Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์25 มิถุนายน 2550
จัดสรรโซนเหนือรอวันคืนชีพหวังเกาะ“รถไฟฟ้าสายสีแดง”โต             
 


   
search resources

Real Estate




- ทำเลโซนเหนือ รอวันรถไฟฟ้าสายสีแดงพลิกชีวิต
- ชี้เศรษฐกิจตก ทำย่านรังสิตเปลี่ยนจาก “ทำเลโต” เป็น “ทำเลตาย”
- จับตา รังสิต กลับมาฮอตอีกครั้ง หลังรถไฟฟ้าสายสีแดงพาดผ่าน

ในยุคก่อน “รังสิต” เป็นทำเลที่ดีเวลลอปเปอร์นิยมไปพัฒนาโครงการมากที่สุด โดยอาศัยความสะดวกสบายในการเดินทางด้วยถนนพหลโยธิน และทางยกระดับโทลล์เวย์เป็นจุดขาย แต่เมื่อเวลาผ่านไป ภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำได้พลิกเปลี่ยนให้รังสิตกลายจาก “ทำเลโต” เป็น “ทำเลตาย” เพียงชั่วระยะเวลาไม่กี่ปี และเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวในปี 2546-2547 บ้านจัดสรรในโซนรังสิตก็กลับมาฟื้นคืนชีพเพียง 2-3 ปีเท่านั้น ก่อนจะก้าวเข้าสู่ยุคมืดอีกครั้ง เพราะราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น เป็นต้นเหตุหลักที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อบ้านจัดสรรในย่านนี้

แหล่งรวมบ้านจัดสรรราคาถูก

รังสิตเป็นทำเลของบ้านจัดสรรที่มีมานานกว่า 20 ปี โดยในอดีตดีเวลลอปเปอร์จะใช้การคมนาคมที่สะดวกสบายเป็นจุดขายในการโฆษณาโครงการ ทั้ง ถ.พหลโยธิน, ถ.วิภาวดีรังสิต, ทางยกระดับโทลล์เวย์ รวมทั้ง ถ.วงแหวนรอบนอกที่เกิดขึ้นใหม่ในระยะหลัง อีกทั้งผังเมืองยังไม่เคร่งครัดมากเท่าในบางทำเล และในสมัยแรกๆ ราคาที่ดินยังถูก ทำให้ต้นทุนการพัฒนาโครงการต่ำ จึงเอื้อต่อการพัฒนาโครงการจัดสรรได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบ้านราคาถูก ซึ่งพบเห็นได้มากมายหลายโครงการในย่านนี้ เช่น ทาวน์เฮาส์ราคา 7-8 แสนบาท

บูมตามภาวะเศรษฐกิจ

ยุคบูมของทำเลรังสิตแยกได้เป็น 2 ยุค ซึ่งการบูมแต่ละครั้งจะเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่ขึ้นลง ช่วงบูมครั้งแรกอยู่ในช่วงก่อนปี 2540 ตั้งแต่สมัยนายกรัฐมนตรีชาติชาย ชุณหวัณ ที่เป็นยุคของการเก็งกำไรที่ดิน มีการซื้อขายที่ดินอย่างคึกคัก ทำให้ราคาที่ดินในย่านรังสิต บริเวณ ถ.รังสิต-นครนายก จากเดิม 3,000-4,000 บาทต่อ ตร.วา ปรับเพิ่มเป็น 10,000 บาทต่อ ตร.วา แต่เมื่อเกิดวิกฤตฟองสบู่แตกเมื่อปี 2540 ทำให้ภาวะการซื้อขายที่ดินของรังสิตตกฮวบ ราคาจึงปรับลดลงมาอยู่ที่ 6,000-7,000 บาทต่อ ตร.วา และเมื่อเศรษฐกิจจะฟื้นตัวในปี 2543 ราคาก็ปรับเพิ่มขึ้นอีก 2-3% จนถึงช่วงปี 2546-2547 ที่อสังหาริมทรัพย์บูมสุดขีด ราคาที่ดินก็ปรับเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 4-5% มาอยู่ที่ 10,000 บาทต่อ ตร.วา เท่าในยุคบูมครั้งแรกอีกครั้ง แต่ครั้งเป็นการปรับเพิ่มจากดีมานด์การซื้อขายที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการมากกว่าการแห่ซื้อเก็งกำไรเหมือนในยุคแรก

