Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤษภาคม 2534








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤษภาคม 2534
ประวิทย์แห่งผาแดง วันที่เกษียณเขาอยากมีชีวิตเหมือนอากร ฮุนตระกูล             
 


   
www resources

โฮมเพจ ผาแดงอินดัสทรี

   
search resources

ผาแดงอินดัสทรี, บมจ.
ประวิทย์ คล่องวัฒนกิจ




เมื่อวันที่ 7 มีนาคม ที่ผ่านมาบริษัทผาแดงอินดัสทรีได้มีคำสั่งแต่งตั้ง ประวิทย์ คล่องวัฒนะกิจ ขึ้นเป็นกรรมการผู้จัดการต่อจากอาสา สารสิน ซึ่งลาออกไปรับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมในรัฐบาลนายกอานันท์

เป็นเรื่องที่นับว่าแปลกมากเรื่องหนึ่งที่ครั้งหนึ่งเมื่อเริ่มจะตั้งผาแดงขึ้นมานั้น ประวิทย์คนนี้เป็นคนคัดค้านมิให้ตั้งบริษัทแห่งนี้ขึ้นมาเอง

ประวิทยืเล่าย้อยอดีตซึ่งขณะนั้นเขาเป็นผู้อำนวยการนโยบายเงินกู้สำนักเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลังว่าในสมัยพลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้นบรรยากาศการลงทุนค่อนข้างเงียบเหงา นายกฯ เกรียงศักดิ์จึงต้องการให้มีโครงการใหญ่ ๆ ภายในประเทศเกิดขึ้นบ้างจนมาถึงยุคพลเอกเปรมเป็นนายกฯ จึงตกลงใจอนุมัติให้คลังเข้าไปจัดการเรื่องจัดตั้งบริษัทผาแดง

"แต่มันน่าทึ่งนะไม่ทราบว่าผาแดงเป็นอย่างนี้มาได้อย่างไร เพราะในสมัยนั้นผมอยู่คลังผมก็ปฏิเสธ บอกว่าไม่ควรเอาศึกษาออกมาแล้ว RATE OF RETURN แค่ 7% เท่านั้น แล้วยังมีความเสี่ยงอีกมามายทั้ง KNOW-HOW แหล่งแร่ แล้วในที่สุด ผมก็ถูกยืมตัวมาอยู่ที่ผาแดง 4 ปี พออยู่ไป ๆ ก็อยู่ต่อ จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้" ประวิทย์เล่าย้อนอดีตด้วยน้ำเสียงถึงบทบาทของตัวเองปนหัวเราะ

ประวิทย์เข้ามาร่วมงานกับผาแดงหลังจากที่ผาแดงก่อตั้งมาได้หนึ่งปีคือในปี 2525 จนถึงปัจจุบันนี้ผาแดงมีอายุครบ 10 ปีแล้ว

ผาแดงในวันนี้แตกต่างจากเมื่อ 10 ก่อนอย่างลิบลับจากที่เคยได้รับฉายาว่า "ลูกเป็ดขี้เหร่" จากนิตยสารของต่างประเทศ เพราะ "ความจำเป็นต้องเกิดให้ได้" ทำให้ผาแดงในยุคแรกค่อนข้างจะกระท่อนกระแท่นมาก มีอุปสรรคนานาประการแต่ในที่สุดผาแดงก็สามารถพลิกผันสถานการณ์จากากรขาดทุนมาทำกำไรได้เมื่อปี 2529 จนถึงปี 2533 นี้ผาแดงสามารถทำกำไรให้ผู้ถือหุ้นยิ้มไม่หุบถึง 1,486 ล้านบาท

เอาเถอะ ถึงแม้การเติบใหญ่ของผาแดงในทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งจะมาจากการเข้าอุ้มชูจากรัฐก็ตาม

ประวัติศาสตร์แห่งความสำเร็จนี้ของผาแดงมีคนชื่อประวิทย์ร่วมส่วนอยู่ด้วย เพราะประวิทย์ร่วมสร้างอยู่ด้วย เพราะประวิทย์ได้ชื่อว่าเป็นนักบริหารการเงินมือฉมังของผาแดง เพราะตั้งแต่เข้ามาร่วมงานกับผาแดงนั้นเขาเป็นผู้กุมบังเหียนการเงินของผาแดงมาตลอดโดยเริ่มตั้งแต่เข้ามาร่วมงานกับผาแดงเมื่อปี 2525 ในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี เลื่อนขึ้นเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการเงินและบัญชี แม้ว่าปัจจุบันจะมีตำแหน่งถึงกรรมการผู้จัดการแล้วก็ตาม แต่ประวิทย์ก็ยังจัดการเรื่องการเงินของผาแดงอย่างไม่ยอมปล่อยมือ

