ม.ล. ตรีทศยุทธ เทวกุล หรือหม่อมตรี สถาปนิกหนุ่มผู้ร่ำรวยอารมณ์ศิลป์
รักธรรมชาติ และทรัพย์สินเงินทองตัดสินใจขาย "ภูเก็ตยอช์ทคลับ "
ที่เขาเพียรสร้างมากว่า 6 ปีให้แก่นักธุรกิจข้ามชาติอย่างบริษัทเฟิร์สแปซิฟิคแลนด์แอนด์พาร์ทเนอร์ของกลุ่มเฟิร์สแปซิฟิคออย่างชนิดที่ใครก็คาดไม่ถึง
แตสำหรับคนในวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ย่อมเข้าใจได้ว่าเขาซื้อภูเก็ตยอซ์ทคลับเป็นการเคลื่อนไหวตามแผนการยุทธศาสตร์
ในการเข้าตลาดหุ้นกรุงเทพของกลุ่มเฟิร์สแปซีฟิคที่ชาญฉลาดไม่เบา
หม่อมตรีปลุกปั้นภูเก็ตยอช์ทคลับมาตั้งแต่ปลายปี 2528 จากแรงบันดาลใจที่เขาเป็นคนรักธรรมชาติที่เกาะภูเก็ตอย่างมาก
เขากล่าวว่าแม้บ้านเกิดของเขาจะอยู่ในกรุงเทพและไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่ตัวยังเล็กๆ
แต่พอกลับมาอยู่ที่เมืองไทยแล้วเขาชอบใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่ภูเก็ตมีบ้านพักตากอากาศส่วนตัวก่อนที่จะนำไปสู่การลงรากฐานทางธุรกิจที่นั้น
" ผมชอบทะเล ชอบภูเขาที่ไม่ขึ้นไปเชียงใหม่เชียงรายเหมือนคนอื่นก็เพราะว่ามีแต่ภูเขาแต่ไม่มีทะเลทั้งสองอย่าง
คนจะรู้สึกกลัวทะเลถ้าไม่เข้าใจมันความจริงทะเลมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ทะเลยามที่มีคลื่นแรงจะเป็นอีกแบบหนึ่งยามที่ไม่มีคลื่นก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง
หรือเวลาที่มีคลื่นใต้น้ำก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง แม้ทั้งสี่ของมันแต่ละโมงยาม
ยามเช้าเป็นสีหนึ่ง กลางวันอีกสีหนึ่งยามค้ำเป็นอีกสีหนึ่ง ธรรมชาติของมันมีการเปลี่ยนแปลลงเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
ต่างกับภูเขาซึ่งไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง รูปร่างของมันเคยเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น
ตลอดชาติ" หม่อมตรีพูดถึงความชอบของเขา
ในด้านผลงานในวิชาชีพสถาปนิกผลงานของเขาในนามบริษัทโมเบลส์เคยเคยได้รับการคัดเลือกจากสมาคมสถาปนิคสยามเมื่อเขามาอายุ
20 ปี เศษไม่ว่าจะเป็นการออกแบบหอศิลป์พีระศรี สถานทูตอินเดีย วิทยุเพลสทาวเฮาส์
หรือกระทั้งล่าสุดอาคารใบหยก ซึ่งได้ชื่อว่าสูงที่สุดในกรุงเทพ ทั้งรูปทรงโครงสร้างการใช้สีก็เป็นที่ฮือฮามากที่เดียว
ในระหว่างที่มาการถกเถียงทางความคิดอยู่ว่าสถาปนิคผู้ซึ่งมีวิชาชีพอิสระสมควรที่จะกระโดดเข้าทำโครงการเอง
หรือไม่เพราะว่าฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยบอกว่าจะทำให้เสียความเป็นอิสระ หรือไม่เมื่อผลประโยชน์หรือกำไรที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับในการออกแบบนั้นๆ
สถาปนิคหลายคนกระโดดเข้าลงทุนเสียเองด้วยเหตุผลทางธุรกิจเพียงอย่างเดียวแน่นอนอาจเป็นเรื่องที่ไม่สมควร
