Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน27 มิถุนายน 2550
10บริษัทอสังหาฯคุมตลาดหลังรายเล็กขาดเงินพัฒนา             
 


   
search resources

อนุพงษ์ อัศวโภคิน
Real Estate




"อนุพงษ์ อัศวโภคิน"ออกโรงเตือน ตลาดอสังหาฯระยะข้างหน้า ผู้ประกอบการรายใหญ่ จะครองส่วนแบ่งตลาดทางด้านมูลค่าในตลาดสูงสุด จากปัจจุบันเพียง 10 กว่าบริษัท กินรวบส่วนแบ่งตลาดไปกว่า 60% เหตุบริษัทขนาดเล็ก ไม่ได้รับท่อส่งทางการเงินจากแบงก์ ซ้ำผู้บริโภคเริ่มให้ความสนใจในแบรนด์ พร้อมเดินหน้าปรับเป้ายอดขายจาก 9,000 ล้านบาท เป็น 12,000 ล้านบาท หลังยอดขายคอนโดฯ แบรนด์ ไลฟ์ ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือเอพี เปิดเผยว่า ขณะนี้ประชาชนเริ่มชินกับสถานการณ์ทางด้านการเมืองแล้ว และเชื่อว่าความเชื่อมั่นคงจะไม่ลดลงไปมากกว่าที่เป็นอยู่ และจากปัจจัยดังกล่าวทำให้มีการหันมาซื้อที่อยู่อาศัยกันมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ยอมรับว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์เป็นตลาดของผู้ประกอบการรายใหญ่ เนื่องจากมีการขยายตัวค่อนข้างมาก โดยพบว่ารายใหญ่ในตลาดที่มีอยู่ประมาณ 10 กว่ารายนั้น มีส่วนแบ่งการตลาดทางด้านมูลค่ามากกว่า 60%และคาดว่าจะมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่กลุ่มเหล่านี้มีส่วนแบ่งการตลาดเพียง 20-30% เท่านั้น ที่เป็นเช่นนี้เพราะรายเล็กไม่ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงินและผู้บริโภคไม่ตอบรับ เนื่องจากผู้บริโภคไม่มั่นใจในคุณภาพและหันมาให้ความสำคัญการตราสินค้ามากขึ้น

"ขณะนี้ลูกค้าเร่งตัดสินใจซื้อมากขึ้น โดยปัจจุบันในส่วนของบริษัทนั้นสามารถขายได้สัปดาห์ละ 100ล้านบาทจากเดิมที่มียอดขาย 70-80 ล้านบาท เท่านั้น ส่วนกรณีที่ว่าซิตี้คอนโดฯแข่งขันกันมาก โดยเฉพาะในทำเลรัชดา แต่จากตัวเลขยอดขายมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีสินค้าระดับราคาตั้งแต่ 40,000-70,000 บาท/ตร.ม. แต่สินค้าของบริษัทในระดับราคา 60,000 บาทก็ยังขายดี ในขณะที่ยอดขายของรายเล็กกลับไม่มาก แสดงว่าลูกค้าเลือกที่ แบรนด์สินค้าด้วย"

แม้ว่า ภาวะตลาดจะมีการชะลตัว แต่สำหรับบริษัทกลับมียอดขายที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะจากการขายคอนโดฯในแบรนด์ ไลฟ์ ซึ่งยอดขายในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้บริษัทสามารถทำได้แล้ว 8,800 ล้านบาท ทำให้บริษัทได้ปรับเป้ายอดขายภายในปีนี้จากเดิมต้นปีตั้งไว้ที่ 9,000 ล้านบาท เป็น 12,000 ล้านบาท ส่วนยอดรับรู้รายได้คงไม่เปลี่ยนแปลงมาก เนื่องจากสินค้าที่ทำยอดขายเป็นคอนโดฯ ซึ่งส่วนใหญ่จะสามารถรับรู้ได้ในปี 2552 ดังนั้นยอดรับรู้รายได้ในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 7,000-7,500 ล้านบาท

คาดว่าสถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีหลังนี้น่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก แต่ในส่วนของเอพีนั้นยอดขายคงจะไม่เพิ่มมากนัก เนื่องจากมีการทยอยเปิดตัวไปแล้วตั้งแต่ครึ่งปีแรก โดยสามารถทำยอดขายไปได้แล้วถึง 8,700 ล้านบาท ส่วนยอดรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาสองนี้น่าจะต่ำกว่าไตรมาสแรกเล็กน้อย

นายอนุพงษ์กล่าวต่อว่า สำหรับมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่ขยายค่าลดหย่อนภาษีจากดอกเบี้ยจาก 50,000 บาทเป็น 100,000 บาทนั้น ไม่ได้ทำให้ลูกค้ามีความอยากซื้อบ้านมากขึ้น เพราะลูกค้าไม่สนใจ เนื่องจากมีผลน้อย เพราะส่วนลดที่ได้นั้นไม่มากพอที่จะดึงดูดให้ลูกค้าซื้อเพราะครอบคลุมสินค้าที่ระดับ 1-2 ล้านบาทเท่านั้น   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us