"อนุพงษ์ อัศวโภคิน"ออกโรงเตือน ตลาดอสังหาฯระยะข้างหน้า ผู้ประกอบการรายใหญ่ จะครองส่วนแบ่งตลาดทางด้านมูลค่าในตลาดสูงสุด จากปัจจุบันเพียง 10 กว่าบริษัท กินรวบส่วนแบ่งตลาดไปกว่า 60% เหตุบริษัทขนาดเล็ก ไม่ได้รับท่อส่งทางการเงินจากแบงก์ ซ้ำผู้บริโภคเริ่มให้ความสนใจในแบรนด์ พร้อมเดินหน้าปรับเป้ายอดขายจาก 9,000 ล้านบาท เป็น 12,000 ล้านบาท หลังยอดขายคอนโดฯ แบรนด์ ไลฟ์ ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือเอพี เปิดเผยว่า ขณะนี้ประชาชนเริ่มชินกับสถานการณ์ทางด้านการเมืองแล้ว และเชื่อว่าความเชื่อมั่นคงจะไม่ลดลงไปมากกว่าที่เป็นอยู่ และจากปัจจัยดังกล่าวทำให้มีการหันมาซื้อที่อยู่อาศัยกันมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ยอมรับว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์เป็นตลาดของผู้ประกอบการรายใหญ่ เนื่องจากมีการขยายตัวค่อนข้างมาก โดยพบว่ารายใหญ่ในตลาดที่มีอยู่ประมาณ 10 กว่ารายนั้น มีส่วนแบ่งการตลาดทางด้านมูลค่ามากกว่า 60%และคาดว่าจะมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่กลุ่มเหล่านี้มีส่วนแบ่งการตลาดเพียง 20-30% เท่านั้น ที่เป็นเช่นนี้เพราะรายเล็กไม่ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงินและผู้บริโภคไม่ตอบรับ เนื่องจากผู้บริโภคไม่มั่นใจในคุณภาพและหันมาให้ความสำคัญการตราสินค้ามากขึ้น
"ขณะนี้ลูกค้าเร่งตัดสินใจซื้อมากขึ้น โดยปัจจุบันในส่วนของบริษัทนั้นสามารถขายได้สัปดาห์ละ 100ล้านบาทจากเดิมที่มียอดขาย 70-80 ล้านบาท เท่านั้น ส่วนกรณีที่ว่าซิตี้คอนโดฯแข่งขันกันมาก โดยเฉพาะในทำเลรัชดา แต่จากตัวเลขยอดขายมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีสินค้าระดับราคาตั้งแต่ 40,000-70,000 บาท/ตร.ม. แต่สินค้าของบริษัทในระดับราคา 60,000 บาทก็ยังขายดี ในขณะที่ยอดขายของรายเล็กกลับไม่มาก แสดงว่าลูกค้าเลือกที่ แบรนด์สินค้าด้วย"
แม้ว่า ภาวะตลาดจะมีการชะลตัว แต่สำหรับบริษัทกลับมียอดขายที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะจากการขายคอนโดฯในแบรนด์ ไลฟ์ ซึ่งยอดขายในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้บริษัทสามารถทำได้แล้ว 8,800 ล้านบาท ทำให้บริษัทได้ปรับเป้ายอดขายภายในปีนี้จากเดิมต้นปีตั้งไว้ที่ 9,000 ล้านบาท เป็น 12,000 ล้านบาท ส่วนยอดรับรู้รายได้คงไม่เปลี่ยนแปลงมาก เนื่องจากสินค้าที่ทำยอดขายเป็นคอนโดฯ ซึ่งส่วนใหญ่จะสามารถรับรู้ได้ในปี 2552 ดังนั้นยอดรับรู้รายได้ในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 7,000-7,500 ล้านบาท
คาดว่าสถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีหลังนี้น่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก แต่ในส่วนของเอพีนั้นยอดขายคงจะไม่เพิ่มมากนัก เนื่องจากมีการทยอยเปิดตัวไปแล้วตั้งแต่ครึ่งปีแรก โดยสามารถทำยอดขายไปได้แล้วถึง 8,700 ล้านบาท ส่วนยอดรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาสองนี้น่าจะต่ำกว่าไตรมาสแรกเล็กน้อย
นายอนุพงษ์กล่าวต่อว่า สำหรับมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่ขยายค่าลดหย่อนภาษีจากดอกเบี้ยจาก 50,000 บาทเป็น 100,000 บาทนั้น ไม่ได้ทำให้ลูกค้ามีความอยากซื้อบ้านมากขึ้น เพราะลูกค้าไม่สนใจ เนื่องจากมีผลน้อย เพราะส่วนลดที่ได้นั้นไม่มากพอที่จะดึงดูดให้ลูกค้าซื้อเพราะครอบคลุมสินค้าที่ระดับ 1-2 ล้านบาทเท่านั้น
|