นายพรเทพ พรประภา ประธาน บริษัท เอ็น เอส เค แบริ่งส์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าจากนโยบายของบริษัท เอ็น เอส เค ประเทศญี่ปุ่น ที่ต้องการให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อการส่งออกลูกปืนในเขตภูมิภาคอาเซียน โอเซียเนีย รวมถึงแผนการขยายไลน์การผลิตเพิ่มขึ้น บริษัทฯจึงทุ่มทุนกว่า 500 ล้านบาทสร้างโรงงานเฟส 2 ของเอ็น เอส เค แบริ่งส์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) และขณะนี้ได้เปิดไลน์การผลิตอย่างเป็นทางการแล้ว โดยใช้ระยะเวลาการก่อสร้างและติดตั้งเทคโนโลยี เครื่องจักรที่ทันสมัยเป็นเวลากว่า 1 ปี
โรงงานในเฟส 2 นี้ได้เริ่มโครงการเมื่อปี 2549 ด้วยเงินลงทุนประมาณ 506 ล้านบาทและมีขนาดใหญ่กว่าโรงงานเฟส 1 รวมทั้งเครื่องจักรกล และเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่า แต่อย่างไรก็ตามเมื่อรวมทั้ง 2 โรงงานแล้วจะมีไลน์การผลิตถึง 30 ไลน์ โดยในส่วนของโรงงานเฟส 2 นี้จะเพิ่มการผลิตในส่วนของลูกปืนสำหรับล้อรถ และลูกปืนสำหรับปั๊มน้ำรถยนต์ ตามออเดอร์ของทางเอ็น เอส เค ประเทศญี่ปุ่นเพื่อส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ ซึ่งจากเดิมมีฐานการผลิตอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น และได้ย้ายฐานการผลิตลูกปืนล้อรถ เอ็น เอส เค มาที่ประเทศไทยบางส่วน
นายพรเทพ กล่าวต่อว่า ภายหลังการเปิดไลน์การผลิตทั้ง 2 โรงงานแล้ว จะส่งผลให้กำลังการผลิตของลูกปืนเอ็น เอส เค เพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 50 % โดยในปีนี้บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 3,100 ล้านบาท แบ่งออกเป็นการจำหน่ายภายในประเทศ 82 % และส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศ 18 % โดยลูกค้าหลักภายในประเทศ คือ โตโยต้า, อีซูซุ, ฮอนด้า, มิตซูบิชิ และออโต้อัลไลน์แอนต์ รวมถึงภาคอุตสาหกรรมผู้ผลิตเครื่องจักรต่างๆ
สำหรับตลาดส่งออกนั้นในปัจจุบันบริษัทฯได้ผลิตตลับลูกปืนส่งออกไปจำหน่ายในหลายประเทศอาทิ สิงค์โปร, มาเลเซีย,อินโดนีเซีย,ออสเตรเลีย,กลุ่มประเทศแถบอาฟริกาใต้และสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นลูกค้าหลักในการส่งออก รวมถึงประเทศญี่ปุ่นด้วย และในขณะนี้ได้เตรียมแผนการขยายตลาดเพื่อการส่งออกไปยังประเทศ อเมริกาใต้ ,อินเดีย และบราซิล ในอนาคตอันใกล้นี้
ส่วนของเป้าหมายระยะยาวนั้นบริษัทฯเล็งเห็นว่าตลาดการส่งออกยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องและยังมีอีกหลายประเทศที่บริษัทฯเตรียมเปิดตลาดใหม่พร้อมวางแผนที่จะขยายกำลังการผลิตให้เพิ่มสูงขึ้นเพื่อรองรับตลาดการส่งออกในอนาคต
นายพรเทพ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับสภาพตลาดภายในประเทศนั้นมีการชะลอตัวจากปัญหาทางด้านการเมืองไม่นิ่งและยังส่งผลต่อสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ แต่บริษัทฯ เชื่อมั่นว่า เป็นปัญหาระยะสั้นและเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 ซึ่งคาดว่าภายหลังการเลือกตั้งสภาพเศรษฐกิจจะฟื้นตัวและกลับมาเติบโตอีกครั้ง
|