Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤษภาคม 2534








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤษภาคม 2534
"รัฐควรลดการผูกขาดในธุรกิจโทรคมนาคมลงและ ถ้าจะเปิดเสรีควรมีระบบ"             
 

   
related stories

ข้อมูลบุคคล ดร.สุทธิพร ปทุมเทวาภิบาล

   
www resources

โฮมเพจ กสท โทรคมนาคม
โฮมเพจ องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย

   
search resources

องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย-TOT
กสท โทรคมนาคม, บมจ.
Telecommunications




p> ธุรกิจด้านโทรคมนาคมเป็นธุรกิจที่ผูกขาดโดยรัฐบาลมาโดยตลอด การที่มีการกล่าวถึงความเป็นไปได้ในการปล่อยเสรีให้เอกชนรายใดก็ได้ เข้ามาลงทุนในธุรกิจนี้ มีสิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงนั่นก็คือผลประโยชน์ของรัฐ นั่นย่อมหมายถึงผลประโยชน์ของประชาชนที่อาจสูญเสีย ไปด้วยในกรณีนี้

คำว่าเสรีต้องพิจารณาว่าเสรีอย่างไร เช่นที่อังกฤษการเปิดเสรีไม่ได้เสรีแบบใครก็ได้ แต่เป็นเสรีอย่างมีกติกา เขามีนโยบายเลยว่าจะมี 2 หน่วยงานคือหน่วยงานเก่าที่ดูแลเกี่ยวกับปากท้องของประชาชน และหน่วยงานใหม่ที่ถูกสร้างให้มีหน้าที่ให้บริการหลาย ๆ อย่างรวมถึงการให้สัมปทานเหมือนเมืองไทย ส่วนอเมริกาเองจะเสรีอย่างไรในเมื่อประเทศเขายังแบ่งแยกออกเป็น 7 โซนโดยที่แต่ละโซนให้รายเดียวเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์

ในกรณีของญี่ปุ่นที่ไม่ต้องการอยากจะเปลี่ยนแปลง แต่ถูกแรงกดดันจากอเมริกาเข้าไป ถ้าเราจะมองดูว่าเขาอยากจะขายของ เสรีของญี่ปุ่นคือญี่ปุ่นดูแลแต่ญี่ปุ่นต้องซื้อของจากคนอื่นบ้าง

ในประเทศที่เจริญแล้ว ปัญหาเรื่องโทรคมนาคมของเขาไม่เหมือนเรา เขาไม่มีปัญหาเรื่องการให้บริการ แต่เขามีปัญหาเรื่องการผูกขาดเรื่องอุปกรณ์ อย่างเช่น เอทีแอนด์ทีที่ทำเองซื้อเองขายเอง คนอื่นทำไมซื้อ ดังนั้นจึงเกิดการวิ่งเต้นเพื่อให้ลดการผูกขาดเรื่องการซื้ออุปกรณ์ลง แต่เรื่องของการบริการยังคนมีการผูกขาด

มาในบ้านเรา เราต้องซื้ออุปกรณ์จากเขา เราจึงไม่มีการผูกขาดทางด้านนี้ ความจริงแรงกดดันไม่น่าจะมีผลกับเรามาก แต่ก็มี ผมมีโอกาสได้คุยกับผู้ให้บริการในประเทศ ๆ หนึ่งที่เจริญแล้วมีประชากร 3-5 ล้านคน เขาบอกว่าเขาให้บริการเรียบร้อยแล้ว ใครอยากมีโทรศัพท์ 1 ต่อ 1 หรือมากกว่านั้นเขาให้ได้หมด ธุรกิจเขาหยุดอยู่แค่นั้นขยายไม่ได้เนื่องจากประชากรน้อย การที่เขาจะขยายบริษัทเพื่อทำรายได้ให้มากขึ้นจึงจำเป็นต้องมุ่งมายังประเทศที่ด้อยพัฒนาเช่นเรา โดยอาศัยปัญหาเรื่องการขาดแคลนของเราเป็นจุดในการสร้างรายได้ ดังนั้นถ้าเราดูประเด็นนี้ว่าเราจำเป็นหรือไม่ ซึ่งผมเองยังไม่มีคำตอบ เพราะเรื่องนี้ต้องพิจารณากันหลายฝ่าย

