Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กรกฎาคม 2534








 
นิตยสารผู้จัดการ กรกฎาคม 2534
ปาเท็กซ์ : ธุรกิจสายเลือด ของบุญธรรม นิธิอุทัย             
 


   
search resources

ปัตตานี อุตสาหกรรม(1971)
บุญธรรม นิธิอุทัย
Agriculture




แม้ว่าจะขึ้นชื่อว่าเป็นงานบริหารเหมือนกัน แต่ความแตกต่างขององค์กรทำให้การบริหารงานในฐานะคณบดีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์และการเป็นกรรมการผู้จักการบริษัทปัตตานี อุตสาหกรรม(1971) จำกัดของดร. บุญธรรม นิธิอุทัย แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง บุญธรรมเคยตัดสินใจเลือกงานบริหารในปัตตานีอุตสาหกรรมครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อ 2 ปี ก่อนโดยบอกลาออกจากการเป็นคณบดีคณะวิทยาศาสตร์ ซึ่งเขาเป็นผู้ปลุกปั้นมากลับมือเพื่อมาดำเนินงานบริหารในธุรกิจครอบครัว ซึ่งพี่ชายเคยรับผิดชอบอยู่มาด่วนสิ้นชีวิตไปอย่างกะทันหัน

ในโอกาสที่"ผู้จัดการ"ได้รับเชิญไปเยี่ยมกิจการลูกค้าของบริษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแงประเทศไทย บุญธรรมเปิดเผยกับ "ผู้จัดการ" ว่า "ธุรกิจสานเลือดที่ผมทำอยู่เวลานี้หมายความว่าเป็นธุรกิจที่กันมาแต่รุ่นปู่ของผม เดิมเป็นเพียงโรงงานยางเครป คือหางยางที่เหลือจากน้ำยางข้น เป็นผลพลอยได้ที่นำเอามาทำพื้นรองเท้าได้ และก็มีการส่งยางดิบออกจำหน่ายในต่างประเทศบ้าง โดยมีราคาขึ้นลงตามภาวะตลอด"

ต่อมาบุญธรรมพบว่าไม่มีผลิตภัณฑ์จากน้ำยางประเภทใดที่มีตลาดขยายตัวได้ดีเท่าฟองน้ำ ไม่ว่าจะเป็นลูกโป่ง ถุงมือ หรือตุ๊กตาก็ตาม เขาจึงเริ่มทำผลิตภัณฑ์ฟองน้ำที่ทำโดยยางธรรมชาติ 100%

ปัตตานีอุตสาหกรรมจึงเริ่มผลิตที่นอนหรือฟูก และหมอนออกจำหน่ายถายใต้ยี่ห้อ "ปาแเท็กช์ หรือ PATEX " บุญธรรมอ้างว่าผลิตภัณฑ์ที่ทำจากธรรมชาติมีอายุการใช้งาน 15 ปีขึ้นไป

บุญธรรมเปิดเผยโดยว่า "ระหว่างปี 2512 - 2524 ดันล้อปมาติดต่อซื้อผลิตภัณฑ์ของเราไปใส่ชื่อยี่ห้อดันล้อปขาย แต่ภายหังหันไปนิยมประเถทโพลียูรีเทนแทนเพราะว่าราคาถูกกว่ามากและก็ไปบุกตลาดล่างมากขึ้นด้วย ประกอบกับทางบริษัทฯไม่สามารถผลิตสิ้นค้าได้ทันความต้องการในท้องถิ่นเองจึงงขอยกเลิกคำสั่งชื้อจากดันล้อปไป"

หลักจากที่จบการศึกษาปริญญาเอกที่ NATIONL COLLEGE OF RUBBER TECHNOLOGY ที่กรุงลอนดอนเมื่อปี พ.ศ 2515 ได้ PH.D. ด้านยางเป็นคนแรกๆ ของเมืองไทยแล้วบุญธรรมกลับมาสอนวิชายางที่มหาวิทยาสงขลานครินทร์ ได้ประสบความสำเร็จอย่างมากจึงจนสามารถผลักดันให้ตั้งคณะวิทยาศาสนตร์ฯขึ้นมาได้ ผลิตบัณฑิตที่มีความรู้ความสามารถในเรื่องยางมามากมายหลายรุ่น

"แต่ไม่มีนักศึกษาคนไหนที่สำเร็จการศึกษาแล้วมาทำงานที่บริษัทผมเลย"

หลักจากที่บุญธรรมลาออกไปคุมกาจการส่วนตัวอยู่ผรักหนึ่งก็ต้องกลับมาสอนหนังสือในคณะที่เขาสร้างขึ้นมาเอง ในคณะมาอาจารย์ที่สอนเรื่องยางอยู่เพียง 4 คนเท่านั้น รวมทั้งตัวบุญธรรมด้วย

ตอนนี้บุญธรรมจึงต้องทำงานสองที่ควบคู่กันไป ทำให้เกิดปัญหาว่าไม่สามารถทุ่มเทให้ทางหนึ่งทางใดอย่างเต็มที่

ปัตตานีอุตสาหกรรมมีผลิตภัณฑ์ทั้งหมด 4 ตัวคือน้ำยางข้น ผลิตได้ปีละ 2,340ตันที่นอนยางฟองน้ำ 5,000ชิ้น/ปี หมอน 15,000 ใบ/ปี และยางเครป 177 ตัน/ ปี

ส่วนที่ทำกำไรมากที่สุดคือที่นอนยางฟองน้ำ ซึ่งมีกำไรประมาณ 23-40 % ของยอดขาย ส่วนน้ำยางข้นนั้นมีกำไรเพียง 8 % ของยอดขายเท่านั้น

