ขาใหญ่ประสานใจตะลุมบอลไล่ IEC สุดสวิงสวนทางตลาดร่วง ระหว่างวันพุ่งเฉียด 45% ก่อนปิดราคาสูงสุดในรอบเกือบ 4 เดือน วอลุ่มเทรด 1.4 พันล้านบาท พบวอลุ่มซื้อสุทธิโบรกเกอร์ฐานลูกค้าฝรั่งโผล่เพียบ โดยมียอดซื้อสุทธิต่างชาติอีก 2 พันล้าน สวนหุ้นบิ๊กแคปร่วง ตลาดหุ้นระบุชัดการซื้อขายผิดปกติ พร้อมตรวจสอบสาเหตุ กลุ่มบุคคล รวมถึงข่าวที่เกี่ยวข้อง เผยหากพบความผิดปกติแม้แค่วันแรกก็สามารถสั่งใช้มาตรการดูแลได้ ด้านผู้บริหารบริษัท ยันไม่รู้สาเหตุหุ้นสุดคึก พร้อมให้ตลาดหลักทรัพย์ฯตรวจสอบเต็มที่
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ IEC หลังราคาหุ้นแกว่งตัวอย่างหวือหวาตลอดทั้งวัน ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่สูงเป็นอันดับ 1 ของวัน สวนการปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหุ้นไทย ซึ่งเป็นการตอบรับข่าวการกลับเข้ามาเล่นหุ้นเก็งกำไรอีกครั้งของนักลงทุนรายใหญ่หลายคนในประเทศหลังก่อนหน้านี้ชะลอการลงทุนเนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองไม่เอื้ออำนวย
ขณะที่หุ้นในกลุ่มที่มีความเกี่ยวโยงกันทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน หรือหุ้นที่ถูกจัดว่าเป็นหุ้นเก็งกำไร ประกอบด้วย บริษัท บลิส-เทล จำกัด (มหาชน) หรือ BLISS, บริษัท ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ LIVE เป็นต้น ต่างมีการเข้ามาเก็งกำไรอย่างคึกคักเช่นกัน
ทั้งนี้ราคาหุ้น IEC วานนี้ (21 มิ.ย.) ราคาเปิดที่ 0.86 บาท ซึ่งเป็นราคาปิดวันก่อนหน้า ก่อนจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นจนไปแตะระดับสูงสุดที่ 1.24 บาท เพิ่มขึ้น 0.38 บาท หรือ 44.18% โดยหลังจากนั้นมีแรงขายกำไรออกมาก่อนทำให้ราคาปิดที่ 1.06 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท หรือ 23.26% ซึ่งเป็นราคาปิดสูงสุดในรอบเกือบ 4 เดือน มูลค่าการซื้อขายสูงถึง 1,398.76 พันล้านบาท
ส่วน LIVE ราคาปิดที่ 5.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.58 บาท หรือ 12.29% มูลค่าการซื้อขาย 141.80 ล้านบาท, หุ้น BLISS ราคาปิดที่ 4.50 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 44 ล้านบาท
ด้านดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ตลอดทั้งวันดัชนีแกว่งตัวค่อนข้างผันผวนก่อนปิดที่ 776.20 จุด ลดลง 0.90 จุด หรือ 0.12% โดยจุดสูงสุดของวันอยู่ที่ 778.97 จุด และจุดต่ำสุดอยู่ที่ 771.73 จุด มูลค่าการซื้อขาย 23,521.68 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,049.59 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 440.94 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 1,608.65 ล้านบาท
นายสุภกิจ จิระประดิษฐกุล ผู้ช่วยผู้จัดการ สายงานกำกับตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวถึง การซื้อขายหุ้นบมจ.อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง หรือ IEC วานนี้ถือได้ว่าเป็นการซื้อขายที่ไม่ปกติ ซึ่งนักลงทุนทั่วไปและตลาดหลักทรัพย์ก็รับรู้อยู่แล้วเพราะมูลค่าการซื้อขายปรับตัวสูงขึ้นอย่างผิดปกติ
ทั้งนี้ ทีมตรวจสอบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯ ติดตามการซื้อขายในกรณีดังกล่าวอย่างใกล้ชิด ซึ่งแม้ว่าที่ผ่านมาการพิจารณาในการใช้มาตรการห้ามซื้อขายหลักทรัพย์ในลักษณะหักกลบราคาค่าซื้อกับราคาค่าขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน (Net Settlement) และห้ามสมาชิกให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Margin Trading) จะพิจารณาถึงช่วงเวลาที่พบความผิดปกติเป็นหลัก แต่ตามหลักการแล้วการพิจารณาใช้มาตรการอย่างหนึ่งอย่างใดสามารถพิจารณาจากมูลค่าการซื้อขายที่ผิดปกติแม้ว่าจะเป็นแค่วันเดียวได้ แต่เรื่องดังกล่าวจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเนื่องจากหากใช้มาตรการบ่อยครั้งจนเกินไปอาจจะส่งผลต่อบรรยากาศในการลงทุน
