เชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ เพิ่งจะมาร่วมงานกับกลุ่มชินวัตรเมื่อต้นปีนี้
ในตำแหน่งรองกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการของกลุ่ม รับผิดชอบงานด้านการตลาดและการขายอุปกรณ์ด้านโทรคมนาคม
เป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทเอที แอนด์ ที ไดเร็คทอรี่ส์ เจ้าของสัมปทานสมุดโทรศัพท์หน้าเหลืองซึ่งชินวัตรเพิ่งเข้าไปซื้อกิจการมาเมื่อเดือนที่แล้ว
บทบาทที่สำคัญกว่านี้คืองานด้านพัฒนาะรกิจคิดโครงการลงทุนใหม่ ๆ ของกลุ่ม
ว่ากันจริงแล้วเขาคือคีย์แมนคนหนึ่งในโครงการสัมปทานดาวเทียม
น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเขาไม่ใช่ผู้มาใหม่สำหรับชินวัตร หากแต่เป็นลูกหม้อเก่าตั้งแต่ชินวัตรเริ่มต้นธุรกิจคอมพิวเตอร์เมื่อ
8 ปีที่แล้ว
เชิดศักดิ์เป็นนักศึกษาคณะวิศวะกรรมศาสตร์ของจุฬา ฯ เขาได้ทุนของการรถไฟแห่งประเทศไทยไปศึกษาต่อทางด้านเศรษฐกิจศาสตร์การเงินที่
LONDON SCHOOL OF ECONOMICS (LSE) ประเทศอังกฤษ สถาบันที่ไม่เพียงแต่เป็นเลิศทางด้านวิชาการ
หากยังปลูกฝังจิตสำนักในความรับผิดชอบต่อสังคม
ตอนที่เขาไปเรียนที่ LSE ใหม่ ๆ อาจารย์ป๋วย อึ้งภากรณ์ สอนหนังสืออยู่ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
ได้เชิญเขาไปรับประมานอาหารในฐานะศิษย์ LSE ด้วยกัน อาจารย์ป๋วยได้ให้ข้อคิดที่เขาบอกว่ามีอิทธิพลต่อความนึกคิดของเขามาจนถึงทุกวันนี้
"สิ่งที่ท่านสอนก็คือ ถ้าคนเราเกิดมาแล้วไม่ได้ทำประโยชน์ให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมแล้วก็อย่าเกิดมาดีกว่า"
เชิดศักดิ์ทบทวนอดีตที่ยังกระจ่างชัดอยู่ในความทรงจำของเขา
หลังจากจบปริญญาตรีจาก LSE แล้วเขาข้ามทะเลไปเรียนปริญญาโททางคอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัย
ASTON เมืองเบอร์มิงแฮม สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นดีกรีให้เขากลับมาเป็นหัวหน้าฝ่ายคอมพิวเตอร์ของการรถไฟ
ฯ เป็นเวลา 3 ปี
ปี 2526 เชิดศักดิ์ลาออกจากการรถไฟไปทำงานกับชินวัตรในตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป
ปีนั้นเป็นปีแรกที่พตท.ดร.ทักษิณ ชินวัตรตั้งชินวัตรคอมพิวเตอร์ขึ้นมาเป็นตัวแทนขายของไอบีเอ็มมีพนักงานเพียง
8 คน และตัวทักษิณเองก็ยังไมม่ได้ลาออกจากตำรวจมาทำธุรกิจอย่างเต็มตัว
ขึ้นปีที่สามที่อยู่กับชินวัตร ทักษิณส่งเขาไปอบรมหลักสูตร INFORMATION
SERVICE MANAGEMENT ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด การอบรมครั้งนี้เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของเชิดศักดิ์ที่ทำให้เขายกระดับจากนักคอมพิวเตอร์ขึ้นมาเป็นนักวางแผนทางยุทธศาสตร์
ในธุรกิจสารสนเทศซึ่งกำลังเป็นอนาคตของโลกศตวรรษใหม่
กลับจากฮาร์วาร์ด เชิดศักดิ์ออกจากชินวัตรไปเป็นผู้จัดการใหญ่บริษัทฮานา
