แม้ว่าเขาจะหลวมตัวอยู่การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) มาแล้ว 9 ปี แต่เขาก็ทำงานที่นี่ด้วยหัวใจและความภูมิใจกับงานที่ได้ทำไปไม่ว่าใครจะมองปตท.ด้วยสายตาอย่างไร ประเสริฐ บุญสัมพันธ์ นับเป็นคนในองค์กรรัฐวิสาหกิจอย่างปตท.อีกหลาย ๆ คนที่ทุ่มเทและผลักดันงานไม่ด้อยไปกว่าภาคเอกชน
โดยเฉพาะต่อแนวโน้มการแข่งขันในตลาดน้ำมันที่นับวันจะดุเดือดอีกหลายเท่าทวี
เลื่อน กฤษณกรี จึงเซ็นคำสั่งขณะรักษาการผู้ว่าการปตท.แทนอาณัติ อาภาภิรมซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ย้ายประเสริฐจากฝ่ายจัดซื้อน้ำมันและสัญญามาเป็นผู้ช่วยผู้ว่าการตลาด ตำแหน่งที่ว่างมานานเพื่อช่วยเสริมทีมงานด้านตลาด
ที่จริง ประเสริฐฝันอยากจะทำธุรกิจส่วนตัว แต่ดูเหมือนว่าปัจจัยแวดล้อมได้ผลักดันให้เขาตัดสินมาปตท.และเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีบทบาทสำคัญคนหนึ่งของที่นี่
ประสบการณ์ที่ผ่านมาจึงกลายเป็นเครื่องเกื้อหนุนให้เขาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
พอประเสริฐจบวิศวะ ฯ สาขาโยธาจากจุฬา ฯ ก็ไปต่อปริญญาโทบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยยูทาห์
สหรัฐ ฯ กลับมาสมัครงานที่เอสโซ่ในปี 2520 ที่ซึ่งได้เรียนรู้และเข้าใจธุรกิจน้ำมันในประเทศ
"มีคนบอกว่า เอสโซ่เข้ายาก แต่ทำงานง่าย ทีแรกผมไม่เชื่อ " ประเสริฐย้อนความรู้สึกในตอนนั้น
"ที่ว่ายาก เพราะมีคนอยากเข้ามาก แต่ทำงานง่ายเราะเขามีระบบที่ดี เขาจะมีคู่มือการทำงานไว้หมด"
"พอเข้าไป เขาจะอธิบายพื้นฐานธุรกิจ ทุกคนจะได้รับการเทรนว่าให้มุ่งไปในตัวงาน
การประสานงานจึงดี มีการถ่ายเทข้อมูลดี แต่ละคนจะไม่สนใจเรื่องส่วนตัวคนอื่น
ไม่รู้สึกว่าใครเป็นคนของใคร และเชื่อว่าเมื่อทำดีแล้วจะได้ดี จะมีผู้บังคับบัญชาดูแลอีกทีพอปลายปีเขาจะดูว่าแต่ละคนมีศักยภาพโตได้ขนาดไหน
มีจุดเด่นหรือจุดด้อยอะไร ควรจะเสริมอย่างไร"
อยู่เอสโซ่ ประเสริฐเริ่มต้นจากการวางแผนตลาดรวม "ทุกฝ่ายจะส่งข้อมูลมาให้
ซึ่งเขาจะระบุไว้ว่ามีหัวข้ออะไรบ้าง"
จากนั้นก็ย้ายไปดูงานวางแผนปฏิบัติการของคลังที่ช่องนนทรี รับผิดชอบการรับและจ่ายน้ำมัน
รวมไปถึงการผสมน้ำมันเครื่องและจาระบี 2 ปี
แล้วประเสริฐก็ลาออกไปเป็นผู้จัดการตลาดที่บริษัทเบอร์ลี่ยุคเกอร์ เพราะหวังว่าจะไปเรียนรู้กลไกการค้า
ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นทำธุรกิจของตนเองในอนาคต
ที่เบอร์ลี่ ทำให้เขาเข้าใจระบบการค้าระหว่างประเทศเนื่องจากได้เกี่ยวข้องกับขั้นตอนการนำเข้าส่งออกทั้งระบบ