ผมคิดว่าการเปิดเสรีแบบมือใครยาวสาวได้สาวเอามันเป็นไปไม่ได้และไม่มีประเทศไหนทำด้วย มันเป็นหน้าที่ที่รัฐบาลต้องเข้ามาควบคุมดูแล ให้เสรีอย่างไรก็ต้องมีขอบเขต เพราะถือว่าเป็นผลประโยชน์ของชาติ อยู่ดี ๆ จะเอาผลประโยชน์ของชาติไปยกให้คนอื่น มันคงไม่ถูกเรื่อง ในเมื่อเรามีตลาดที่ใคร ๆ ก็อยากเข้ามาลงทุน เราคงต้องมีวิธีการโดยคำนึงผลประโยชน์ให้ตกอยู่กับประเทศชาติมากที่สุด

ก่อนที่เราจะพูดเรื่องเสรี เราน่าจะมีแผนอะไรสักอย่าง อย่างเช่น แผนระยะยาวซึ่งที่จริงก็มีอยู่แต่ไม่ได้ใช้ จะทำอย่างไรให้มีการใช้แผนที่วางไว้กันอย่างแท้จริง ปัญหาอยู่ที่ตรงนี้ ยกตัวอย่างเช่นเราจะทำอย่างไรกับการสื่อสารแห่งประเทศไทย (กสท.) และองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ทศท.) เวลานี้เรายังไม่มีแผนเลย นี่คือลูกหลายเรา สมบัติเราเรายังไม่รู้เลยว่าลูกเราแต่ละคนจะทำอะไร ในขณะที่ลูก ๆ ก็มีเรื่องขัดแย้งกันแล้วอยู่ดี ๆ ก็จะมาเปิดเสรี ลูกเราก็แย่

เราต้องดูแลบ้าน ดูแลลูกเราให้แข็งแรงพร้อมที่จะผจญกับดินน้ำลมไฟเสียก่อน 3 ปีที่ผ่านมามีความรู้สึกว่ามันไม่ได้อยู่ในแผ่นของกระทรวง มือใครยาวสาวได้สาวเอา เอกชนเข้ามาก็เสนอความคิดเห็นเข้าท่าก็เอา โดยอาศัยประเด็นเรื่องการขาดแคลนการให้บริการ และเพดานเงินกู้ของส่วนราชการเข้ามาดึงผลประโยชน์ออกไป

ในสายตาของผม การที่หน่วยงานทั้ง 2 ขัดแย้งกันได้สร้างประโยชน์ให้กับคนอีกหลายคน ถ้าหาก 2 หน่วยงานเลิกขัดแย้งกัน ผมเชื่อเลยว่าผลประโยชน์ของหลาย ๆ คนต้องหายไป และเวลานี้ก็มีผู้ที่อยากให้ทั้ง 2 หน่วยงานขัดแย้งกันไปเรื่อย ๆ

ความจริง 2 หน่วยงานนี้ไม่ผิด มันมีต้นเหตุที่สร้างความขัดแย้งขึ้นมาคือการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร้วของเทคโนโลยีช่วง 5 ปีที่ผ่านมาได้สร้างความวุ่นวายในเรื่องการให้บริการ ทำให้หน่วยงานเดิมที่ถูกขีดเส้นกำหนดชัดเจนในเรื่องการให้บริการเกิดทับเส้นกันจนเกิดเป็นความขัดแย้งที่มีผลประโยชน์ในตัว ถ้าพรุ่งนี้มีการขีดเส้นปุ๊บผลประโยชน์อาจหายไปมาก ส่วนใครจะเป็นคนขีดเส้น ผมไม่รู้

ก่อนที่จะถึงเรื่องการเปิดเสรี ควรจะทำความสะอาดบ้านของตัวเองให้เรียบร้อยเสียก่อน ตกลงกันให้แน่ว่าจะให้รูปแบบเป็นอย่างไรใครจะอยู่ตรงไหน ใครจะเล่นอะไร จัดกติกาและกำหนดไปเลยว่าส่วนนี้จะเปิดเสรี กสท. และ ทศท.อยู่ตรงนี้ และคนที่จะเข้ามาตรงนี้จะต้องมีคุณสมบัติ มีขอบเขต เมื่อจัดตั้งกันเรียบร้อยแล้วค่อยมาดูเรื่องกฎหมาย
การผูกขาดของทั้ง กสท. และ ทศท. ในสถานการณ์ที่ผ่านมา มันอาจจะไม่ดูดี แต่ถ้ามองโดยภาพรวมผมก็ว่าโอเคและเห็นด้วยว่ามันจำเป็น แต่มาถึงขณะนี้การผูกขาดมันเริ่มไม่มีประสิทธิผล เนื่องจากธุรกิจที่ใช้โทรคมนาคมมันไม่มีรูปแบบที่แน่นอนอย่างเช่นชุมสายโทรศัพท์เมื่อก่อนส่งได้แค่โทรศัพท์ แต่เดี๋ยวนี้ส่งได้สารพัด พอรูปแบบไม่ชัดเจนสิ่งที่ กสท. และ ทศท. ปฏิบัติกันมาจนเคยชินคือการเป็นหน่วยงานของรัฐมีกฎระเบียบในการทำงานมากจึงไม่เอื้ออำนวยกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เข้ามา อย่างเพจจิ้งเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด

ผมไม่เชื่อว่า กสท. และ ทศท. ภายใต้กฎระเบียบนี้จะวิ่งหาลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่ากับเอกชน ผมคิดว่าเราน่าจะมามองดูว่ารัฐบาลควรจะผูกขาดอยู่หรือไม่ ถ้าผูกขาดควรจะผูกขาดในอะไรที่เหมาะสมกับทั้ง 2 หน่วยงาน อะไรที่คิดแล้วว่าโดยกฎระเบียบต่าง ๆ ที่มีอยู่เขาไม่สามารถทำได้ก็น่าจะปล่อยให้คนอื่นทำ

ผมกำลังบอกว่าอะไรที่ไม่ถนัดก็อย่าไปทำ เช่น พวกเอกชนบางกลุ่มมีความต้องการที่พิสดารเหลือเกิน ก็เป็นเรื่องของเขาเพราะมีเงินที่จะจ่าย แต่ในฐานะที่เราเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เราก็ได้ประโยชน์ด้วยแต่ผลประโยชน์อย่างไรก็ขอให้เป็นธรรม ไม่ใช่เก็บเขาเสียอานเพราะถึงเวลาแล้วปลายทาง (ผู้ใช้บริการ) จะแย่

บางครั้งเงื่อนไขที่ให้สัมปทานไม่ได้เรื่องเลย แต่ก็ยังมีคนเอา คนให้ก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ก็ช่างมัน เจ๊งก็ช่างมันเพราะถือว่าเราไม่ได้เป็นคนเสี่ยง บางอย่างผมดูว่าผลประโยชน์ที่ให้มากเดินความจริง ซึ่งทุกคนก็เห้ฯแต่จะไม่ให้ก็ไม่ได้เพราะกติกาบอกว่าคนที่ให้ผลตอบแทนมากที่สุดเป็นผู้ประมูลได้ ผมก็ไม่รู้ว่าเขาจะไปหาประโยชน์จากใคร แต่ผมเชื่อว่าใครสักคนต้องโดยซึ่งก็คงหนีไม่พ้นผู้ใช้บริการ

มีบางคนบอกว่ามีหลาย ๆ รายเข้ามาเป็นเรื่องดีจะได้มีการแข่งขันกันทั้งคุณภาพ และราคา แต่ธุรกิจโทรคมนาคมคงไม่เหมือนขายผงซักฟอก ถ้ารายใดรายหนึ่งพังเป็นเรื่องใหญ่และมีผลกระทบมากเพราะมันเกี่ยวพันกับการใช้ ในหลักการแล้วถึงแม้จะให้ใครเข้ามาทำหรือให้เขาเข้ามาแข่งขันก็ต้องแข่งในระดับที่แข่งแล้วยุติธรรม ไม่ใช่แข่งกันตายเวลาตายแล้วมันมีความเสียหายเกิดขึ้น อย่างเช่นวีแสท ธุรกิจอย่างเดียวกันแต่ให้ไม่รู้กี่ราย

ทุกวันนี้มันมีการผ่อนคลายกฎระเบียบลง แต่เป็นแบบไม่มีระบบเป็นการผ่อนคลาย ที่ไม่ได้มาจากหน่วยงานของรัฐที่มองเห็นว่าสิ่งนี้ควรจะต้องทำ แต่กลายเป็นเรื่องของคนสมองใสที่มองเห็นปัญหาต่าง ๆ และเข้ามาตรงจุดโน้นทีจุดนี้ที มันควรที่จะมีระบบที่มาจากกระทรวงอย่างชัดเจนและถูกต้อง

ผมเห็นด้วยกับการลดการผูกขาดลง โดยมีกรอบที่คำนึงถึงผลประโยชน์ของหน่วยงานรัฐ และผู้ใช้บริการรวมถึงผู้ที่จะเข้ามาลงทุนจะต้องมีหลักประกันให้เขาได้ผลประโยชน์พอสมควร แต่ผมคัดค้านใน 2 ประเด็นคือการเอาผลประโยชน์ของชาติมาชนกันเอง และการย้ายการผูกขาดจากหน่วยงานของรัฐไปสู่หน่วยงานของเอกชน

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us