ผู้ถือหุ้นใหญ่"พรีเมียร์ เทคโนโลยี" อ้างเป็นสัญญาตั้งแต่ปี 46 ให้ขายหุ้น 20 ล้านหุ้น หรือ 14.09% ให้ "เสรีเซ็นเตอร์ แมเนจเม้นท์" ในราคาหุ้นละ 15 บาท สูงกว่าราคาในกระดานเกือบ 5 เท่า โบรกฯแนะเลี่ยงลงทุนอย่างเดียว ตั้งข้อสังเกตเจตนาของผู้ซื้อที่ยอมทุ่มเงินแพงเพื่อซื้อหุ้น ระบุก.ล.ต.-ตลท.ควรเข้ามาตรวจสอบเจตนาหวั่นกระทบนักลงทุน

นางดวงทิพย์ เอี่ยมรุ่งโรจน์ กรรมการ บริษัท พรีเมียร์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ PT กล่าวว่า บริษัทได้รับแจ้งจากนางวิมลทิพย์ พงศธร ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทจำนวน 85,645,076 หุ้น หรือ 60.34% ของทุนชำระแล้วของบริษัทว่า จะทำรายการโอนขายหุ้นของบริษัทจำนวน 20,000,000 หุ้น หรือ 14.09% ของทุนชำระแล้วของบริษัท ให้แก่บริษัท เสรีเซ็นเตอร์ แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้ซื้อ ซึ่งเป็นบริษัทที่ตนเองถือหุ้นอยู่ 99.93% ของทุนจดทะเบียนของบริษัทดังกล่าว ในราคาหุ้นละ 15 บาท โดยวิธีการซื้อขายบนกระดานรายใหญ่ (Big Lot Board)

ทั้งนี้ การซื้อขายหุ้นดังกล่าวรวมทั้งการกำหนดราคาขายเป็นไปตามภาระผูกพันตามสัญญาที่ผู้ซื้อและผู้ขายได้ทำไว้ตั้งแต่ปี 2546 โดยคาดว่าการซื้อขายหุ้นดังกล่าวจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2550 นี้

สำหรับความเคลื่อนไหวราคาหุ้น PT ล่าสุด(19 มิ.ย.) ราคาปิดที่ 3.88 บาท เพิ่มขึ้น 0.36 บาท หรือ 10.23% มูลค่าการซื้อขาย 35.26 ล้านบาท

นางสาวภัทรวัลลิ์ หวังมิ่งมาศ นักวิเคราะห์เทคนิค บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเริ่มกลับเข้ามาสู่ในช่วงพักฐานทำให้นักลงทุนหันกลับเข้ามาลงทุนในหุ้นเก็งกำไร รวมถึงหุ้นที่มีขนาดเล็กมากขึ้น

ทั้งนี้ หุ้น PE กับ PT แม้ว่าในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาจะมีการซื้อขายค่อนข้างคึกคักแต่ในช่วงนี้นักลงทุนกลับไม่ค่อยสนใจที่จะเข้ามาลงทุน โดย PT มีสัญญาณทางเทคนิคที่อาจจะปรับตัวลดลงแต่หากสามารถยืนเหนือราคา 3.60 บาทได้ก็มีโอกาสที่ราคาหุ้นจะกลับตัวเป็นขาขึ้นอีกครั้ง อย่างไรก็ตามหุ้น PE และ PT ถือว่าเป็นหุ้นที่ลงทุนค่อนข้างยากหากนักลงทุนจะเข้ามาลงทุนจะต้องติดตามการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นอย่างใกล้ชิด

แหล่งข่าวนักวิเคราะห์ ระบุว่าในสัญญาการขายหุ้น PT ให้บริษัทเสรีเซ็นเตอร์ แมเนจเม้นท์ ของผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในราคาที่สูงกว่าราคาที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เกือบ 5 เท่าถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ปกติเท่าไหร่ นักลงทุนจะต้องพิจารณาข้อมูลทีเกี่ยวข้องให้ละเอียดก่อนตัดสินใจเข้าลงทุน

ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นตลดาหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ น่าจะเข้ามาตรวจสอบทั้งในเรื่องการซื้อขายและเจตนาของผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ได้มีการหุ้นออกมาในราคาที่สูงกว่าราคาในกระดานอย่างมาก

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเคยสั่งห้ามซื้อขายหลักทรัพย์บมจ.พรีเมียร์ เทคโนโลยี ในลักษณะหักกลบราคาค่าซื้อกับราคาค่าขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน (Net Settlement) และห้ามสมาชิกให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Margin Trading) ของหลักทรัพย์ PT ชั่วคราวเป็นเวลา 30 วันทำการ เนื่องจากพบว่าการเปลี่ยนแปลงของราคาและมูลค่าการซื้อขายรวมเพิ่มขึ้นอย่างมากจากช่วงเวลาก่อนหน้า โดยมีการซื้อขายในลักษณะเก็งกำไรอย่างมาก ซึ่งไม่สอดคล้องกับภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์โดยรวม