พัฒนาเกาะแนวรังสิต-นครนายก

หากสังเกตโครงการจัดสรรในย่านรังสิตจะพบว่า จุดศูนย์กลางของการพัฒนาในยุคแรกๆ ตั้งแต่ปี 2533-2534 อยู่บน ถ.รังสิต-นครนายก ฝั่งใต้ ซึ่งเป็นฝั่งที่เลียบคลองรังสิตประยูรศักดิ์ เนื่องจากราคาที่ดินถูกกว่าฝั่งเหนือที่ไม่ติดคลอง โดยเริ่มจากช่วงคลองต้นๆ ตั้งแต่คลอง 1 ที่อยู่ใกล้สี่แยกที่ตัดกับ ถ.พหลโยธินมากที่สุด ก่อนจะกระจายไปถึงคลอง 17 และมีการพัฒนาทะลุอีกฝั่งที่เชื่อมไปถึง ถ.ลำลูกกา โดยการพัฒนาในช่วงแรกจะเป็นบ้านราคาถูก เช่น ทาวน์เฮาส์ 7-8 แสนบาท บ้านเดี่ยว 2.5-3 ล้านบาท ซึ่งได้รับการตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดี สามารถรองรับคนที่ทำงานในย่านใกล้เคียงได้ด้วย เช่น วิภาวดี ดอนเมือง ไปจนถึงนิคมอุตสาหกรรม ทำให้มีดีเวลลอปเปอร์แห่เข้าไปพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่องในยุคนั้น

บ้านแพงบูมทำเลรอบ 2

เมื่อเข้าสู่ยุคภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในปี 2540 ทำให้บ้านจัดสรรในย่านรังสิตที่มีการแข่งขันสูงเข้าสู่ภาวะซบเซาตามไปด้วย ทำให้บางโครงการที่ขายไม่หมดถูกทิ้งร้างและเหลือขายมาจนถึงทุกวันนี้ จนเมื่อเศรษฐกิจถึงคราวฟื้นตัวในช่วงปี 2546-2547 กลายเป็นยุคบูมของอสังหาริมทรัพย์อีกครั้งหนึ่ง แต่คราวนี้เปลี่ยนมาเป็นกระแสพัฒนาบ้านราคาแพงแทน โดยเป็นบ้านราคา 3 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งมีการพัฒนาออกมาจำนวนมาก จนเกิดภาวะโอเวอร์ซัปพลายตามมา ในขณะเดียวกันเวลาที่ผ่านไปทำเลรังสิตเองก็มีการพัฒนามากขึ้น เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง เรียกว่า กลายเป็นทำเลที่มีศักยภาพในแง่ Self Contain Community เป็นเมืองที่มีความสมบูรณ์ในตัวเอง สามารถเป็นอีกหนี่งจุดขายได้

แหล่งข่าวในวงการอสังหาริมทรัพย์ ตั้งข้อสังเกตว่า ทำเลรังสิตไม่เหมาะสมที่จะพัฒนาบ้านราคาแพง เพราะชุมชนเดิมที่แวดล้อมก็เป็นบ้านราคาถูก ทำให้ดีเวลลอปเปอร์ที่มีการพัฒนาบ้านในระดับดังกล่าวไม่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการ เนื่องจากไม่ใช่การพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ตรงกับดีมานด์ของพื้นที่