แต่อยู่ได้เพียงปีเดียว ก็ตัดสินใจมาช่วยงานที่ปตท.ตามคำชวนครั้งแล้วครั้งเล่าของ
โสภณ สุภาพงษ์ ซึ่งรับผิดชอบด้านจัดหาและกลั่นน้ำมันในปี 2525
จุดหักที่ทำให้เขาทิ้งเงินเดือน 30,000 บาทมารับแค่ 14,000 บาท ก็ด้วยเหตุผลสำคัญว่าปตท.เป็นองค์กรน้ำมันใหม่ของไทย
จึงควรจะมาช่วยกันสร้าง
ขณะนั้นเป็นช่วงซึ่งปตท.เพิ่งจะลงเสาเข็ม ประเสริฐเข้ามาเป็นผู้อำนวยการกองจัดหาเรือขนส่ง
มีหน้าที่หาเรือมารับน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปที่สั่งซื้อมาจากต่างประเทศจากศรีราชาเข้ากรุงเทพ
พร้อมทั้งรับหน้าเจรจาซื้อขายน้ำมันดิบกับไทยเชลล์
ทั้งกองมีประเสริฐทำงานอยู่คนเดียวเช่นเดียวกับการเริ่มต้นงานด้านอื่น ๆ
ของปตท.ที่มักจะเริ่มต้นด้วยคนแค่หนึ่งหรือสองคน และทำงานกันหามรุ่งหามค่ำ
ทุกอย่างต่างไปจากเบอร์ลี่หรือโดยเฉพาะเอสโซ่ที่เขาเคยอยู่โดยสิ้นเชิง ขาดทั้งคนทั้งข้อมูล
เรียกว่าต้องทุ่มเทกันเป็นพิเศษ
ยิ่งกว่านั้นก็คือเมื่อโสภณซึ่งเป็นมือทองด้านการจัดหาและกลั่นน้ำมันของปตท.และมันสมองสำคัญของร.ท.ศุลี
มหาสันทนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีซึ่งรับผิดชอบด้านพลังงาน พอจะวางแผนหรือเตรียมข้อมูล
โสภณ เป็นคนซึ่งรับนโยบายมาปฏิบัติก็มอบหมายให้ประเสริฐอีกทอด หนึ่ง
ทั้งโสภณและประเสริฐจึงต้องอดตาหลับขับตานอนทำงานกันถึงตีสามสี่เพื่อให้ทันกับความต้องการได้ทันทีในวันรุ่งขึ้น
ต่อมา ประเสริฐได้เลื่อนขั้นมารักษาการผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการขนส่งปี
2526 และเป็นผู้อำนวยการฝ่ายนี้ในปีถัดมา
ชีวิตการทำงานช่วงนี้พูดได้ว่าประเสริฐแทบเป็นเงาตามตัวของโสภณ ประเสริฐเองยอมรับว่าตนได้เรียนรู้ธุรกิจการจัดหา
และกลั่นน้ำมันจากโสภณอย่างมาก ขณะที่โสภณเองก็ชื่นชมประเสริฐอยู่ไม่น้อย
ด้วยเหตุนี้เมื่อโรงกลั่นบางจากได้จดทะเบียนเป็นบริษัท บางจากปิโตรเลียมจำกัดในเดือนพฤศจิกายน
2527 โดยที่ยังคงเป็นรัฐวิสาหกิจ และได้มติพิเศษจากครม.ให้บริหารงานภายใต้โครงสร้างบริษัทจำกัดนั้นโสภณได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการผู้จัดการของบางจาก
ฯ เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2528 ประเสริฐจึงได้รับการชักชวนไปเป็นผู้จัดการบริหารด้วยเพราะช่วยบุกเบิกมาแต่ต้น
แต่ทองฉัตร หงศ์ ลดารมภ์ผู้ว่าการปตท.ตอนนั้นยับยั้งเนื่องจากปตท.คนน้อย
ส่วนจะช่วยงานทางบางจาก ฯ อย่างไรก็ไม่ว่ากัน
