Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน15 มิถุนายน 2550
“อาดามัส”ตัดทิ้งธุรกิจวิทยุมุ่ง3สื่อหลักสนองไลฟ์สไตล์             
 


   
search resources

News & Media
อาดามัส อินคอร์ปอเรชั่น, บมจ.




อาดามัส ตัดใจทิ้งสื่อวิทยุ หลังเป็นเนื้อร้ายขาดทุนไตรมาสละ 20 ล้านบาท เบนเข็มโหนกระแสติดเทรนด์ลุย 3กลุ่มธุรกิจใหม่ ทั้ง มีเดีย บันเทิง และเทคโนโลยี ล่าสุดจับมือเอสทีแกรนด์ รุกตลาด เอเชีย ซีรี่ย์ ผ่านทีไอทีวี มั่นใจสิ้นปีมีรายได้กว่า 250 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มมีกำไร ภายหลังปรังผังธุรกิจครั้งใหญ่ในปีที่ผ่านมา

นายกิตติวัฒน์ มโนสุทธิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาดามัส อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯได้ปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ในปีที่ผ่านมา จากอาร์เค มีเดีย โฮล์ดดิ้ง สู่ อาดามัสฯ นั้น ในปีนี้มีแผนการดำเนินธุรกิจใน 3 กลุ่มหลักคือ ธุรกิจสื่อ ธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ และธุรกิจเทคโนโลยี

จากเดิมที่ทำธุรกิจสถานีวิทยุต่างจังหวัด 22 สถานี ทางบริษัทฯได้แจ้งยกเลิกสัญญาไปแล้วเมื่อวันที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา เพราะธุรกิจสถานีวิทยุอยู่ในภาวะขาดทุนมาได้สักระยะหนึ่ง หรือเฉลี่ยขาดทุนไตรมาสละประมาณ 20 ล้านบาท จึงได้ขายธุรกิจสถานีวิทยุนี้ไป 23 ล้านบาท ขณะที่สัมปทานสัญญาของธุรกิจนี้จะสิ้นสุดลงในเดือนกันยายนนี้

ดังนั้นปีนี้จะให้ความสำคัญกับสื่อทีวีแทน โดยมุ่งเน้นการซื้อคอนเท้นต์ต่างๆมาเผยแพร่ มากกว่าการผลิตคอนเท้นต์เอง เนื่องจากบริษัทฯยังไม่มีความชำนาญในธุรกิจสื่อทีวี อีกทั้งยังเป็นการลดความเสี่ยงอีกทางหนึ่งด้วย ล่าสุดร่วมกับทาง บริษัท เอสที แกรนด์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับ เอเชียซีรี่ย์ สำหรับแพร่ภาพผ่านสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี ในวันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 13.00-14.00น. และเวลา 17.00-18.00น. กับจำนวนซีรี่ย์ทั้งหมด 6 เรื่อง เช่น เกมแค้นเดิมพันรัก (Queen of the Game), เค เซร่า เซร่า (Que Sera Sera) นอกจากนี้ยังมีวาไรตี้ 1 รายการ ออกอากาศช่อง 5 คือ รายการ “เจาะเด็ดคนดัง สตาร์ ไบโอ” เริ่มออกอากาศตวันที่ 3 ก.ค. นี้ช่วงเวลาไพร์มไทม์ 22.00-23.00 น.

“ทางบริษัทฯจะเข้าไปดูเรื่องของการทำตลาด และโปรดักชั่นทั่วไป ขณะที่ทางเอสที แกรนด์ จะเป็นผู้หาคอนเท้นต์ และเจรจาขอเวลาจากทางสถานีทีไอทีวี และสถานีโทรทัศน์ช่องอื่นๆ ส่วนเอเชียซีรี่ย์ ที่ออกอากาศผ่านสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีนี้ จะมีระยะเวลาเพียงสิ้นปีนี้เท่านั้น”

นอกจากนี้ในส่วนของธุรกิจสื่อ ทางบริษัทฯยังได้เข้าไปซื้อกิจการบริษัท แอปโซลูท อิมแพค จำกัด 100% เพื่อดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับสื่อแนวใหม่ ที่ให้บริการโฆษณาภายในห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป หรือ เรียกว่า สื่อ อินสโตร์ เนื่องจากเล็งเห็นว่า สื่ออินสโตร์ เป็นสื่อที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุด เมื่อเทียบกับสื่ออื่นๆ ขณะที่แอปโซลูทเอง ยังเป็นผู้นำในเรื่องของสื่ออินสโตร์นี้ด้วย

ส่วนธุรกิจด้านเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ นอกจากการจัดกิจกรรมยูลีกแล้ว ล่าสุดกับการจัดงานแสดงคอนเสิร์ต “RAIN’s COMING IN BANGKOK” เมื่อปลายเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา จากงบลงทุนกว่า 70 ล้านบาท สามารถรับรู้รายได้ที่ 75 ล้านบาท (รวมรายได้จากการหาสปอนเซอร์) ถือว่าพอใจ ถึงแม้จะมีกำไรเพียงเล็กน้อย แต่ในแง่ของแบรนด์แล้ว ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมากทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ทั้งนี้ในช่วงปลายปี บริษัทฯยังมีแผนนำคอนเสิร์ตจากต่างประเทศเข้ามาในไทยอีก 1 งาน โดยยังคงเป็นศิลปินจากประเทศเกาหลี เบื้องต้นวางงบการจัดงานไว้ที่ 40 ล้านบาท คาดว่าน่าจะมีรายได้อยู่ที่ 50 ล้านบาท

สำหรับธุรกิจด้านเทคโนโลยี บริษัทฯได้เข้าไปถือหุ้นใน บริษัท สไมล์อินเทอร์แอคทีฟ จำกัด 51% ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อดำเนินธุรกิจการตลาดบนอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ ธุรกิจอินเทอร์เน็ต วิทยุออนไลน์และธุรกิจโฆษณาออนไลน์ต่อไป

“ธุรกิจหลักทั้ง 3 นี้ จะเห็นได้ว่า เป็นธุรกิจที่อยู่ในกระแส และเข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนไทยในปัจจุบัน ซึ่งทางบริษัทฯมองว่า การดำเนินธุรกิจโดยยึดเอาเทรนด์ต่างๆที่คนไทยให้ความสนใจ จะช่วยให้ประสบความสำเร็จได้มากขึ้น โดยในปีนี้คาดว่าน่าจะมีรายได้รวมอยู่ที่ 250 ล้านบาท มาจาก 1.ธุรกิจมีเดีย 50-60% หรือมาจากแอปโซลูท 120 ล้านบาท และทีวีอีก 30 ล้านบาท 2.อีเว้นต์ 30% จากการจัดคอนเสิร์ต และยูลีก ส่วนอีก10% ที่เหลือมาจากกลุ่มธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยี” นายกิตติวัฒน์ กล่าวในที่สุด   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us