Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน2 กรกฎาคม 2550
ไอ.ซี.ซี.ปรับเกมลดเสี่ยง ชูรายได้สมดุลย์ใน-ตปท             
 


   
www resources

โฮมเพจ-ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล

   
search resources

ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล, บมจ.
บุญเกียรติ โชควัฒนา
Commercial and business




ไอ.ซี.ซี.ฯ ลดความเสี่ยงพิษเศรษฐกิจ เดินนโยบายสร้างความสมดุลทั้งในและนอกประเทศ ฮึดลุยตลาดส่งออกสร้างรายได้ทดแทนในประเทศหดตัว ปรับตัวส่งนวัตกรรมหัวหอกกรุยทางชูคอนเซปต์ “อินโนเวชัน ทู เดอะ เวิลด์” เร่งอัพเกรดบุคลากรพัฒนานวัตกรรมใหม่ หวังสิ้นปีโต 15% จากรายได้ 1.3 หมื่นล้านบาท รับอานิสงส์เศรษฐกิจหดตัว งานสหกรุ๊ปฯคนแห่ซื้อสินค้าราคาถูกเพียบ

นายบุญเกียรติ โชควัฒนา ประธานกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเสื้อผ้า เครื่องสำอาง ฯลฯ เปิดเผยว่า นโยบายของบริษัทนับจากนี้ เน้นการรักษาดุลยภาพระหว่างรายได้จากการส่งออกและรายได้จากภายในประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยงเนื่องจากหากเน้นจำหน่ายภายในประเทศ กรณีที่เศรษฐกิจไม่ดี ธุรกิจก็จะได้รับผลกระทบ แต่หากมีการส่งออกมากเกินไป ก็มีความเสี่ยงต่อการดำเนินธุรกิจ โดยบริษัทจะขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นจาก 35% เป็น 40% ส่วนภายในประเทศ 65% เหลือเป็น 60% ซึ่งจะรักษาไว้ในระดับนี้ สำหรับปัจจุบันบริษัทส่งออกกลุ่มรองเท้าและเสื้อผ้าทำตลาดเท่านั้น

แผนการตลาดบริษัทฯจะเน้นการพัฒนานวัตกรรมในเชิงรุกมากขึ้น ภายใต้คอนเซปต์ “อินโนเวชัน ทู เดอะ เวิลด์” (Innovation to the world) หรือการพัฒนานวัตกรรมใหม่เพื่อรองรับกับความต้องการของโลก ซึ่งเป็นคอนเซปต์ที่บริษัทดำเนินการมา 3-4 ปีแล้ว แต่จากนี้บริษัทเริ่มหันมาพัฒนายิ่งขึ้น โดยเน้นผลิตสินค้าในแบบใหม่ๆ ที่แตกต่างจากสินค้าทั่วไปที่อยู่ในท้องตลาด เพื่อสร้างโอกาสในการขยายตลาดส่งออกและเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันกับสินค้าภายในประเทศ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัท

สำหรับปัจจุบัน ในเครือสหพัฒน์ถือว่ามีภาพลักษณ์การพัฒนานวัตกรรมแค่ในระดับชั้นประถมศึกษาเท่านั้น แต่มองว่านวัตกรรมเป็นส่วนสำคัญที่บริษัทต้องพัฒนาขึ้น เพื่อให้สินค้าไทยสามารถแข่งขันกับสินค้าอื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศ สำหรับการทำตลาดต่างประเทศ การพัฒนานวัตกรรมหรือการมีสินค้าเข้าไปจำหน่ายต้องมีความหลากหลาย การมีเพียงไม่กี่แบรนด์จะทำให้เสียเปรียบทางการตลาด ทั้งนี้เพื่อเร่งพัฒนานวัตกรรมสินค้าในเครือสหพัฒน์ บริษัทได้มุ่งการพัฒนาบุคลากรมาอย่างต่อเนื่อง นำร่องด้วยการจัดประกวดออกแบบนวัตกรรม ซึ่งจัดขึ้นมาแล้ว 3 ครั้งเพื่อส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรด้านการออกแบบรุ่นใหม่

สำหรับผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรก บริษัทมีรายได้ลดลง 10% ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้มาก จากเดิมที่ตั้งไว้ว่ายอดขายจะเติบโตได้ 15% ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยลบทางเศรษฐกิจและปัญหาทางการเมือง ส่งผลให้กำลังซื้อผู้บริโภคลดลงชะลอตัวทั้งในแง่ของการจับจ่าย ความถี่การซื้อสินค้าที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสิ่งนี้เป็นปัญหามากในแง่ของผู้บริโภค แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในครึ่งปีหลังหากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น อาจทำให้ผู้บริโภคเริ่มรู้สึกถึงความชัดเจน และมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น

“ที่ผ่านมาครึ่งปีแรก โดยภาพรวมแล้ว กลุ่มผู้บริโภคงดการใช้จ่าย และไม่กล้าเดินทางไปซื้อสินค้าในห้างสรรพสินค้า ส่วนใหญ่จะซื้อของสินค้าที่มีความจำเป็นต่อชีวิตมากกกว่าการซื้อสินค้าที่สิ้นเปลืองมาตั้งแต่ช่วงต้นปี ทำให้ยอดขายของบริษัทไม่เป็นตามเป้าหมาย”

บริษัทต้องปรับการดำเนินงานใหม่ โดยต้องคิดเร็ว ทำเร็ว รวมถึงจัดแคมเปญส่งเสริมการขายกระตุ้นกำลังซื้อต่อเนื่อง แต่ขณะนี้ไม่สามารถจัดแคมเปญให้ถี่ได้มากนัก เนื่องจากต้องระมัดระวังและดูความเคลื่อนไหวของตลาดด้วยเช่นเดียวกัน ไม่ใช่จะเดินหน้าอย่างเดียวต้องทำงานทุกอย่างให้มีความละเอียดที่สุด

โดยปีนี้บริษัทได้เพิ่มงบทำการตลาดมากกว่าปีที่ผ่านมา และแม้จะมีปัจจัยลบต่างๆ เกิดขึ้น ยังไม่มีแผนปรับลด หรือทุ่มงบพิเศษเพิ่มเติม เพราะต้องการใช้งบทำตลาดที่มีอยู่เดิมให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ส่วนรายได้รวมสิ้นปีนี้หากสามารถผลักดันให้เติบโตได้เพียงเล็กน้อย หรือไม่ติดลบก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจแล้ว จากเดิมที่วางเป้าหมายเติบโต 15% โดยสินค้ากลุ่มเสื้อผ้า และเครื่องสำอางยังเป็นกลุ่มที่สร้างรายได้สูงสุด

อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าวิกฤตการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ยังมองว่าน่าจะดีกว่าวิกฤตเศรษฐกิจในช่วงปี 2540 ที่มีปัญหาเรื่องการเงิน ทำให้ทุกอย่างหยุดชะงักไป ถือเป็นวิกฤตมากช่วงนั้น แต่เมื่อมองในแง่ดี วิกฤตช่วงนั้นจะเป็นโจทย์ที่ทำให้เราต้องแก้ไขปัญหามาได้แล้วช่วงหนึ่ง ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นอีกหนึ่งบททดสอบให้บริษัทและผู้ประกอบการรายอื่นๆต้องคิดแก้เกมกับสถานการณ์ในปัจจุบันอีกครั้ง

นายบุญเกียรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับงาน “Saha Group Export & Trade Exhibition” ซึ่งจัดขึ้นระหว่าง 29 มิถุนายน – 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยปีนี้มีคนจำนวนมากมาซื้อสินค้ามากกว่าทุกปี เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่หดตัว และกำลังการซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง จึงต้องการซื้อสินค้าราคาถูกภายในงานคาดว่าปีนี้จะมีจำนวนกว่า 3 แสนคน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us