อินดัสตรี้ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเซรามิคคอนดัคเตอร์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์อยู่
2 ปี แล้วลาออกอีกครั้งหนึ่งไปเป็นกรรมการผู้จัดการของเอทีแอนด์ที (ประเทศไทย)
ที่มีฐานะเป็นตัวแทนของเอทีแอนด์ทีในประเทศไทย
ช่วงเวลาที่เขาอยู่เอทีแอนด์ทีนับว่าสำคัญมากทั้งในแง่การเรียนรู้ธุรกิจโทรคมนาคมจากยักษ์ใหญ่ของโลก
สิ่งที่มีความหมายมากกว่านั้นคือ เขาเป็นสายสัมพันธ์ของทักษิณที่ต่อไปเชื่อมเข้ากับเอทีแอนด์ที
"มีบทสนทนาหนึ่งเกี่ยวกับตัวผมว่า เมื่อก่อนผมกินเงินเดือนเอทีแอนด์ทีแต่ทำงานให้พี่ทักษิณ
ตอนนี้ผมกินเงินเดือนพี่ทักษิณแต่ทำงานให้เอทีแอนด์ที" เชิดศักดิ์ไม่ปฏิเสธว่าตัวเองคือข้อต่อที่สำคัญในความสัมพันธ์ระหว่าง
ชินวัตร กับ เอทีแอนด์ที
ปัจจุบันเอทีแอนด์ทีเป็นซัพพลายเออร์อุปกรณ์โทรคมนาคมให้กับโครงการที่ทางทักษิณได้สัมปทานมาคือ
โครงการดาต้าเน็ทขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย โครงการวางระบบเคเบิ้ลใยแก้ว
โครงการขยายชุมสายโทรศัพท์ทางไกลระหว่างประเทศของการสื่อสารแห่งประเทศไทย
และโครงการร่วมทุนตั้งโรงงานผลิตอุปกรณ์ป้อนให้กับโครงการโทรศัพท์ล้านเลขหมายของซีพี
และอีกหนึ่งล้านเลขหมายที่จะเปิดประมูลต่อไป
การที่ชินวัตรเข้าไปซื้อกิจการสมุดโทรศัพท์หน้าเหลืองของเอทีแอนด์ทีไดเร็คทอรี่ส์ก็เป็นฝีมือของเชิดศักดิ์
ที่มองเห็นจุดอ่อนในช่วงที่ยังเป็นของเอทีแอนด์ที และรู้ว่าธุรกิจนี้ยังมีอนาคตอีกมากถ้าทำเป็น
เขาเป็นคนเจรจากับเอทีแอนด์ทีจนสำเร็จ และเป็นคนวางแผนแก้ไขปัญหาจนสามารถลดการขาดทุนของสมุดโทรศัพท์หน้าเหลืองลงไปได้จำนวนหนึ่ง
ความร่วมมือกันครั้งล่าสุดคือชินวัตรเป็นตัวแทนจำหน่ายคอมพิวเตอร์ เอทีแอนด์ทีเชิดศักดิ์มองการไกลไปถึงการที่เอทีแอนด์ทีเข้าไปถือหุ้นในบริษัทเอ็นซีอาร์
ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในเรื่องตลาดเทอร์มินัลมากที่สุดและมีเครือข่ายการตลาดคอมพิวเตอร์ที่แข็งแกร่ง
"ลองคิดดูว่าทั้งสองบริษัทนี้จะมี PRODUCT RANGE ที่มหาศาลแค่ไหน"
เขากล่าว
ในทางกลับกันเอทีแอนด์ทีแล้ว การจับมือกับชินวัตรผ่านความสัมพันธ์ที่มีกับเชิดศักดิ์คือทางลัดที่จะเข้าสู่ธุรกิจโทรคมนาคมไทยที่ดีที่สุด
"หลัง ๆ มานี้ เอทีแอนด์ที ไม่ค่อยพลาดงานใหญ่ๆ " เชิดศักดิ์ขยายความต่อว่าที่ไม่ค่อยพลาดนั้นเป็นฝีมือของคนไทย
ซึ่งหมายถึงกลุ่มชินวัตรที่มีเขาเป็นจักรกล สำคัญนั่นเอง
ทุกวันนี้บทบาทของชายหนุ่มวัย 38 ปีคนนี้คือการเกิดหาธุรกิจใหม่ ๆ ทางคอมพิวเตอร์และโทรคมนาคมของกลุ่มชินวัตร
ซึ่งนับว่าเป็นส่วนหนึ่งในการวางทิศทางการขยายตัวของกลุ่ม เชิดศักดิ์พูดถึงหน้าที่ของเขาตรงนี้ว่า
"ผมมีส่วนในการช่วยมองการณ์ไกลกว่ามาก ผมเป็นคนสนับสนุนไม่ได้เป็นคนนำ"