|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
“ลอรีอัล” ยันพิษเศรษฐกิจไม่กระทบตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม 4.6หมื่นล้านบาท โชว์ผลประกอบการครึ่งปีแรกโต 21% เป็นอันดับสองของเอเชีย บริษัทแม่ไม่หวั่นวิกฤติเศรษฐกิจไฟเขียวอัดงบการตลาดเพิ่ม ประกาศโฟกัส 15 แบรนด์เรือธง ย้ำลุยสกินแคร์–ผลิตภัณฑ์เส้นผม ล่าสุดส่งแบรนด์น้องใหม่ “เมทริกซ์” หวังขยายฐานช่างผมระดับแมส มั่นใจสิ้นปีโต 20%
นายฌอง ฟิลิปป์ ชาร์ริเย่ร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อความงามมูลค่า 4.6 หมื่นล้านบาทในปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 4-5% ใกล้เคียงทุกปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม ไม่ว่าจะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ หรือสถานการณ์การเมืองที่ไม่นิ่งก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาด ทั้งนี้ตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชายมีอัตราการเติบโตสูงที่สุด คือ 50% ตามด้วยสกินแคร์และผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโต 12% เครื่องสำอางมีอัตราการเติบโต 8% และผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมมีอัตราการเติบโต 7%
ขณะที่ผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกของบริษัทฯมีอัตราการเติบโต 21% ซึ่งเป็นการเติบโตที่สูงเป็นอันดับ 2 ในเอเชีย จากเมื่อปีที่ผ่านมาบริษัทมีการเติบโต 13% ทั้งนี้ปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ประสบความสำเร็จ มาจากการมีแบรนด์ที่แข็งแกร่งใน 4 ช่องทาง ทั้งในตลาดแมส,ห้างสรรพสินค้า,ตลาดซาลอน และร้านขายยา โรงพยาบาล การเปิดตัวนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง การใช้กลยุทธ์โฆษณาดึงดาราเป็นแอมบาสเดอร์ อาทิ สินจัย เปล่งพานิช, จริยา แอนโฟเน่ และเฌอมาลย์ บุณยศักดิ์ เพื่อสร้างความใกล้ชิดกับผู้บริโภค และสื่อให้เห็นว่าลอรีอัลเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภคสามารถสัมผัส
นายฌอง กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไทยจะเกิดปัจจัยลบมากมาย แต่บริษัทแม่จากประเทศฝรั่งเศสยังคงทุ่มงบการตลาดมากกว่าทุกปี โดยเพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขสองหลักเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพที่จะมีอัตราการเติบโตได้อีกมาก โดยพบว่าพฤติกรรมการใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อความงามของผู้หญิงไทยเพิ่มขึ้นจาก 1 ชิ้นมาเป็น 2-3 ชิ้นเท่านั้น เมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วมีอัตราการใช้ 5-6 ชิ้นต่อคน
“ปัจจัยที่จะผลักดันให้ผู้หญิงไทย มีอัตราการใช้ตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม 5-6 ชิ้นต่อคนนั้น มาจากการให้ข้อมูลความรู้ที่ถูกต้อง รวมทั้งยังมาจากรายได้ต่อคนด้วย และประการสำคัญ คือ การสร้างกระแสแฟชันซึ่งจะผลักดันให้ตลาดมีการพัฒนาการที่เร็วขึ้น สำหรับประเทศไทยคงต้องใช้เวลาพัฒนาอีกมาก กว่าพฤติกรรมของคนจะพัฒนาไปถึงระดับนั้นได้ เพราะปัจจุบันยังมีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่ใช้สบู่ในการล้างหน้า”
โฟกัส15แบรนด์เรือธงลุยตลาด
สำหรับแนวทางการตลาดบริษัทฯจะโฟกัสทั้ง 15 แบรนด์ที่มีอยู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เส้นผมและสกินแคร์ พร้อมกันนี้ยังมุ่งเน้นนำเสนอนวัตกรรมสำคัญที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค ล่าสุดบริษัทฯวางแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์สำหรับช่างผม ภายใต้แบรนด์เมทริกซ์ลงสู่ตลาดในเดือนกรกฎาคม โดยวางราคา 300 บาท ถูกกว่าลอรีอัล โปรเฟสชั่นแนล วางระดับราคาปานกลางราว 500 บาท และเคเรสตาสระดับบน ราคา 900 บาท ทั้งนี้เพื่อขยายฐานร้านทำผมให้ครอบคลุมทุกระดับ โดยปัจจุบันบริษัทครอบคลุมร้านทำผม 2,000 แห่ง จากทั้งหมด 10,000 แห่ง
“บริษัทฯได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม แอลแซฟ ในตลาดแชมพูพรีเมียม-แมส เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์เส้นผมลอรีอัล ในช่วงเวลา 3 เดือนที่ผ่านมานี้ สินค้าดังกล่าวได้รับการตอบรับที่ดี มีส่วนแบ่งการตลาด 5%”
ภาวะการแข่งขันตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อความงามมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบการแต่ละค่ายพร้อมที่จะทุ่มงบประมาณการตลาดเพื่อช่วงชิงส่วนแบ่ง สำหรับบริษัทฯปัจจุบันเป็นผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับช่างผม ผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผม เครื่องสำอางระดับแมส และน้ำหอมสำหรับผู้ชาย ขณะที่ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ติดอันดับทอปทรีในตลาด
สำหรับผลประกอบการปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 20% จากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์สำหรับช่างผมเมทริกซ์ และการมีทีมผู้บริหารและพนักงานที่เข้มแข็ง ด้วยแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และด้วยผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นด้วยนวัตกรรมและคุณภาพ ทั้งนี้รายได้หลักมาจากช่องทางจำหน่ายในตลาดแมส ประกอบกอบด้วย ลอรีอัล ปารีส การ์ริเยร์ และเมย์เบลลีน ตามด้วยผลิตภัณฑ์สำหรับช่างทำผม และทางช่องโรงพยาบาล ส่วนทางเคาน์เตอร์แบรนด์ มีรายได้น้อยที่สุด
|
|
|
|
|