Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤษภาคม 2534








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤษภาคม 2534
ดูหุ้นที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจโทรคมนาคมให้ดี             
 


   
search resources

Telecommunications
Stock Exchange




ตลาดหุ้นไทยในระยะ 1 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่ได้ผ่านพ้นวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ทั้งจากภายนอก และภายในประเทศมาแล้ว ก็ได้กลับมามีชีวิตชีวาขึ้นใหม่อีกครั้ง การซื้อขายเริ่มเพิ่มความคึกคัก มูลค่าพุ่งสูงขึ้นเฉลี่ยวันละ 3-4,000 ล้านบาท ดัชนีราคาหุ้นได้ตีกลับจากที่เคยอยู่ในระยะ 500-600 จุดในช่วงต้นปี ได้พุ่งขึ้นมาทะลุระดับ 900 จุดเมื่อกลางเดือนเมษายน

ข้อน่าสังเกตประการหนึ่งในช่วงเดือนที่ผ่านมาคือนักลงทุนของไทยเรา ค่อนข้างจะมีหลักการในการเล่นหุ้นมากขึ้น การเก็บกำไรหุ้นแต่ละกลุ่มมีการนำหลักการวิเคราะห์ทางด้านปัจจัยพื้นฐานเข้ามาประกอบ โดยเลือกซื้อหุ้นตัวที่จะมีแนวโน้มีในอนาคตหรือห้นุที่มีตัวเลขผลการดำเนินงานสนับสนุน ไม่เหมือนกับสมัยก่อนที่เวลาจะเก็งกำไร ก็เล่นกันแบบหน้ามืดตามัวไม่สนใจว่าหุ้นที่ซื้อเข้าไปจะดีหรือร้ายอย่างไรขอให้ซื้อให้ได้ก่อนเป็นใช้ได้ ซึ่งทำให้เวลาราคาหุ้นพุ่งขึ้น ก็ขึ้นกันไปทั้งแผง

หลักการวิเคราะห์ สำหรับเลือกซื้อหุ้นเพื่อการลงทุน ในช่วงนี้ ปัจจัยสำคัญที่สุดจะต้องดูจากภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นหลัก เนื่องจากปัจจุบันรัฐบาลที่ได้รับการคัดเลือกมาจากคณะ รสช. มีความตั้งใจจะพัฒนาประเทศให้ทันสมัย ทัดเทียมกับประเทศอุตสาหกรรมใหม่อื่น ๆ ที่ได้ก้าวล้ำหน้าไทยไปมากแล้ว ซึ่งจุดหนึ่งที่รัฐบาลชุดนี้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษก็คือเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน เพราะจะเป็นตัวดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ให้เข้ามาลงทุนในประเทศมากขึ้น เห็นได้จากโครงการใหญ่ ๆ หลายโครงการที่เคยถูกดึงไว้ในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองใหม่ ๆ ได้ถูกเร่งให้ดำเนินการก่อสร้างขึ้นมาโดยเร็ว

ผลกระทบที่บริษัทในตลาดหุ้นจะได้รับจากการเร่งรัดโครงการต่าง ๆ นั้น ก็ดังที่ได้เคยกล่าวไว้แล้วว่าหุ้นของบริษัทผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างหลัก ๆ เช่นปูนซีเมนต์เหล็กเส้น จะได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ เนื่องจากความต้องการในผลิตภัณฑ์ของบริษัทนั้น ๆ จะยิ่งมีสูงขึ้น

จะเห็นได้ว่าเรื่องการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศนั้น ขณะนี้ได้รับความสนใจจากหน่วยงานรับบาลมากเป็นพิเศษแม้กระทั่งตัวตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเอง ทางดร.มารวย ผดุงสิทธิ์ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังเคยกล่าวไว้เลยว่าตลาดหลักทรัพย์ฯ จะสนับสนุนให้กิจการ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานให้เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯมากขึ้น ถึงขนาดที่ว่าอาจจะมีการให้สิทธิ์หรือแรงจูงใจพิเศษ โดยการพิจารณาผ่อนปรนเรื่องเกี่ยวกับคุณสมบัติของบริษัทนั้น ๆ ให้

อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ที่รัฐบาลกำลังเร่งรัดให้เกิดขึ้นนั้น นอกจากในเรื่องของถนนหนทางที่จะช่วยแก้ปัญหาการจราจรของประเทศแล้ว เรื่องของระบบโทรคมนาคมก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

ปัจจุบัน รัฐบาลก็มีโครงการพัฒนาระบบโทรคมนาคมที่สำคัญ ๆ หลายโครงการด้วยกัน โดยโครงการที่มีการกล่าวถึงกันมากในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาก็มีโครงการขยายระบบโทรศัพท์อีก 3 ล้านเลขหมาย ซึ่งกลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้รับสัมปทาน หรือโครงการดาวเทียมสื่อสารของกลุ่มชินวัตรคอมพิวเตอร์ ฯลฯ

การเร่งเดินหน้าโครงการพัฒนาระบบโทรคมนาคมดังกล่าวจะมีส่วนกระทบต่อผลการดำเนินงานของกิจการในตลาดหลักทรัพย์ฯ หลายบริษัทด้วยกัน แต่ที่โดยตรงและเห็นได้ชัดที่สุดคือบริษัทที่ได้รับสัมปทานในกิจการดังกล่าวอย่างเช่น บริษัทชินวัตรคอมพิวเตอร์ ซึ่งได้รับสัมปทานให้ดำเนินโครงการดาวเทียมสื่อสาร จากกระทรวงคมนาคม