การบริหารการเงินของผาแดงสามารถทำได้ตามเป้าหมายและสอดคล้องกับแผนการขยายกิจการของผาแดงได้อย่างเหมาะเจาะ

เพราะขณะที่ผาแดงสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้นทุกปีนั้นประวิทยก็เสนอขออนุมัติผู้ถือหุ้นเพื่อเก็บเงินสะสามส่วนของกำไรไว้ทุกปี จนเมื่อถึงจุดที่ผาแดงพร้อมที่จะขยายการลงทุนในโครงการใหญ่ ๆ ร่วมกับต่างประเทศ ซึ่งจะต้องใช้เงินลงทุนไม่น้อยกว่า 4 พันล้านบาทเงินลงทุนส่วนหนึ่งที่เก็บสะสมจากเงินและอีกส่วนหนึ่งจากการเพิ่มทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงทำให้ผาแดงพร้อมแล้วที่จะลงทุนโดยไม่เดือดร้อนในเรื่องการหาเงินมาลงทุนเลย

พรสวรรค์และสามารถเหล่านี้ของประวิทย์คงได้มาจากจุดกำเนิดของเขาที่เป็นลูกพ่อค้าคนจีน ซึ่งฉายแวว "เซ็งลี้" มาตั้งแต่เขาเรียนระดับปริญญาตรีอยู่ที่จุฬาฯ แล้วเพราะธุรกิจครอบครัวของเขานั้น จะทำร้านส่งสินค้าก่อสร้างเป็นเอเยนต์ขายน้ำมันให้กับค่ายเชลล์จนถึงรับเป็นกัมปะโดให้แบงก์กรุงเทพฯ พาณิชย์การ

"ตอนที่ผมเรียนอยู่ที่จุฬาฯ ปี 3-4 ผมแทบไม่ได้เรียนหนังสือเลย เพราะต้องไปนั่งเป็นเจ้าหน้าที่เซ็นเช็คอยู่ที่อุตรดิตถ์และสุโขทัย เพราะทางบ้านผมรับเป็นกัมปะโดให้กับธนาคารกรุงเทพฯพาณิชย์การ"

แม้ว่าชีวิตในช่วงอยู่มหาวิทยาลัยของประวิทย์จะหนักไปทางด้านช่วยทำธุรกิจให้กับครอบครัวก็ตาม แต่เขาก็สามารถเรียนจบอักษรศาสตร์จากจุฬาฯ และบินไปอเมริกาเพื่อไปศึกษาต่อปริญญาเศรษฐศาสตร์ และปริญญาโททางบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยอินเดียนา

นอกจากนี้ ประวิทย์ยังผ่านการอบรมเรื่องการเงินจากธนาคารต่าง ๆ ในนิวยอร์กรวมทั้งเข้ารับการอบรมหลักสูตร GENERAL PROJECT COURS ที่ ECONOMIC DEVELOPMENT INSTTTUTE แบงก์โลกอีกด้วย

ประวิทย์พูดอยู่เสมอว่าเขาได้ความรู้มากมายจากการเข้าไปช่วยธุรกิจของครอบครัว แม้ว่าครอบครัวของเขาจะทำธุรกิจค้าขายหลาย ๆ อย่างก็ตามแต่ลูกชายทั้งหมดรวมทั้งเขาด้วยแล้วไม่มีใครสืบทอดธุรกิจของครอบครัวเลย

สำหรับตัวประวิทย์แล้ว ชีวิตเขาต้องพลิกผันอีกครั้งเมื่อเขาจบออกมาแล้วมารับราชการในกระทรวงการคลังมาโดยตลอด ตั้งแต่ที่ปรึกษาเศรษฐกิจและการคลัง ประจำประเทศอังกฤษและยุโรป และตำแหน่งสุดท้าย คือ ผู้อำนวยการกองนโยบายเงินกู้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

ชีวิตการทำงานในวงราชการของประวิทย์นั้นช่วยเพิ่มพูนประสบการณ์ทางด้านการเงินให้กับเขาอย่างมาก รวมทั้งครั้งหนึ่งเขาได้ไปเป็นกรรมการของบริษัทเงินทุนฯ ประวิทย์ใช้เวลาหลายปีศึกษาโครงการต่าง ๆ นับร้อยที่ผ่านเข้ามาเพราะความที่เป็นคนถือคติ..รู้อะไรแล้วต้องรู้ให้จริง ถ้าไม่รู้ก็ต้องศึกษาหาความรู้

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ประวิทย์เป็นทั้งนักวางแผนและนักบริหารการเงิน โครงการที่เขาสามารถเก็บเกี่ยวมาเป็นประสบการณ์ที่ผาแดงได้สบาย ๆ