อันที่จริง ในช่วงที่โรคเอดส์เริ่มเป็นที่รับรู้ในระยะแรก อุตสาหกรรมน้ำยางข้นเติบโตอย่างก้าวกระโดด ความต้องการถุงมือและถุงยางอนามัยมีสูงมาก โรงงานทำน้ำยางข้นเพิ่มขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว จาก 8 โรงเป็น 33-35 โรง

เป็นความโชคดีของปัตตานีอุตสาหกรรมในการที่บุญธรรมไม่ได้พึ่งพิงการผลิตแค่น้ำยางข้นและยางเครปเท่านั้น

ยางเป็นวัตถุดิบที่นำไปทำอะไรได้ตั้งมากมายหากรู้จักคิดค้น ที่นอนและหมอนฟองน้ำจากยางธรรมชาติได้รับการตต้อนรับอย่างดีจากลูกค้า บุญธรรมเล่าว่า "65% เป็นลูกค้าตามบ้านที่ติดต่อผ่าน เอเยนต์ 30% เป็นลูกค้าโรงแรมและ 5% เป๋นลูกค้าโรงพยาบาลบรรดาโรงแรมและโรงพยาบาลในภาคใต้ล้วนแต่ใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา"

ความที่ผลิตภัณฑ์ทำขึ้นมาจากยางธรรมชาติล้วนๆ ทำให้เป็นที่สนใจของชาวต่างประเทศอย่างมาก บริษัทในเบลเยียมแห่งหนึ่งเดินทางมาพิสูจน์ด้วยตัวเองว่าใช่ยางธรรมชาติ 100% หรือไม่

ทั้งนี้เริ่มมีแนวประการหนึ่งซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากในยุโรป คือแนวคิดที่ว่าในร่ายกายคนเรามีพลังงานแม่เหล็ก การที่จะรักษาพลังงานนี้ไว้ไม่ให้เสื่อมคลายก็โดยการใช้วัตถุที่ทำจากผลิตภัณฑ์ธรรมชาติที่ไม่มีเหล็กเจือปน และเก้าอี้ หมอนที่นอน ที่ทำจากยางธรรมชาติล้วนๆ จึงเป็นที่สนใจนิยมกันมาก

กลางเดือนกรกฎาคม 2534 ปัตตานีอุตสาหกรรมตกลงจัดส่งผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติจำนวน 4 ตู้คอนเทนเนอร์ มูลค้า ตู้ละ 3.5 แสนบาทไปจำหน่ายในเบลเยียม โดยผ่านบริษัทตัวแทนจำหน่าย และแต่งให้เป็นเอเยนต์จำหน่ายในประเทศทั่วยุโรป

ก่อนหน้านี้ก็มีลูกค้ามาขอซื้อไปขายที่มาเลเชียบ้างแล้ว และได้เข้ามาเจรจาขอเป็นตัวแทนจำหน่ายแต่ผู้เดียวในมาเลย์ด้วย

บุญธรรมเปิดเผยว่า "ตลบาดผลิตภัณฑ์ที่ทำจจากยางธรรมชาติยังมีอยู่อย่างกว้างขวาง ปัญหาของปัตตานรีอุตสาหกรรมคือเรื่องกำลังการผลิตที่ยังไม่ค่อยจะพร้อม ทำให้เราไม่สามารถขยายตัวได้มากว่านี้"

กล่าวให้ชัดเจนลงไปคือ การขาดกำลังคนโดยเฉพาะผู้บริหาร ช่างเทคนิคนักวิศวฯและนักเคมี

ปัญหาเรื่องเครื่องจักรที่มีราคาค่อนข้างสูงมาก แต่เดิมที่มีการซื้อเครื่องจักรจากเยอรมันนี และเนเธอร์แลนด์ตต่อมาพยายามประดิษเลือนแบบขึ้นคุณภาพพอใช้ได้แต่ยังไม่ดีเท่าต้นแบบ

ประการสุดท้ายคือเรื่องเงินทุน ทางนี้ปัตตานีฯ มีทานจดทะเบียน 3.2 ล้านบาท มียอดขายปาละ 40 ล้านบาท และมีฐานะเป็นลูกค้าขั้นดีของบริษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

ว่าไปแล้วปัญหาเรื่องเงินทุนไม่ใช่ประเทด็นสำคัญแต่อย่างไรเพราะว่าบริษัทฯ ยินดีให้ความสนับสนุนอย่างเต็มที่ แต่ปรระเด็นคือบุญธรรมไม่สามารถขยายงานได้มากกว่าที่เป็นอยู่ตราบใดที่รับภาระการสอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

บุญธรรมเปิดเผยด้วยว่า "ส่วนเรื่องการร่วมทุนนั้นผมยังไม่ได้คิด คือเราเติบโตจากบริษัทผู้ผลิตหากมาการร่วมทุนผมส่งสัยว่างานที่เป็นการค้นคว้าทดลองจะจตะทำต่อไปได้หรือไม่ ใจผมมอยากที่จะขยายตัวในการศึกษาเกี่ยวกับการค้นคว้าวิจัยมากกว่าที่จะขยายตัวในทางกว้างคือเล่นเรื่องตลาดอย่างเดียว"

นี่เป็นแนวคิดของนักเคมีโดยแท้ทั้งที่มีตัวเลขอยู่ในมือว่ายอดขายผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นปีละไม่น้อยกว่า 20 % ทุกปี เมื่อใดก็ตามในอนาคตดร. บุญธรรมได้มาดำเนินการธุรกิจสายเลือดอย่างเต็มตัว เขาต้องวิธีบริหารงานวิจัยค้นคว้ากับการทำธุรกิจให้สอดคล้องกันจนได้

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us