Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน25 มิถุนายน 2550
KMCจ้องรื้อแผนธุรกิจใหม่รอเงินก้อนใหญ่เข้า20ก.ค.นี้             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน)

   
search resources

กฤษดามหานคร, บมจ.
Real Estate




กฤษดามหานครเล็งรื้อแผนธุรกิจ หลังรอเม็ดเงินเพิ่มทุนก้อนใหม่เข้ามาภายใน 20 ก.ค.นี้ หวังนำเงินชำระหนี้และไถ่ถอนทรัพย์คืนจากสถาบันการเงิน เปรยแนวโน้มยอดขายไตรมาส 2 ส่อโอกาสดี รับอานิสงส์คอนโดฯหนุนรายได้ทดแทนตลาดบ้านเดี่ยวที่ชะลอตัว แต่ก็ยอมรับว่าการเมือง เศรษฐกิจปัจจัยกดดัน จำใจต้องลดเป้ารายได้ลงมาเหลือ 1,600 ล้านบาท

นายวิรัตน์ เอื้ยวอักษร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทกฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ KMC เปิดเผยถึง ความคืบหน้าเรื่องของการเพิ่มทุนจำนวน 1,500 ล้านบาท และการออกหุ้นกู้จำนวน 1,400 ล้านบาทว่า หลังจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้มีมติอนุมติให้เพิ่มทุนได้ ขณะนี้บริษัทก็กำลังดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ อยู่ โดยในเบื้องต้นคาดว่า จะได้จำนวนเงินเพิ่มทุนและเงินจากออกหุ้นกู้เข้ามาภายในวันที่ 20 กรกฎาคมนี้ ซึ่งจำนวนเงินที่ได้จากการเพิ่มทุน บริษัทจะนำเงินไปใช้ในการปรับโครงสร้างหนี้และชำระหนี้NPL และทรัพย์สินรอการขาย(NPA) ทั้งหมด ส่วนเงินที่ได้จากออกหุ้นกู้นั้น บริษัทจะนำไปใช้ในการทำโปรเจกต์ใหม่และเป็นเงินทุนหมุนเวียน

สำหรับแนวโน้มรายได้ในไตรมาส 2/2550 คาดว่ารายได้น่าจะออกมาดีกว่าไตรมาส 1/2550 เนื่องจากยอดขายในไตรมาสแรกไม่เป็นไปตามเป้า ดังนั้นทางจึงได้ปรับเปลี่ยนนโยบายและแผนการตลาดใหม่ โดยหันมารุกตลาดคอนโดนิเนียมให้เพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่มีสัดส่วนรายได้จากคอนโดมิเนียมเพียงแค่ 40% เป็น 60% และจะลดสัดส่วนรายได้จากโครงการบ้านเดี่ยวลงเหลือ 40% แทน

นายวิรัตน์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้บริษัทได้ทำการปรับเป้ารายได้ลงเหลือ 1,600 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ที่ 2,400 ล้านบาท สาเหตุที่ปรับเป้ารายได้ลงก็เนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ประกอบกับสถานการณ์การเมืองที่ยังคงมีความไม่แน่นอน ทั้งนี้ รายได้ในปีนี้จะมาจากโครงการคอนโดมิเนียม 1,000 ล้านบาท ส่วนอีก 600 ล้านบาทที่เหลือจะเป็นรายได้จากโครงการบ้านเดี่ยว

"จริง ๆ แล้วในปีนี้เราตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท แต่ว่าในปีที่แล้วรายได้ของบริษัท ไม่ได้เป็นไปตามที่เราตั้งไว้ โดยในปีที่แล้วยอดขายของเราอยู่ที่ 1,600 ล้านบาท และพอมาในปีนี้ ก็เลยตั้งเป้ายอดขายเหลือเพียง 2,400 ล้านบาท เพราะว่าในปีนี้ บริษัทมาเจอปีภาวะเศรษฐกิจและมาเจอปัญหาการเมืองด้วย ทำให้เราไม่ค่อยกล้าที่จะตั้งเป้าเยอะ อย่างไรก็ตาม เรามองว่าหากปีนี้มันไม่แย่กว่าที่เราคิดไว้เราก็คิดว่าเป้าที่ 2,400 ล้านบาทไม่น่ายาก แต่ถ้าหากสถานการณ์แย่กว่าที่เราคิดไว้เราก็คงจะต้องปรับเป้ารายได้ลงมาที่ 1,600 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับปีที่แล้วแต่ขณะเดียวกันเราก็จะพยายามที่จะระดับกำไรให้เติบโตต่อเนื่อง"

นายวิรัตน์ กล่าวต่อว่า ในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวโครงการเดอะคริส เฟส 4 มูลค่าโครงการประมาณ 300-350 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเปิดตัวได้ประมาณเดือนสิงหาคมนี้ ส่วนโครงการแนวราบ บริษัทก็มีแผนที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ย่านวงแหวน-อ่อนนุช และโครงการกฤษดาลากูน พระราม 5 เฟส 4 ซึ่งทั้ง 2 โครงการนี้มีมูลค่าโครงการประมาณ 500 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดตัวได้ประมาณเดือนกรกฎาคม ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่าโครงการที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 300 ล้านบาท อย่างไรก็ดี บริษัทคาดว่าในปีนี้จะทยอยรับรู้รายได้ได้ประมาณ 80% ส่วนอีก 20% ที่เหลือนั้นจะไปรับรู้รายได้ได้ในปี 2551

สำหรับแนวโน้มภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2550 ว่า ภาพรวมของอสังหาริมทรัพย์ยังไม่น่าจะดีเท่าที่ควร เพราะว่ามีปัจจัยลบในเรื่องของภาวะเศรษฐกิจและปัจจัยทางการเมืองที่ยังไม่นิ่ง ทำให้บริษัทต้องขอประเมินสถานการณ์ทุกไตรมาส ซึ่งถ้าหากเกิดการเปลี่ยนแปลงทางบริษัทก็ต้องพร้อมที่จะปรับตัวและปรับแผนกลยุทธ์การดำเนินงานให้ทันกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในไตรมาสสุดท้ายของปี 2550 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์น่าจะเริ่มฟื้นตัวขึ้น หากสถานการณ์การเมืองนิ่งและมีการเลือกตั้งที่ชัดเจนแน่นอน เชื่อว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคก็น่าจะกลับคืนมา

สำหรับราคาหุ้นที่เทรดอยู่ในกระดาน ณ ปัจจุบัน ทางบริษัทมองว่าระดับราคาหุ้นของบริษัทนั้นยังต่ำว่าความเป็นจริงและยังต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานค่อนข้างมาก ซึ่งปัจจุบันมูลค่าทางบัญชี (Book Value) อยู่ที่ 2.30 บาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us