และจนถึงวันนี้ผาแดงก็สามารถาลบฉายา "ลูกเป็ดขี้เหร่" ลงได้ แปลงกายเป็นสาวรุ่นกำดัดที่มีเงินถุงเงินถังและมีโครงการดี ๆ ที่จะลงทุน ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่จะมีบริษัทยักษ์ใหญ่ของต่างชาติอย่าง MATELGERELLCHAFT ของเยอรมนีเข้าแถวกันเข้ามาให้ผาแดง "เลือกคู่" เพื่อร่วมทุนทำโครงการชนิดหัวกระไดไม่แห้งเลย

ประวิทย์กำหนดวิถีของเขาให้พลิกผันอีกครั้งหนึ่งเมื่ออายุ 55 ปี

"ผมเตรียมรีไทร์ตัวเองตอนอายุ 55 ปี เพราะผมทำงานหนักมาตลอดชีวิต" ประวิทย์เปิดใจถึงชีวิตในอนาคตของเขาวันข้างหน้าไปตีกอล์ฟ ตกบ่ายกลับมาก็มางีบอีกหน่อย แล้วก็มานั่งดักเพื่อน ๆ อยู่ที่ล็อบบี้"

พูดแบบนี้เหมือนอากร ฮุนตระกูล แห่งอิมพีเรียลกรุ๊ปไม่มีผิด ดังนั้นเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ ประวิทย์ก็ลงทุนควักเงินส่วนตัวเพื่อร่วมหุ้นกับพี่นอ้งและเพื่อนฝูงที่ทำโรงแรมต่าง ๆ จนขณะนี้เขาลงทุนไปแล้วหลายโครงการ อาทิ ท้ายเหมืองรีสอร์ทกาดสวนแก้ว ฯลฯ จะสังเกตว่าหลายโครงการที่ประวิทย์ลงทุนนั้นจะกระจายอยู่ตามภาคต่าง ๆ ทั้งนั้น ทั้งนี้เพื่อว่าจะเขาจะได้เดินสายเปลี่ยนบรรยากาศไปนั่งตามล็อบบี้ตามจังหวัดต่าง ๆ

ถ้าชีวิตของประวิทย์ไม่พลิกล็อกอีก เราอาจจะได้เห็นนั่งทอดอารมณ์อยู่ตามล็อบบี้ของโรงแรมต่าง ๆ แล้วก็คิดเพื่อคิดถึงอดีตอันน่าภูมิใจที่ผ่านมาของเขา

เพราะความที่เป็นนักวางแผนการอยู่แล้ว เมื่อเขาตกลงปลงใจที่จะรีไทร์ตัวเองในอีก 5 ปีข้างหน้า ประวิทย์ก็ตระเตรียมแผ้วถางเส้นทางชีวิตของเขา หลังเกษียณไว้เรียบร้อยแล้ว

"ผมชอบทำโรงแรมเพราะชอบนั่นล็อบบี้แล้วเวลามีเพื่อนฝูงผ่านไปผ่านมาก็เรียกมานั่งคุยกัน" ผมจะได้นอนตื่นสาย ๆ แล้วก็เราเรียกสตาฟฟ์มาสั่งงาน เสร็จแล้วก็หอบถุงกอล์ฟไปตีกอล์ฟ ตกบ่ายกลับมาก็มางีบอีกหน่อย แล้วก็มานั่งดักเพื่อน ๆ อยู่ที่ล็อบบี้"

พูดแบบนี้เหมือนอากร ฮุนตระกูล แห่งอิมพีเรียลกรุ๊ปไม่มีผิด ดังนั้น เวลา 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ ประวิทย์จึงลงทุนควักเงินส่วนตัวเพื่อร่วมหุ้นกับพี่น้องและเพื่อนฝูงที่ทำโรงแรมต่าง ๆ จนขณะนี้เขาลงทุนไปแล้วหลายโครงการ อาทิ ท้ายเหมืองรีสอร์ทกาดสวนแก้ว ฯลฯ จะสังเกตว่า หลายโครงการที่ประวิทย์ลงทุนนั้นจะกระจายอยู่ตามภาคต่าง ๆ ทั้งนั้น ทั้งนี้เพื่อว่าเขาจะได้เดินสายเปลี่ยนบรรยากาศไปนั่งตามล็อบบี้ตามจังหวัดต่าง ๆ

ถ้าชีวิตของประวิทย์ไม่พลิกล็อกอีก เราอาจจะได้เห็นเขานั่งทอดอารมณ์อยู่ตามล็อบบี้ของโรงแรมต่าง ๆ แล้วก็คิดถึงอดีตอันน่าภูมิใจที่ผ่านมาของเขา...

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us