Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน18 มิถุนายน 2550
ออฟฟิศเมทสยายปีกตลาดภูธร ลงทุนเพิ่มปรับเงื่อนไข“ซื้อ-ส่ง”             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท ออฟฟิศเมท จำกัด

   
search resources

ออฟฟิศเมท, บจก.
Stationery




ออฟฟิศเมท ปรับเกมรุก ขยายฐานตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น วางแผนและเกมตลาดใหม่ ปรับเงื่อนไขการสั่งซื้อและจัดส่ง ดึงดูดตลาด รองรับคลังสินค้าใหม่ที่จะเปิดใช้เร็วๆนี้หลังทุ่มงบ 150 ล้านบาท พร้อมทั้งเพิ่มจำนวนนิตยสารเป็น 200,000 เล่มในปีหน้า คาดรายได้ทะลุพันล้านบาทในปีหน้าแน่นอน

นายวรวุฒิ อุ่นใจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออฟฟิศเมท จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจ ออฟฟิศซัปพลายผ่านระบบแค็ตตาล็อกเซล เปิดเผยกับ “ผู้จัดการรายวัน” ว่า บริษัทฯมีเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจในส่วนของตลาดต่างจังหวัดมากขึ้นนับจากนี้ไป โดยคาดว่าสัดส่วนจะเพิ่มขึ้นเป็น 20-30% ในอนาคตไม่กี่ปีนี้ จากปัจจุบันสัดส่วนรายได้มาจากกรุงเทพฯมากกว่า 85% และต่างจังหวัดเพียง 15% เท่านั้น โดยในต่างจังหวัดนั้นมีลูกค้าที่อยู่ภาคตะวันออกประมาณ 30% จากฐานของลูกค้า ทั้งหมด เนื่องจากยังเห็นช่องว่างและโอกาสในการทำตลาดอีกมาก

อย่างไรก็ตาม จากเป้าหมายนี้บริษัทฯจำเป็นต้องวางแผนการตลาดและการลงทุนรวมทั้งยุทธวิธีในการดำเนินธุรกิจใหม่ด้วย โดยบริษัทฯจะต้องลงทุนเพิ่มบางส่วนประมาณ 40 ล้านบาทในปีนี้ เช่น ระบบไอที ระบบการจัดส่ง รถขนส่งต่างๆ ซึ่งงบประมาณนี้ไม่รวมกับงบการตลาดที่จะต้องใช้อีกต่างหาก

อีกทั้งต้องปรับระบบการสั่งซื้อสินค้าของลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะในเรื่องของจำนวนขั้นต่ำในการสั่งซื้อสินค้าใหม่ระหว่าง 2,000-3,000 บาท รับออร์เดอร์ได้พร้อมส่งให้ฟรี จากเดิมที่ก่อนหน้านี้ต้องสั่งขั้นต่ำ 3,000 บาทขึ้นไป และคิดค่าขนส่ง 250 บาทต่อออร์เดอร์ไม่ยกเว้นระยะทาง ซึ่งแต่เดิมปริมาณการสั่งซื้อสินค้าต้องเริ่มต้นที่ 7,000 บาท และปรับลงมาเหลือ 5,000 บาท ต่อออร์เดอร์ ล่าสุดอยู่ที่ 2,000 บาท ส่วนในกรุงเทพฯบริษัทฯจัดส่งให้ฟรีหากซื้อสินค้าขั้นต่ำ 500 บาทต่อครั้งต่อราย และลูกค้าจะได้สินค้าในวันนั้นเลย

โดยตัวเลขของลูกค้าที่สั่งซื้อสินค้าเข้ามายังบริษัทฯนั้น ส่วนใหญ่แล้วที่ผ่านมาจะมีออร์เดอร์ครั้งละประมาณ 9,000-10,000 บาทต่อรายโดยเฉลี่ย โดยมีสินค้าประเภทหมึกพิมพ์ กระดาษ แฟ้ม ขายดีที่สุด และมีทีมขายประมาณ 30 กว่าคนที่ออกพบลูกค้าประจำ

สำหรับคลังสินค้าแห่งใหม่ที่บริษัทฯทุ่มงบก่อสร้างไปมากกว่า 150 ล้านบาทบริเวณเลียบทางด่วนมอเตอร์เวย์ เตรียมเปิดใช้บริการในเดือนธันวาคมปีนี้ โดยมีพื้นที่ในเฟสแรก 7,000 ตารางเมตร เพิ่มจากคลังเดิมที่อ่อนนุชที่มีพื้นที่ 4,000 ตารางเมตร นอกนั้นยังเตรียมเฟสที่สองอีกพื้นที่ 5,000 ตารางเมตรในอนาคตด้วย ซึ่งจะสามารถรองรับการขยายตัวของบริษัทฯได้อีกหลายปี