หัวเลี้ยวหัวต่อตรงนี้ทำให้ประเสริฐตกอยู่ในสภาวะที่ตัดสินใจยาก เพราะผู้ใหญ่หลายคนต่างก็อยากให้มาช่วยงานรับผิดชอบของตน
ศิรินทร์ นิมมานเหมินท์ รองผู้ว่าด้านบริหารก็อยากได้ตัวเลื่อนซึ่งเป็นรอง
ฯ ด้านตลาดก็ชวนมาช่วยงานด้านขายปลีก
"ที่สำคัญ ทำงานด้านจัดหาไม่นาน รู้สึกว่าตัวเองยังไม่พร้อม"
ประเสริฐให้เหตุผลที่ตัดสินใจไม่ไปไหน ต่อมาเขาจึงมานั่งในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายจัดซื้อน้ำมัน
งานรับผิดชอบซึ่งจะชี้เป็นชี้ตายภาพพจน์ของปตท.ได้ชัด
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายคนอยากได้ประเสริฐไปช่วยงานเนื่องเพราะเป็นลุยและสู้งานสิ่งที่ทำให้เขาโดดเด่นขึ้นมาเพราะ
"เป็นคน CLEAN ทำงานก็ทำจริง ๆ ไม่เกี่ยงว่าผู้บังคับบัญชาจะเป็นใคร
มีเหตุผลมีผล โลกทัศน์กว้าง" แหล่งข่าวซึ่งรู้จักประเสริฐดีสะท้อนภาพกับ
"ผู้จัดการ" โดยเฉพาะกับงานจัดซื้อน้ำมันที่ปตท. เขาต้องจัดซื้อน้ำมันวันละประมาณ
1.7 แสนบาร์เรลต่อวันเพื่อส่งป้อนกลั่นที่บางจากและไทยออยย์ คิดเป็นราว 40
% ของประเทศ ถ้ารวมน้ำมันสำเร็จรูปที่นำเข้าบางส่วนแล้วเป็นเงินสูงรวม 3
หมื่นล้านบาท
องค์กรรัฐวิสาหกิจนั้นมักมีปัญหาเรื่องไม่ชอบมาพากลให้ได้ยินอยู่เสมอ แต่สำหรับงานจัดซื้อน้ำมันที่นี่พูดได้เต็มปากว่าทั้งไทยออย์และบางจาก
ฯ ประสานงานด้วยความสบายใจ
เพราะงานจัดซื้อน้ำมันดิบเข้ามากลั่นไม่เพียงแต่มีคุณธรรมของความซื่อสัตย์สุจริตในหัวใจเท่านั้น
แต่อย่างน้อยราคาต้องไม่แพงกว่าบริษัทคู่แข่งรายอื่นหรือถูกกว่า และต้องให้ผู้ขายยอมรับเครดิตว่าปตท.จะเป็นผู้ซื้อที่ดี
ประเสริฐกล่าวอย่างอิ่มใจกับผลงานในอดีต "มันเป็นงานท้าทาย นึกอยู่เสมอว่า
เงินทองที่เกี่ยวข้องเป็นของคนไทย จึงต้องใช้อย่างคุ้มค่าที่สุด ไม่ให้ใครเอาเปรียบและให้ทุกฝ่ายเชื่อถือ"
เหนืออื่นใด "พูดได้ว่าไม่มีการแทรกแซงเป็นต้น เป็นความภูมิใจกับงานที่เราได้ทำ
สิ่งนี้จะเป็นยาเลี้ยงใจ" นี่กระมังจึงทำให้เขาหลวมตัวอยู่ปตท.มานานจนลืมความฝันของตนเอง
แม้จะมีข่าวลาออกไปทำงานธุรกิจอยู่หลายครั้งก็ตาม
"เมื่อปตท.เป็นผู้ซื้อที่ดีแล้ว ปตท.ควรจะเป็นผู้ขายและเป็น BRAND
ที่ยอมรับในตลาดโลกด้วย" จึงเกิดมีสำนักงานปตท.ที่สิงคโปร์ขึ้น และต่อไปจะเป็นในดูไบ
ตลาดน้ำมันสำคัญอีกแห่งหนึ่งของโลก
เครือข่ายปตท.เหล่านี้ จะเป็นเครื่องมือก้าวไปเป็นผู้ขาย "เพื่อค้าน้ำมันโดยตรง
ซื้อมาขายไป เหมือนผู้ค้าอื่นในโลกก็จะช่วยลดต้นทุน หรือถ้ากำลังกลั่นไม่พอ
ก็อาจจะนำเข้าบ้างหรือจ้างกลั่นบ้าง"
