|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ กรกฎาคม 2550
|
|
การประชุมประจำปีระหว่างผู้บริหารของโซนี่ ไทย กับดีลเลอร์ทั่วประเทศ เป็นสิ่งที่พบเห็นได้เป็นปกติในแต่ละปี และดูเหมือนปี 2550 งานประชุมเช่นนี้ก็ยังมีให้เห็นกันเช่นเคย
เพราะไม่เพียงแต่เป็นการแถลงความสำเร็จของปีที่ผ่านมา ยังเป็นการบอกเล่านโยบายการขายสินค้าของโซนี่ให้กับผู้ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายให้ทราบทั่วหน้ากันเท่านั้น แต่ยังเป็นการนำเสนอสินค้าใหม่ ที่โซนี่จะนำเสนอให้กับลูกค้าในประเทศไทยนับจากนี้เป็นต้นไปด้วย
สำหรับแบรนด์ญี่ปุ่นอย่างโซนี่แล้ว สินค้าที่เป็นเสาหลักของบริษัท และเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปมี 5 กลุ่มด้วยกัน เริ่มตั้งแต่หมวด จอภาพตามด้วยหมวดกล้องดิจิตอล กล้องแคมคอร์เดอร์ คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก และเครื่องเสียง
ในปีที่ผ่านมาโซนี่ประสบความสำเร็จในการทำตลาดในหลาย กลุ่มสินค้า โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มจอภาพแบบแอลซีดี ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดโดยรวม เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่หันมาใช้ จอภาพโทรทัศน์และคอมพิวเตอร์แบบแอลซีดีกันมากขึ้น โดยขณะที่ลดการใช้จอภาพแบบเดิมอย่าง CRT ที่ทั้งหนัก กินไฟและพื้นที่
เช่นเดียวกับกลุ่มคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ซึ่งโซนี่โดดเด่นและเป็นที่รู้จักในฐานะผู้นำในเรื่องการออกแบบรูปลักษณ์ภายใต้ซับแบรนด์อย่าง "Vaio"
ในปีที่ผ่านมา Vaio ช่วยให้โซนี่แย่งส่วนแบ่งทางการตลาดรวมโน้ตบุ๊กที่มีราคาตั้งแต่ 40,000 บาทขึ้นไปทั้งประเทศกว่า 48 เปอร์เซ็นต์ นับเป็นการตอกย้ำแบรนด์ของ Vaio ซึ่งโซนี่กำหนดเอาไว้ ชัดเจนว่าเป็นแบรนด์ที่มีราคาสูงกว่าโดยเฉลี่ย เมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่นๆ เนื่องจากการออกแบบ วัสดุ และคุณสมบัติของการใช้งาน ที่โดดเด่นขึ้นไปด้วยในเวลาเดียวกัน
จนถึงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โซนี่ ประเทศไทย ทำรายได้มากถึง 15,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตแบบ double digits ของโซนี่ในปีที่ผ่านมา
งบการตลาดที่เพิ่มขึ้นอีกกว่า 20 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา หรือประมาณ 1,200 ล้านบาท จึงถูกใช้ไปกับการทำตลาด ที่มากขึ้นในปีนี้อย่างปฏิเสธไม่ได้ ทั้งการใช้ไปกับการสนับสนุนตัวแทนจำหน่าย ซื้อสื่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ และอื่นๆ
โดยเน้นไปที่การทำการตลาดเพื่อจับกลุ่มฐานลูกค้าของโซนี่ยังเป็นเช่นเดิมคือกลุ่มที่มีอายุระหว่าง 30-40 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มวัยทำงาน ขึ้นไปก่อนใครอื่น ก่อนไล่ระดับความสนใจไปที่กลุ่มวัยรุ่นที่มีอายุน้อยลง ที่โซนี่พบว่า การออกแบบสินค้าที่มีสีสันสวยงามมากกว่าการคงเอกลักษณ์เป็นพื้นฐานธรรมดาอย่างขาวและดำ เป็นสิ่งที่จูงใจ กลุ่มวัยรุ่นเหล่านี้ได้มากขึ้น
แต่ไม่ว่าโซนี่จะเปิดตัวสินค้าตัวไหนเพื่อเข้ามาทำตลาดในไทย ในปีนี้ แถลงนโยบายแบบไหนกับดีลเลอร์และบอกว่าจะมุ่งความสนใจ ไปที่กลุ่มเป้าหมายแบบไหนก็ตาม สุดท้ายก็เพื่อให้สิ้นปีหน้าได้มี โอกาสบอกว่า รายได้ของโซนี่นั้นเติบโตไปได้มากแค่ไหน...นั่นเอง
|
|
|
|
|