นอกจากนั้นบริษัทฯยังได้เพิ่มจำนวนการพิมพ์ แค็ตตาล็อกเซลเพิ่มเป็น 150,000 เล่ม จากเดิมที่มีเพียง 100,000 เล่ม หรือเพิ่มขึ้น 50% เพื่อให้กระจายในวงกว้างมากขึ้น โดยแบ่งเป็นการแจกในต่างจังหวัดประมาณ 50,000 เล่ม แจกในกรุงเทพฯและปริมณฑล 100,000 เล่ม ทั้งนี้ในปีนหน้ามีแผนที่จะเพิ่มการพิมพ์อีกเป็น 200,000 เล่ม เพื่อทำการแจกให้กับกลุ่มเป้าหมายต่างๆ

ส่วนความพร้อมในเรื่องของการจัดส่งหรือลอจิสติกส์นั้น นายวรวุฒิย้ำว่า เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดของธุรกิจแค็ตตาล็อกเซลที่ทำอยู่ เพราะว่าธุรกิจจะประสบความสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับเรื่องการขนส่งเป็นหลัก ซึ่งจะต้องมีการวางแผนงานทั้งทางด้านการจัดส่ง เส้นทางที่รถวิ่ง รวมทั้งการจัดคิวรถและการลงทุนทางด้านลอจิสติกส์และรถให้เพียงพอ ซึ่งบริษัทฯสามารถควบคุมการจัดส่งได้อย่างดี โดยทุกวันนี้ ลูกค้าได้สินค้าทันเวลามากถึง 99% โดยในปีหน้ามีแผนที่จะเพิ่มปริมาณรถเป็น 80 คัน หลังจากที่คลังใหม่เปิดใช้สมบูรณ์แบบแล้ว

ปัจจุบันบริษัทฯมีลูกค้าประจำที่สั่งซื้อสินค้าสม่ำเสมอประมาณ 50,000 กว่าราย โดยเป็นสัดส่วนขององค์กร บริษัท หน่วยงานต่างๆ 99% ทั้งภาครัฐและเอกชน ส่วนที่เหลืออีก 1% เป็นในนามบุคคล การที่เพิ่มยอดพิมพ์แค็ตตาล็อกนั้นก็เท่ากับเพิ่มโอกาสให้ออฟฟิศเมทด้วย เช่น หากเราแจกไปทุกๆ 3 เล่ม แล้วมีลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าเราเพียง 1 รายก็พอแล้ว โดยปัจจุบันบริษัทฯมีลูกค้าใหม่ๆที่เข้ามาซื้อสินค้าเฉลี่ย 40-50 รายต่อวัน

อย่างไรก็ตามบริษัทฯมีนโยบายที่จะปรับราคาสินค้าไม่เกิน 4 ครั้งต่อปี หากมีความจำเป็น เช่น ต้นทุนสูงขึ้น ซึ่งล่าสุดเมื่อไตรมาสแรกที่ผ่านมาปรับราคาสินค้าบางตัวประมาณ 200-300 เอสเคยู ซึ่งไม่มากเมื่อเทียบกับจำนวนสินค้าที่มีมากกว่า 10,000 รายการในคลังสินค้า

ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัทฯไตรมาสแรกของปีนี้พบว่า สามารถทำรายได้ 300 กว่าล้านบาท ซึ่งเกินเป้าที่ตั้งไว้อยู่ที่ 200 ล้านบาทเท่านั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการทำตลาดในเชิงรุกและสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดี ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ที่เอื้ออำนวยให้ธุรกิจแค็ตตาล็อกซัปพลายเติบโตขึ้นได้ด้วยส่วนหนึ่ง โดยลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นระบบเครดิตมากกว่า 70% ระยะเวลานาน 30 วัน ส่วนลูกค้าเงินสดประมาณ 30% ซึ่งระบบการจัดการด้านบัญชีของบริษัทฯอยู่ในเกณฑ์ที่มีมาตรฐาน ทำให้มีหนี้สูญน้อยมากแค่ 0.005%

สำหรับผลประกอบการในอนาคตเมื่อเปิดใช้คลังใหม่เรียบร้อย คาดว่าในปีหน้า จะมีรายได้รวมประมาณ 1,000-1,100 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้บริษัทฯมีอีโคโนมีออฟสเกลที่ดีขึ้น ต้นทุนต่อหน่วยต่ำลง ส่วนในปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้รวมไว้ที่ 900 ล้านบาท

นายวรวุฒิกล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องการเข้าตลาดหลักทรัพย์ด้วยว่า ยังมีแผนที่จะนำเข้าจดทะเบียนในตลาดเอ็มเอไอ แต่ต้องรอความเหมาะสมก่อน ซึ่งขณะนี้บริษัทฯมีทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มทุนเป็น 20 ล้านบาท ในอนาคตเร็วๆนี้   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us