สำหรับหม่อมตรีแล้วเข้าได้ตัดสินใจทำโครงการภูเก็ตยอช์ทคลับของเขาขึ้นมาเมื่อปี
2528 ด้วยเหตุผลที่เขารักธรรมชาติ และต้องการรักษาธรรมชาติที่เขาชอบนั้นเอาไว้ด้วยการออกแบบห้องให้สอดคล้อง
และดำรงสภาพแวดล้อมเดิมไว้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ โดยร่วมลงทุนกับกลุ่ม
ยูไอซี กลุ่มธุรกิจในเครือข่ายของเฟิร์สแปซิฟิคที่เกิดขึ้นจากการเข้าซื้อหุ้นใหญ่ของซาลิมกรุ๊ปของลิมซูเหลียงจากชาวสิงคโปร์
อันที่จริงพัฒนาการทางความคิดนี้ได้เริ่มมาตั้งแต่การทำบ้านพักตากอากาศส่วนตัวสู่การสร้างสถานที่พักตากอากาศที่สามารถรับลูกค้าทั่วไปด้วย
โดยเขาให้ทางคลับเมดคลับเพื่อคนท่องเที่ยวพักผ่อนแห่งฝรั่งเศสที่สาขาอยู่ทั่วโลกเข้ามาบริหาร
คลับเมดภูเก็ตออกแบบให้เป็นฮอลิเดย์รีสอร์ตขนาด 100 กว่าห้อง เปิดรับสมาชิกที่เดินทางมาจากทุกสารทิศทั่วโลก
ความสุขของหม่อมตรี คือ ได้สร้างแบบสถานที่พักตากอากาศตามความฝันของเขาแล้วก็ให้คลับเมดเป็นผู้ดำเนินการบริหารในด้านหนึ่งนั้น
เพราะเขาไม่ถนัดในเชิงธุรกิจ ในขณะที่คลับเมดเป็นองค์กรที่มีสมาชิกอยู่ทั่วโลก
นอกจากจะเป็นการเผยแพร่ความสวยงามของประเทศไทยออกไปได้เร็วแล้วมันยังง่ายกว่าที่เขาจะมาวิ่งหาลูกค้าเสียเอง
"ผมเป็นสถาปนิกแต่ก็ต้องมองแนวคิดทางด้านธุรกิจออก เมื่อฐานะอย่างเราไม่อาจจะไปยับยั้งการทำลายธรรมชาติอันสวยงามได้ด้วยการไปจับคนที่กระทำผิดมาลงโทษ
หรือออกกฎหมายให้เพิ่มโทษคนทำผิดให้หนักขึ้นได้ ฉะนั้นสิ่งที่ผมทำไปนั้นเป็นการใช้ความรู้ด้านสถาปนิกรักษาสภาพธรรมชาติในขณะเดียวกันก็ให้เกิดความสำเร็จในเชิงธุรกิจ
เมื่อมีคนทำสำเร็จคนอื่น ๆ ก็จะทำตาม อย่างนี้ก็ถือว่าเป็นการรักษาธรรมชาติที่สวยงามทางอ้อมไปด้วย"
หม่อมตรีเคยกล่าวถึงเหตุผลที่ลงทุนสร้างคลับเมดขึ้นมา
ภูเก็ตยอช์ทคลับ ถูกปั้นขึ้นมาในแนวเดียวกันจากธรรมชาติเชิงเขาบริเวณหาดไนหานบนเกาะภูเก็ต
อันเป็นเนินเขาที่รับกับชายหาดอันสวยงามมันเป็นโรงแรมแบบรีสอร์ทระดับ 5 ดาว
มีห้องพัก 100 กว่าห้อง โดยเน้นการออกแบบให้ห้องสอดรับกับธรรมชาติและสามารถชมและรับกลิ่นอายจากทะเลได้ทุกห้อง
จนได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารเอ็กคลูซีฟทาเวลเลอร์ นิตยสารชั้นนำในด้านการท่องเที่ยวของคนระดับสูงของอังกฤษ
ให้เป็นอันดับ 3 ของโลกประเภท OUT OF CITY HOTEL
ภูเก็ตยอช์ทคลับถูกปั้นขึ้นมาอีกหลังจากนั้นไม่นาน 2 ปีต่อมาหลังเปิดดำเนินการในปี
2529 หม่อมตรีก็นำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อปลายปี 2532 โดยมีราคาพาร์
10 บาทและราคาอันเดอร์ไรท์หุ้นละ 37 บาท หลังจากเข้าตลาดแล้วราคาก็ไต่อยู่ในระดับ
30-40 บาทจนถึงกลางปีนี้ ก่อนที่หม่อมตรีและกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ชาวฮ่องกงจะขายให้แก่กลุ่มเฟิร์ส
แปซิฟิคเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาในราคา 75 บาท โดยมีบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์นิธิภัทรเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
ณรงค์ ปัทมะเสวี กรรมการผู้จัดการบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์นิธิภัทรนั้น มีลูกค้าเก่าแก่ตั้งแต่สมัยเขาทำงานอยู่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ซิตี้ครอป
ชื่อ บริษัทภูเก็ตยอช์ทคลับ จึงรู้จักสนิทสนมกับหม่อมตรี ผู้เป็นเจ้าของเป็นอย่างดี
ในขณะเดียวก็มีเพื่อนรุ่นพี่ชื่อ วินัย พงศธร ผู้จัดการทั่วไปบริษัท เฟิร์ส
แปซิฟิค แลนด์แอนด์พาร์ทเนอร์ตั้งแต่เรียนอยู่โรงเรียนอัสสัมชัญบางรัก และผู้ถือหุ้นในนิธิภัทรเองคนหนึ่งก็
คือ อนันต์ อัศวโภคิน เจ้าของบริษัทแอตแลนติคที่เข้ามาซื้อร่วมกันนั่นเอง
ในด้านของผู้ซื้อนั้น ณรงค์ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงินบอกว่า ราคาขนาดนี้ถือว่าถูกมากเพื่อราคาเฉลี่ยต่อห้องพักตกประมาณ
2 ล้านกว่าบาทเท่านั้นเอง ในขณะที่สร้างขึ้นมาใหม่ ต้นทุนจะตกถึงห้องละ 4-5
ล้านบาทจึงสนใจที่จะลงทุน
ในขณะเดียวกัน กลุ่มผู้ซื้อก็ยังสามารถขยายงานออกไปได้อีกมาก โดยเฉพาะในธุรกิจโรงแรมซึ่งผู้ร่วมทุนทั้งสองฝ่ายต่างก็เพิ่งจะจับเป็นแห่งแรกแล้วก็ใช้ชื่อภูเก็ตยอช์ทคลับขยายไปสู่แหล่งท่องเที่ยวอื่น
ๆ ที่น่าสนใจต่อไปได้
"อันนี้เป็นข้อตกลงร่วมกันของผู้ลงทุนว่า ถ้าจะทำธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทต่อไปก็จะใช้ภูเก็ตยอช์ทคลับทำ"
ณรงค์กล่าว
การซื้อขายเพิ่มขึ้นเมื่อผู้ถือหุ้นฝ่ายฮ่องกงต้องการขายในขณะที่ผู้ลงทุนใหม่คิดว่าถ้าจะซื้อก็ต้องมีหุ้น
50-60% ก็เลยเกิดการเจรจาขึ้นกับหม่อมตรี
ในมุมของหม่อมตรีนั้นก็ต้องการให้มีการขยายภูเก็ตยอช์ทคลับออกไปให้กว้างมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
ๆ แล้วก็เลยตัดสินใจขาย อาจเป็นเพื่อเป็นการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม และธรรมชาติในทางอ้อมอย่างที่เขากล่าวก็ได้
ตัวอย่างจากการที่เขาลงทุนไปก่อนแล้วหน้านี้ในการซื้อที่ดินใกล้เคียงเพิ่มขึ้น
ซื้อที่ดินที่พัทยา การทำโรงแรมแบบเมืองโบราณที่เชียงราย และแผนงานที่จะสร้างโรงแรมทำนองเดียวกันขึ้นอีกที่กรุงศรีอยุธยา
"คือในเชิงธุรกิจท่านมองออก แต่ก็ไม่ถนัดที่จะทำ แต่ถ้าเผื่อว่าจะมีนักลงทุนที่ท่านเชื่อใจด้วยความที่รู้จักคุ้นเคยกันดีเข้ามาสานต่อไป
ผมคิดว่าเป็นความสุขของท่านมาก" ณรงค์ กล่าวถึงความสำเร็จในการเจรจาซื้อของเขา
ซึ่งนอกจากจะใช้ความสัมพันธ์อันยาวนานที่มีต่อกันแล้วก็ต้องเข้าใจถึงความต้องการผู้ที่ได้ชื่อว่าปั้นมันขึ้นมาด้วย
แต่อย่างไรเสีย หม่อมตรีก็ได้ทั้งความสุขที่ได้ปั้นฝันขึ้นมาเป็นความจริงและก็ได้เงินไปมากด้วย