แต่ยังไม่สุดทางฝันในงานจัดซื้อน้ำมัน ประเสริฐก็ต้องมารับงานด้านตลาด โดยดูแลด้านการขายปลีกทั่วไป
ขายรัฐและอุตสาหกรรม น้ำมันอากาศยานรวมไปถึงก๊าซ
ส่วนตัวแล้วเขายอมรับว่าเป็นงานหนัก แต่เมื่อได้รับมอบหมายแล้วก็เรียกว่าต้องสู้สุดความสามารถ
"อาจารย์(เลื่อน)คงเห็นว่า ฝันจะให้ปตท.เป็นผู้ขายในตลาดโลก ตอนนี่อย่าเพิ่งเลย
มาเป็นผู้ขายและช่วยในประเทศก่อนดีกว่าก็ได้นะ"
เพราะคราวนี้ ยังไงเลื่อนก็ต้องดึงตัวมาแน่ หลังจากที่เคยเสนอขอตัวอีกครั้งหนึ่งราวช่วงกันยายน
2533 สมัยผู้ว่าอาณัติ แต่เนื่องจากตอนนั้นยังอยู่ในช่วงวิกฤติอ่าวเปอร์เซียเรื่องจริงคาราคาซัง
การที่เลื่อนใช้อำนาจสั่งการคราวนี้ เพราะเห็นแล้วว่างานตลาดต้องเสริมทีมอย่างหนัก
เพื่อสู้กับคู่แข่งน้ำทันรายอื่นให้ได้ในอนาคตและเห็นว่าประเสริฐมีศักยภาพที่จะช่วยเสริมงานตลาดซึ่งมีสมศักดิ์
ประสงค์ผลเป็นรองผู้ว่าด้านตลาดได้ดีที่สุดคนหนึ่ง
เนื่องเพราะคนทำงานด้านตลาดต้องลุย เผชิญปัญหารอบด้าน กล้าตัดสินใจ ปรับตัวเร็ว
ประเสริฐในวันนี้จึงต้องเปลี่ยนบทบาทจากที่เคยทำงานอยู่กับทีมงานไม่ถึง 20
คน มาคลุกคลีกับเฉพาะทีมขายถึง 350 คน ไม่รวมทีมงานตลาดอื่นอีกเป็นพัน
จากงานที่ติดต่อต่างประเทศ "ต้องยอมรับว่าเดี๋ยวนี้โลกแคบเพราะมีระบบสื่อสารถึงกันได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นที่ไหน ถ้าดีก็มักจะเกิดขึ้นในอีกทีหนึ่งด้วย"
ด้วยประสบการณ์ที่เขาได้คลุกคลีอยู่กับโลกธุรกิจจัดหาน้ำมัน เข้าใจสภาพเศรษฐกิจสถานการณ์น้ำมันโลก
รู้กลไกว่าน้ำมันชนิดใดจะเอามากที่ไหน กลั่นที่ใดได้ผลิตภัณฑ์อย่างไรฐานความรู้เหล่านี้จะเป็นปัจจัยเสริมในการทำงานตลาด
เพราะทำให้ได้ข้าใจงานครบวงจรอย่างชัดเจน "ถ้าน้ำมันไม่พอก็จะเห็นภาพว่าจะเอาจากที่ไหน
ยังไง"
ทุกวันนี้ประเสริฐจึงทำงาน 7 วันต่อสัปดาห์ เสาร์อาทิตย์เขาจะออกพื้นที่ตามจังหวัดต่าง
ๆ เพื่อไม่ให้ขาดการเรียนรู้งานออฟฟิศในวันราชการ
ขณะที่การออกตลาดก็คือการสำรวจและเก็บข้อมูล ให้รู้เขารู้เราเพื่อช่วยกันพัฒนาตลาดปตท.ให้ดียิ่งขึ้น
"ผมว่า เมื่อปตท.ปรับโครงสร้างใหม่ และได้ยกเว้นระเบียบรัฐวิสาหกิจต่าง
ๆ เราคงจะทำงานได้คล่องตัวมากขึ้นและปตท.จะไปได้ไกล ที่นี่มีคนดีอยู่เยอะ
เมื่อมีปัจจัยหนุนเกื้อ ทุกคนก็จะช่วยได้มาก" ประเสริฐกล่าวอย่างมั่นใจกับความพร้อมในการแข่งขันในตลาดน้ำมัน
เพราะเครื่องมือปตท.ไม่ได้ด้อยกว่าบริษัทอื่นเลย ดังนั้นภายใต้เงื่อนไขใหม่
ประเสริฐจึงฝันอยากเห็นปตท เป็นที่หนึ่งในประเทศ
ประเสริฐ ยอมรับว่า "เหนื่อย" กับภาระใหม่