ซึ่งเชื่อกันว่าการดำเนินโครงการนี้ บริษัทชินวัตรคอมพิวเตอร์จะต้องใช้เงินลงทุนอีกเป็นจำนวนมาก แต่ผลตอบแทนที่บริษัทจะได้รับกลับคืนมาก็มีไม่น้อยเช่นกัน

อีกบริษัทหนึ่งที่น่าจะได้รัผลกระทบจากโครงการพัฒนาระบบโทรคมนาคมของรัฐบาล ก็คือบริษัทจรุงไทยไวร์แอนด์เคเบิล เนื่องจากเป็นบริษัทผู้ผลิตสายโทรศัพท์และสายไฟฟ้า 1 ใน 4 รายใหญ่ของประเทศไทย ซึ่งเมื่อรัฐบาลมีโครงการขยายระบบโทรศัพท์ขึ้นไปอีก 3 ล้านเลขหมาย ในฐานะที่เป็นผู้ผลิตสายโทรศัพท์รายใหญ่ ย่อมต้องได้รับออร์เดอร์ซื้อสินค้าระยะยาวอีกเป็นจำนวนมาก

สำหรับโครงการดังกล่าวนี้ จอร์จ โรบินสัน อดีตหัวหน้าสำนักงานตัวแทน ของบริษัทดับบลิว ไอ คาร์ ประจำประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันได้ย้ายไปดำรงตำแหน่งเดียวกันที่ฮ่องกง ได้เคยกล่าวไว้ว่า บริษัทที่จะได้รับผลกระทบโดยตรงอีกบริษัทหนึ่งกคือบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหารสัตว์ ซึ่งเปแนโฮลดิ้งคัมปะนีของเครือเจริญโภคภัณฑ์ในสายธุรกิจปศุสัตว์ โดยจอร์จได้มองว่าถ้าเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้รับสัมปทานในโครงการนี้ ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนนับแสนล้านาบาท หนทางหนึ่งที่เครือเจริญโภคภัณฑ์จะสามารถระดมเงินทุนเข้ามาได้ คือต้องใช้กลไกของตลาดหุ้น โดยผ่านทางบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหารสัตว์ดังกล่าว เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะให้บริษัทซีพีเทเลคอม ที่เป็นผู้ได้รับสัมปทานโดยตรงเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้น เนื่องจากเป็นบริษัทที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่ ยังไม่ได้เริ้มประกอบกิจการใด ๆ ทั้งสิ้น

ยังมีบริษัทอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งจะได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาระบบโทรคมนาคมของภาครัฐ แต่จะเป็นการได้รับโดยทางอ้อมนั่นก็คือบริษัทดาต้าแมท ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายคอมพิวเตอร์ให้กับบริษัทเอ็นอีซี เนื่องจากการพัฒนาระบบโทรคมนาคมนั้น หัวใจสำคัญที่สุดคือในด้านของเทคโนโลยี ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องให้ยอดขายคอมพิวเตอร์โดยรวมทั่วทั้งประเทศ ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อใด ต้องมีอัตราการขยายตัวสูงขึ้นอย่างมาก

อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบผลกระทบที่จะได้รับระหว่างบริษัทดาต้าแมท กับอีก 3 บริษัทที่ได้กล่าวถึงข้างต้นแล้ว ความน่าสนใจของดาต้าแมทดูจะเป็นรองกว่า นอกจากนี้เมื่อเปรียบเทียบกับสภาพคล่องของหุ้นที่มีการซื้อขายกันในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงที่ผ่านมาแล้วหุ้นดาต้าแมทดูเหมือนจะได้รับความนิยมน้อยกว่าหุ้นอขงอีก 3 บริษัทแรก ซึ่งจุดนี้นักลงทุนก็น่าจะนำเข้ามาเป็นปัจจัยในการพิจารณาประกอบด้วยปัจจัยหนึ่ง

ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งจัดได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจหลักทรัพย์ที่หาตัวจับได้ยากผู้หนึ่ง ได้เคยกล่าวถึงหุ้นประเภทที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับสัมปทาน หรือการประมูลงานภาครัฐว่า นักลงทุนต้องพิจารณาถึงปัจจัยทางการเมืองเข้ามาประกอบด้วย เพราะว่างานประมูลใหญ่ ๆ มักจะมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงตัวรัฐมนตรีที่เป็นผู้รับผิดชอบ

แต่สำหรับรัฐบาลในยุค รสช.มีอำนาจเด็ดขาดเช่นนี้ การจะเปลี่ยนแปลงงานอะไรคงจะทำยาก เพราะจะต้องมุ่งในเรื่องของการสร้างบ้านสร้างเมืองเป็นหลัก ดังนั้นจึงน่าจะเป็นโอกาสอันดีที่โครงการต่าง ๆ จะเร่งรีบเดินหน้า ซึ่งหุ้นที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการทั้งหลายก็เป็นหุ้นที่น่าจับตามองเอาไว้ด้วยกลุ่มหนึ่ง

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us