Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์25 มิถุนายน 2550
CPวาง 4 ยุทธศาสตร์กิบรวบในเอเชียเล็งปั้นพืชสายพันธ์ใหม่ให้“3ประเทศ”ทำ R&D             
 


   
www resources

โฮมเพจ เครือเจริญโภคภัณฑ์

   
search resources

เครือเจริญโภคภัณฑ์
Agriculture




ซีพีเชื่อปีนี้พืชพลังงานยังมาแรงเร่งศึกษาวิจัยให้มากขึ้น เล็งลงทุนทำ R&D ในประเทศ “เวียดนาม-จีน-อินเดีย”ให้ได้สายพันธุ์ที่ดีขึ้น ขณะที่ “เจียไต๋” คาดปีนี้ส่งออกยังขยายตัวได้ดี 10-15 % แต่เผชิญปัญหาในประเทศถูกขโมยสายพันธุ์สูญเงินลงทุนปรับปรุงสายพันธ์กว่าปีละ 100 ล้านพร้อมวาง 4 ยุทธศาสตร์กินรวบในทวีปเอเชีย

เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือที่รู้จักในนาม “ซีพี” ยักษ์ใหญ่ด้านธุรกิจการเกษตรในประเทศไทย ขณะที่ตัวขับเคลื่อนธุรกิจเมล็ดพันธุ์อย่าง “เจียไต๋ ”ยังเน้นไปที่การส่งออกกว่า 65 % เหมือนเดิมเพื่อคงความเป็นพี่เบิ้มในเวทีไทยและเวทีโลก

เอี่ยม งามดำรงค์ รองประธานกรรมการเครือเจริญโภคภัณฑ์ และ ประธานกลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร กล่าวว่า นโยบายของกลุ่มพืชในเครือซีพีปีนี้สำหรับงานวิจัยทั้งหมดตั้งงบประมาณไว้กว่า 100 ล้านบาทจะมุ่งไปที่การพัฒนาและวิจัยกลุ่มพืชพลังงานมากขึ้นเช่น ข้าว อ้อย ปาล์ม มันสำปะหลัง และ ข้าวโพด ฯลฯ เห็นได้ชัดเจนว่าปีนี้จะยังมีความต้องการด้านพลังงานจะยังเพิ่มขึ้นทางบริษัทจึงมีนโยบายขยายพื้นที่การเพาะปลูกในประเทศเพื่อนบ้านก่อนอาทิ ในลาว เพราะประเทศลาวมีความพร้อมในพื้นที่และแรงงานขาดแต่เพียงเทคโนโลยีซึ่งทางซีพีจะเข้าไปสนับสนุนให้ดำเนินการได้ต่อไป

โดยบริษัทฯยังได้เข้าไปส่งเสริมการปลูกข้าวโพดในลักษณะคอนแทรคฟาร์มมิ่งที่บริษัทจะรับประกันซื้อคืนในราคากิโลกรัมละ 5.50 บาทเพื่อป้อนโรงงานอาหารสัตว์ของซีพีในลาว และอีกส่วนจะส่งกลับมาป้อนโรงงานอาหารสัตว์ในไทยได้ด้วย

“บริษัทฯมีแผนงานที่จะลงทุนผลิตเมล็ดพันธุ์ที่ประเทศจีน เวียดนาม และ อินเดีย โดยมุ่งเน้นไปที่การวิจัยและพัฒนาพันธุ์ที่ดีเพื่อให้มีความเหมาะสมกับแต่ละพื้นที่และใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนในการส่งเสริมการเพาะปลูกมาใช้”เอี่ยม ระบุ

ด้านมนัส เจียรวนนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท เจียไต๋ จำกัด กล่าวว่า ธุรกิจเมล็ดพันธ์ของบริษัทฯถือว่าเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยเพราะขณะนี้ทั่วโลกให้การยอมรับเมล็ดพันธ์ของบริษัทฯโดยมีสัดส่วนมาร์เกตแชร์ในตลาดรวมในประเทศไทยประมาณ 35 % ประมาณ 1,000 ล้านบาทขณะที่อีก 65 % จะส่งออกไปใน 30 ประเทศทั่วโลก อาทิ อินโดนีเชีย เวียดนาม พม่า ที่เป็นเพื่อนบ้านมียอดขายที่ดีแต่ตัวเลขรายได้ไม่สามารถเปิดเผยได้ สำหรับประเทศกำลังมาแรงมีกำลังซื้อสูงคือประเทศที่อยู่ใน South Asia อย่างประเทศอินเดีย ปากีสถาน บังคลาเทศ ศรีลังกา เนปาล ประเทศเหล่านี้มีกำลังซื้อสูงมากและถือว่าเป็นตลาดในอนาคตของบริษัท แต่ยังมีคู่แข่งที่น่ากลัว เช่น บริษัท มอนซานโต้ของสหรัฐอเมริกา และบริษัทของประเทศญี่ปุ่น

“ปีนี้การส่งออกน่าจะขยายตัวอยู่ 10-15 % ซึ่งเป็นผลมาจากธุรกิจเมล็ดพันธ์ไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจมากนัก” มนัส ระบุ

สำหรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจนั้นได้วางไว้ 4 ยุทธศาสตร์ด้วยกันคือ1. ความกว้างของสายพันธ์ 2. ใช้เทคโลยี Bio Technology คือเทคโนโลยีชีภาพในการปรับปรุงพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นการต้านทานต่อโรค การเจริญเติบโต การควบคุมรักษาคุณภาพของสายพันธ์ 3. ทำให้เมล็ดพันธ์ที่ออกจากโรงงานไปมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับ และ ประการสุดท้าย 4 .มุ่งให้เกิดการยอมรับของลูกค้ากว่า 30 ประเทศและขยายลูกค้ามากขึ้น

อย่างไรก็ตามบริษัทเจียยังมีปัญหาที่ต้องตามแก้ไขคือการขโมยสายพันธ์ ซึ่ง “มนัส ”อธิบายว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นในแต่ละปีมากกว่า 100 ล้านบาทที่บริษัทลงทุนการในปรับปรุงสายพันธ์ ของพืชชนิดต่างๆ แล้วเกิดจากการขโมยสายพันธ์ซึ่งประเทศไทยยังไม่มีพ.ร.บ.หรือออกกฏหมายที่ควบคุมโดยเฉพาะ โดยผู้ที่ขโมยสายพันธ์เหล่านี้กลับมาเป็นคู่แข่งบริษัทฯอีกซึ่งเป็นเรื่องที่เจ็บปวดมาก

“ ที่หลายคนมองว่าบริษัทเจียไต๋คือกลุ่มทุนรายใหญ่ที่ผูกขาดธุรกิจเมล็ดพันธ์นั้นคงไม่ใช่เรื่องจริงยืนยันได้ 100% เพราะในบ้านเราก็มีบริษัทเมล็ดพันธ์เข้ามามากมายไม่ว่าจากประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และยุโรป และที่กำลังจเข้ามาอีก จึงเป็นไปไม่ได้ว่าเจียไต๋จะผูกขาดธุรกิจประเภทนี้ได้ ” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท เจียไต๋ ระบุ   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us