แหล่งข่าวกล่าวว่า จนถึงเวลานี้รังสิตก็ยังไม่ใช่ทำเลสำหรับพัฒนาบ้านแพง เห็นได้จากขณะนี้โครงการส่วนใหญ่ที่ขายได้ คือ ทาวน์เฮาส์ราคา 1-1.5 ล้านบาท บ้านแฝดราคา 2-2.2 ล้านบาท ซึ่งเจาะกลุ่มคนระดับกลาง-ล่าง ในขณะที่บ้านเดี่ยวราคา 2.7 ล้านบาท กลับขายได้ยาก

ดีเวลลอปเปอร์ปรับตัวทำบ้านถูก

ด้านดีเวลลอปเปอร์ที่ยึดทำเลรังสิตเป็นฐานที่มั่นในการพัฒนาโครงการอย่าง เอ็น.ซี เฮ้าส์ซิ่ง ก็มีปรับแผนหันมารุกตลาดบ้านราคาถูกมากขึ้น โดยสมเชาว์ ตัณฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ยอดขายที่ผ่านมาชะลอตัวลง 5-10% ตามภาวะตลาดรวม ซึ่งบริษัทฯ ได้ปรับตัวหันมารุกตลาดกลาง-ล่างมากขึ้น จากเดิมที่เน้นตลาดกลาง-บน โดยเป็นทาวน์เฮาส์ราคาตั้งแต่ 8 แสนบาท ในสัดส่วน 15% จากเดิม 10% รวมถึงบ้านแฝดระดับราคาล้านต้นๆ 15% และบ้านเดี่ยวระดับราคา 2-3 ล้านบาท ในสัดส่วน70%

ขยายทำเลพัฒนาฝั่งเหนือ-ลำลูกกา

เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวในรอบหลัง การพัฒนาโครงการใหม่ๆ จะไม่เกินไปจากช่วงคลอง 7 เนื่องจากอยู่ไกลเกินไป แต่โครงการเก่าในฝั่งใต้ ทั้งอยู่ติดถนนใหญ่ เข้าซอยซึ่งสามารถทะลุไปถึง ถ.ลำลูกกาได้ ก็ยังเป็นซัปพลายที่นำมาขายในช่วงนี้ได้อีกครั้ง ซึ่งเมื่อ มี ถ.วงแหวนรอบนอกตัดเชื่อม ถ.รังสิต-นครนายกและ ถ.ลำลูกกา ในช่วงคลอง 5 ก็ทำให้การเดินทางสะดวกยิ่งขึ้น แต่สังเกตได้ว่า การพัฒนาโครงการใหม่ในย่าน ถ.วงแหวนรอบนอกยังไม่คึกคักนัก เนื่องจากยังมีซัปพลายบน ถ.รังสิต-นครนายกเหลือขายอีกมาก

ด้านถนนรังสิต-นครนายกฝั่งเหนือ เริ่มมีการพัฒนามากขึ้น หลังจากริมถนนฝั่งซ้ายมีการใช้ที่ดินพัฒนาหมดแล้ว ซึ่งดีเวลลอปเปอร์แก้ปัญหาที่ดินริมถนนที่มีราคาแพงถึง 30,000-40,000 บาทต่อ ตร.วา ด้วยการซื้อที่ดินในซอยที่มีราคาถูกกว่ามาพัฒนาแทน เช่น พฤกษาฯ ที่พัฒนาทาวน์เฮาส์และบ้านแฝด แม้จะต้องเข้าซอยลึก แต่ก็แก้ปัญหาด้วยการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกภายในหมู่บ้านอย่างครบวงจร เช่น รถสองแถว มินิมาร์ท