สำหรับ การตรวจสอบในเบื้องต้นจะต้องพิสูจน์ถึงปริมาณการซื้อขายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นว่ามีกลุ่มบุคคล หรือบุคคลใดเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง หรือมีเหตุผลใดๆที่เป็นเหตุอันควรหรือไม่ในการเข้ามาลงทุน
"เราจะต้องดูพฤติกรรมที่ทำให้การซื้อขายไม่ปกติเป็นอย่างไร มีใครเข้ามาเกี่ยวข้องบ้าง แล้วจึงมาพิจารณาว่าเข้าตามองค์ประกอบในการสั่งใช้มาตรการหรือไม่อย่างไร ซึ่งแม้ว่าที่ผ่านมาการใช้มาตรการห้ามเน็ท-มาร์จิ้นจะพิจารณาช่วงเวลาที่พบความผิดปกติ แต่การใช้มาตรการก็สามารถทำได้แม้ว่าจะเป็นความผิดปกติแค่วันเดียวหากเข้าองค์ประกอบความผิด"นายสุภกิจกล่าว
บิ๊กIECเปิดทางตรวจสอบ
นายสุมิท แช่มประสิทธิ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริงหรือ IEC กล่าวว่า ส่วนตัวไม่รู้ว่าการที่หุ้นของบริษัทมีนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรอย่างมากเกิดจากสาเหตุใด เพราะบริษัทยังไม่มีข่าวที่สนับสนุนในเรื่องดังกล่าว ซึ่งหากหน่วยงานที่ดูแลจะเข้ามาตรวจสอบการซื้อขายก็พร้อมจะให้ดำเนินการได้เต็มที่ โดยตลาดหลักทรัพย์ซึ่งเป็นด่านแรกที่จะตรวจสอบการซื้อขายน่าจะเข้ามาตรวจสอบเพื่อพิสูจน์ว่าการเคลื่อนไหวที่รุนแรงเกิดขึ้นเพราะเหตุใด
"เราอยากให้ตลท.เข้ามาดูแลอยู่แล้ว เรายืนยันได้เพียงว่าไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะสาเหตุใด ซึ่งถ้าราคาหุ้นมันผิดปกติหน่วยงานที่ดูแลก็ควรจะเข้ามาตรวจสอบ"นายสุมิทกล่าว
วอลุ่มเทรดโผล่โบรกฯนอก
แหล่งข่าวผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์(บล.) กล่าวว่า ปัจจุบันพฤติกรรมการเล่นหุ้นเก็งกำไรเปลี่ยนแปลงจากอดีตค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบในการส่งคำสั่งซื้อขายที่จากเดิมมักจะส่งผ่านบริษัทหลักทรัพย์เพียง 2-3 แห่งซึ่งทำให้ในวันนั้นๆวอลุ่มที่ซื้อขายผ่านบล.นั้นจะปรับตัวสูงสุดอย่างมาก แต่ปัจจุบันมีการส่งคำสั่งซื้อขายผ่านบล.หลายแห่งมากขึ้นทำให้ดูยากมากขึ้นว่ามีการเข้ามาเก็งกำไรหุ้นของกลุ่มนักลงทุนกลุ่มไหน
ทั้งนี้ หากพิจารณาอันดับการซื้อขายของบล.เมื่อวานนี้พบว่าบล.ภัทร, บล.เจพี มอร์แกน (ประเทศไทย) ซึ่งส่วนใหญ่ฐานลูกค้าเป็นนักลงทุนต่างชาติกลับมายอดซื้อมากกว่ายอดขายค่อนข้างมาก โดยบล.ภัทรมียอดซื้อสุทธิประมาณ 1,000 ล้าน ขณะที่บล.เจพีมอร์แกนมียอดซื้อสุทธิประมาณ 600 ล้านบาท สวนทางกลับหุ้นขนาดเล็กที่นักลงทุนต่างชาติจะเข้ามาลงทุนที่ปรับตัวลดลงเนื่องจากความกังวลต่อสถานการณ์การเมืองช่วงใกล้วันหยุด
สำหรับเรื่องการซื้อขายผ่านบล.ที่มีเครือข่ายในต่างประเทศในปัจจุบันถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ยาก หากนักลงทุนเปิดพอร์ตลงทุนในต่างประเทศก็สามารถส่งคำสั่งซื้อขายเข้ามาได้เหมือนปกติ ขณะเดียวกันค่าคอมมิสชั่นในการซื้อขายบางแห่งยังถูกกว่าค่าคอมมิสชั่นที่ซื้อขายบล.ในประเทศ
"ก็น่าแปลกที่ว่าต่างชาติมียอดซื้อสุทธิในขณะนี้หุ้นขนาดใหญ่หลายบริษัทปรับตัวลดลง รวมถึงการที่หุ้นเก็งกำไรเทรดกันอย่างคึกคักแต่กลับพบว่ามีตัวเลขการซื้อเข้ามาในบล.ต่างชาติ เดียวนี้พฤติกรรมในการเล่นหุ้นมันเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมากจากอดีตที่ผ่านมา"แหล่งข่าวกล่าว
โบรกฯแนะเลี่ยงอย่างเดียว
นางสาวมยุรี โชวิกานต์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.นครหลวงไทย กล่าวว่า ตามปัจจัยฟื้นฐานแล้ว หุ้นของ IEC ยังไม่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีนัก แม้บริษัทจะพยายามวางแผนการดำเนินธุรกิจรูปแบบใหม่ แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนเกิดขึ้นเป็นรูปธรรม ทำให้การที่ราคาปรับขึ้นในวานนี้คงจะเกิดมาจากการเก็งกำไรของนักลงทุน
"สังเกตุว่าวานนี้หุ้นขนาดเล็กราคาปรับขึ้นหลายตัว ไม่ว่าจะเป็น IEC หรือ LIVE เป็นเพราะนักลงทุนกลับมาปลุกเล่นอีกครั้ง เนื่องมาจากภาวะตลาดหุ้นที่ไม่ค่อยดี แต่การปรับตัวค่อนข้างมาความเสี่ยงจึงแนะนะให้หลีกเลี่ยงมากกว่า"
|