น้ำมันแพงฉุดตกต่ำรอบ 2

นับจากวิกฤตน้ำมันแพงตั้งเค้าอย่างชัดเจนตั้งแต่ปี 2549 ส่งผลให้ยอดขายโครงการบ้านจัดสรรในรังสิตตกต่ำลงทันที จากข้อด้อยที่เป็นทำเลซึ่งอยู่ไกลจากซีบีดีเกือบ 40 กม. อีกทั้งยังไม่มีระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่เพื่อขนคนเข้าสู่เมือง ทำให้การเดินทางต้องอาศัยรถยนต์เป็นหลัก ซึ่งเมื่อราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นจนไม่สามารถแบกรับไหว ทำให้ผู้ที่คิดอยากจะซื้อบ้านที่รังสิต เปลี่ยนใจไปซื้อคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองที่มีราคาเท่ากันแทน เพื่อหนีปัญหาการจราจรที่ติดขัด และยอดขายที่ตกต่ำอย่างรุนแรง ทำให้ดีเวลลอปเปอร์บางรายขาดสภาพคล่องอย่างหนัก ถึงขั้นประกาศขายโครงการ

รอสายสีแดงปลุกรังสิตฟื้น

วสันต์ คงจันทร์ รองกรรมการผู้จัดการ เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ กล่าวว่า หากรัฐบาลมีการผลักดันโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงได้สำเร็จ จะทำให้อสังหาริมทรัพย์ในโซนรังสิตกลับมาบูมได้อีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการเก่าๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการในแนวราบ ที่ขณะนี้มีซัปพลายกว่า 50,000 ยูนิต ในจำนวนกว่า 150 โครงการ และอยู่บน ถ.รังสิต-นครนายก เป็นส่วนใหญ่สถานีปลายทางของรถไฟฟ้าสายสีแดงจะอยู่บริเวณฝั่ง ถ.รังสิต-ปทุมธานี ซึ่งปัจจุบันมีการพัฒนาโครงการไม่มากนัก เนื่องจากเป็นพื้นที่รับน้ำ แต่หากมีการพัฒนาตามแนวรถไฟฟ้าเหมือนปัจจุบัน วสันต์ คาดว่าจะทำให้ราคาที่ดินบริเวณดังกล่าวปรับเพิ่มอีก 10-20% แต่ราคาจะไม่ปรับขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะซัปพลายเก่าที่เหลือขายในตลาดยังมีอีกมาก ไม่จำเป็นที่ดีเวลลอปเปอร์จะต้องเร่งซื้อที่ดินใหม่ เพื่อพัฒนาโครงการเพิ่ม

ทั้งนี้ทิศทางการพัฒนาจะเป็นอย่างไร คงต้องรอดูผังเมือง จ.ปทุมธานีที่กำลังจะออกมาใหม่หลังจากหมดอายุเมื่อ เม.ย. 49 ว่าจะมีการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างไร

สมเชาว์ ตั้งความหวังว่า “หากมีการผลักดันรถไฟฟ้าสายสีแดงสำเร็จ เชื่อว่าจะทำให้ทำเลรังสิต และการซื้ออสังหาริมทรัพย์แนวราบกลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่ง เพราะรถไฟฟ้ามีส่วนช่วยให้การเดินทางสะดวกขึ้น ทำให้ฝันของคนส่วนใหญ่ที่อยากมีบ้านเดี่ยวเป็นจริง คนจะเปลี่ยนใจกลับมาซื้อบ้านเดี่ยวเหมือนเดิม เพราะได้พื้นที่ใช้สอยมากกว่าในราคาเท่ากันเมื่อเทียบกับซื้อคอนโดมิเนียมใจกลางเมือง”

แต่ความหวังทั้งหมดจะค่อยๆ เป็นความจริงก็ต่อเมื่อความคืบหน้าของการก่อสร้างมีความชัดเจน ซึ่งดีเวลลอปเปอร์ที่มีสายป่านยาวพอ ยอมอดทนรอเวลาลงทุนในจังหวะที่เหมาะสมเท่านั้น ที่จะได้เก็บเกี่ยวยอดขายจากทำเลรังสิตที่จะเข้าสู่ยุคบูมอีกครั้งเป็นรอบที่ 3   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us